เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 76 เช่าบ้านหลังนี้แหละ
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 3 ตอนที่ 76 เช่าบ้านหลังนี้แหละ
บ้านที่หูหย่งไฉหาให้นั้นห่างจากบ้านของเขาไม่ไกลนัก
เพียงแต่บ้านหูหย่งไฉเป็นอาคารของหน่วยงาน แต่บ้านหลังนี้คือบ้านชั้นเดียว
บ้านของย่าอวี๋เหลือเธอคนเดียวแล้ว
ลูกหลานในบ้านหนีไปต่างประเทศเมื่อไม่กี่ปีก่อน สามีเธอไม่รอดจากความยากลำบาก [1]
มานานหลายปี บ้านของเธอมีขนาดไม่เล็กนัก
แต่คนแก่แกอารมณ์ร้อนทีเดียว ถ้าเธอรู้สึกว่าไม่สะดวก ฉันจะค่อยหาที่อื่นให้
นายหญิงอวี๋ไม่เพียงแต่อารมณ์ร้อนทั้งยังมีความอดทนสูง สามีของเธอทนต่อการวิพากษ์ [2] ไม่ไหว แต่เธอผ่านมันมาได้แล้ว
เดิมนายหญิงอวี๋มีมรดกอยู่มากมาย ต่อมากลับเหลือเพียงบ้านหลังนี้เท่านั้น
สำหรับย่าอวี๋แล้วบ้านหลังนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของเธอ เธอยังคาดหวังว่าบรรดาลูกหลานที่ระหกระเหินอยู่ข้างนอกจะสามารถหวนคืนสู่บ้านได้
ดังนั้นเธอย่อมต้องเฝ้าคอยอยู่บ้านหลังน้อยหลังนี้เสมอมา ตอนนี้ครอบครัวไหนๆ
ล้วนลำบาก แม้การงานของหูหย่งไฉพอจะได้ผลประโยชน์อยู่บ้าง แต่บ้านของหูหย่งไฉก็เป็นเพียงบ้านสองห้องนอนขนาดเล็กเท่านั้น
สมาชิกในครอบครัวเบียดเสียดกันในบ้านขนาดไม่ถึง 60 ตารางเมตร เวลานี้ถือว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีมากแล้ว
บ้านหลังนี้ของย่าอวี๋ใหญ่ขนาดเท่าไรกัน?
ห้องทั้งหมดมีจำนวนห้าห้องเต็มๆ รวมกับสวนขนาดย่อม
บ้านหลังนี้มีพื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร
หญิงชราผู้โดดเดี่ยวคนหนึ่งอาศัยใน ‘คฤหาสน์’ 300 ตารางเมตร สำหรับเพื่อนบ้านระแวงใกล้เคียงที่บ้านไม่พออาศัยแล้วนั้นช่างทำให้เกิดความอิจฉามากมายเพียงใดกัน? คนต้องการบ้านหลังนี้ไม่ใช่น้อยๆ ทว่าราวกับมีคนใหญ่คนโตสักคนกำลังดูแลย่าอวี๋อยู่ในมุมมืด
ถ้าไม่ได้รับการอนุญาตของย่าอวี๋ ใครก็ไม่สามารถแย่งชิงบ้านหลังนี้ไปได้
สุขภาพของย่าอวี๋ถือว่าไม่ย่ำแย่ มีงานกวาดถนนเลี้ยงชีพ
และประคองชีวิตประจำวันให้ผ่านไปได้
ทว่าหญิงชราอาศัยในบ้านโล่งด้วยตัวคนเดียวก็รู้สึกหงอยเหงาอยู่ไม่น้อย
เป็นเพราะความล้มเหลวในการวางแผนช่วงชิงบ้าน เพื่อนบ้านโดยรอบล้วนกีดกันเธอ แต่บ้านของหูหย่งไฉยังพอฝืนอาศัยอยู่ได้
และหูหย่งไฉต้องการรักษาหน้าตาของตน ดังนั้นบ้านหูและย่าอวี๋จึงไร้ซึ่งความขัดแย้งต่อกัน
ภรรยาของหูหย่งไฉรับเสื้อไหมพรมที่เซี่ยเสี่ยวหลานให้แล้ว
ก็ใจกล้าวิ่งไปถามย่าอวี๋ว่าสามารถให้เช่าบ้านได้หรือไม่
ย่าอวี๋ใช้ดวงตาเรียวชี้คู่นั้นของเธอมองภรรยาหูหย่งไฉอยู่นาน จนอีกฝ่ายเกิดความหวาดกลัว
แทบอยากบอกว่าไม่เช่าแล้ว แต่ย่าอวี๋กลับยอมตอบรับ
เด็กสาวชนบทหรือ? พาคนมาดูก่อนค่อยว่ากัน!
ดังนั้นวันนี้หูหย่งไฉจึงพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาดูบ้าน
ไม่ใช่แค่ดูว่าเซี่ยเสี่ยวหลานพึงพอใจหรือไม่ ย่าอวี๋เจ้าของบ้านยังมีเกณฑ์การพิจารณาของตนด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานพอใจในตัวบ้านมาก
เธอคิดจะทำธุรกิจ ที่จริงแล้วการเช่าบ้านแบบอาคารไม่ค่อยสะดวกนัก
ห้องของบ้านหลังนี้ล้วนเป็นระเบียบ ทั้งยังมีสวนที่ร่มรื่น ดูกันแค่ประตูนั่น
อย่าว่าแต่จักรยานเลย ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานหารถสามล้อมาขนสินค้าก็สามารถขี่เข้าไปได้
กำแพงสูงมากเป็นพิเศษ ประตูแข็งแรงทนทาน ด้านซ้ายขวาก็เป็นบ้านชั้นเดียวเหมือนกัน
แต่ไม่โอ่อ่าเท่าบ้านตระกูลอวี๋ กำแพงสูงสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ระดับหนึ่ง
อาศัยอยู่ที่นี่ย่อมความรู้สึกปลอดภัย เธอถูกใจบ้านหลังนี้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น
พยักหน้าตกลงกับหูหย่งไฉเบาๆ
นายหญิงอวี๋เองก็สำรวจเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเปิดเผยตั้งแต่เข้าบ้านมา
สำหรับสตรีสูงอายุคนอื่น เซี่ยเสี่ยวหลานดูเจ้าชู้ไม่อยู่กับเหย้ากับเรือน
เกรงว่าความประทับใจแรกจะไม่ค่อยดีนัก แต่ย่าอวี๋เป็นหญิงชราตัวคนเดียว
ในบ้านไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย แม้แต่สุนัขตัวผู้ยังไม่มีด้วยซ้ำ ย่าอวี๋จึงไม่กังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะยั่วยวนใคร
เมื่อไร้ซึ่งความระแวงประเภทนี้ หลังจากเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวย ย่าอวี๋ก็รู้สึกเจริญตาเจริญใจขึ้นอีกด้วย
เมื่อครั้งในอดีต ตระกูลอวี๋เป็นตระกูลมั่งคั่งประจำซางตู
ย่าอวี๋ก็เคยมีชีวิตแสนสุข ในบ้านมีทั้งอนุภรรยาของบิดาและหญิงรับใช้ แต่ไม่เคยพบเจอคนที่งดงามเท่าเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆ
หน้าตาสะสวยแล้วมีประโยชน์อะไรกัน ถ้าตัวเองไร้ซึ่งความสามารถ รูปลักษณ์อาจกลับกลายมาเป็นภาระได้
คุณป้าครับ เรื่องนี้บังเอิญจริงๆ น้องสาวผมคนนี้ถูกใจบ้านของคุณเสียแล้ว
หากคุณป้ายินดีให้เช่าเรื่องราคา คุณป้าวางตัวเลขแล้วพวกเราหารือกันสักหน่อย
ดีหรือไม่ครับ?
หูหย่งไฉเป็นคนกลาง คำพูดนี้จึงต้องให้เขาเป็นคนเอ่ยปาก
ย่าอวี๋เลิกคิ้วขึ้น หูหย่งไฉ
เด็กคนนี้คงไม่ใช่ญาติของคุณสินะ คุณอย่ามาโกหกต่อหน้าคนแก่อย่างฉัน
เธอมีที่มาที่ไปอย่างไร ให้เธอพูดเอง!
ญาติอะไรกัน ต้องไปรับผลประโยชน์จากคนเขามาแน่นอน
สองสามีภรรยาถึงได้ยินยอมพร้อมใจช่วยเหลือคอยเป็นธุระให้!
หูหย่งไฉยิ้มแย้มด้วยความกระอักกระอ่วน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
ย่าอวี๋มิใช่คนที่จะหลอกลวงโดยง่าย เธอจึงเล่าที่มาของตนเองอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
จดหมายแนะนำเธอยังไม่ทิ้งไป เธอเป็นคนจากหมู่บ้านชีจิ่งเขตอันชิ่ง และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ
ฉันแค่อยากหาสถานที่พักพิงสักแห่งในเมืองซางตู
บ้านหลังนี้ของคุณย่าสะดวกให้ฉันเก็บสินค้าเล็กน้อย พอดีฉันอยากเช่าสองห้อง
บางครั้งอาจขอใช้สวนของคุณสักหน่อยน่ะค่ะ
บ้านอวี๋มีห้าห้อง ห้องตรงกลางคือห้องโถงใหญ่ ทั้งสองด้านเป็นห้องสำหรับคนอาศัย
นอกจากห้าห้องนี้ ยังมีครัวขนาดครึ่งห้องเตี้ยๆ ซึ่งใช้อิฐแดงก่อขึ้นมา
วนรอบบ้านก็เจอกับห้องสุขาหนึ่งห้อง ปูด้วยกระเบื้องสีขาว เป็นส้วมนั่งยองแบบส้วมซึมรุ่นเก่า
เพราะสิ่งนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอยากเช่าบ้านหลังนี้ไว้
เธอกลายเป็นสาวชนบทผู้ใช้ชีวิตในยุค 80 สิ่งใดล้วนทนได้ทั้งนั้น
แต่ที่ทนไม่ได้คือสุขาแบบหลุมที่มีแมลงวันบินว่อนของชนบท
ตอกเสาไม้ไม่กี่ต้นตามสะดวก
ซื้อเสื่อน้ำมันหรือเสื่อฟางล้อมไว้โดยรอบเป็นสุขา บนส้วมหลุมที่วางเท้าก็คือไม้
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าทุกครั้งที่จัดการข้อเรียกร้องในการเวียนว่ายตายเกิดของพืชพันธ์ธัญญาหาร [3] ล้วนคือการทำสงคราม เธอไม่สามารถอดกลั้นต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย และความกังวลที่ว่าตนเองจะร่วงตกลงไปในหลุม!
ทว่าเธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เธอสับเปลี่ยนวิญญาณอย่างกะทันหัน หากพูดออกไป ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คนก่อนยังทนได้ ทำไมเธอคิดว่าจะรับไม่ไหวกัน?
เธอพึงพอใจบ้านของย่าอวี๋จริงๆ ย่าอวี๋จ้องเธออยู่นานสองนาน
เธอต้องการสองห้องก็ย่อมได้ แต่บอกไว้ก่อนนะ หนึ่งเดือนเธอต้องจ่ายค่าเช่าให้ฉัน 20 หยวน สวนกับครัวเธอใช้งานได้ตามสบาย อาหารการกินของเธอรับผิดชอบเอง และต้องวางมัดจำก่อนครึ่งปีเต็ม
ที่สำคัญที่สุด เธอพาผู้ชายเข้ามาอยู่ด้วยกันไม่ได้!
แพงเกินไปแล้ว!
สองห้องต่อหนึ่งเดือนต้องจ่าย 20 หยวน
ทั้งยังต้องวางมัดจำก่อนครึ่งปีเต็ม?
หูหย่งไฉอยากพาเซี่ยเสี่ยวหลานหันหลังกลับทันที
อย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานก็อยู่คนเดียว หนึ่งเดือนจ่าย 10 หยวน ยังสามารถเลือกห้องเดี่ยวของบ้านอาคารที่เหมาะสมได้
เซี่ยเสี่ยวหลานคำนวณเร็วกว่าหูหย่งไฉ เงินค่าเช่าต่อเดือน 20 หยวนนั้นแพงหรือ?
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานเมื่อครั้งที่กลับมาเกิดใหม่ถือว่าเยอะมากเหลือเกิน
แต่สำหรับเธอในตอนนี้ ก็เป็นแค่กำไรของเสื้อผ้าตัวหนึ่งเท่านั้น
ต่อให้ไม่ขายเสื้อผ้า หลิวเฟินขายกากน้ำมันหนึ่งวันก็มีรายได้เช่นนี้
เธอชื่นชอบบ้านหลังนี้จริงๆ และก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ไหว
ฉันไม่พาผู้ชายมา แต่ฉันอาจจะพาแม่ฉันมาอยู่ด้วยกัน คุณย่าว่าได้หรือไม่?
หูหย่งไฉคิดว่าไม่คุ้มค่า ทว่าช่วยไม่ได้เพราะเจ้าของบ้านและผู้เช่าต่างมีความพึงพอใจร่วมกัน
หูหย่งไฉรับหน้าที่เป็นพยาน เซี่ยเสี่ยวหลานและย่าอวี๋ลงลายมือในสัญญา จ่ายเงินมัดจำจำนวน 120 หยวน ในทีสุดเธอก็ได้สถานที่พักพิงในซางตูแล้ว
ย่าอวี๋รับเงินไป จากนั้นมอบกุญแจห้องให้เซี่ยเสี่ยวหลานทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานเช่าสองห้องด้านขวา เมื่อเปิดประตูห้อง มีเพียงห้องเดียวที่มีโครงเตียงนอน
อีกห้องหนึ่งกลับว่างเปล่า โชคดีว่าในห้องสะอาดเป็นอย่างมาก ไร้ฝุ่นและหยากไย่
บนผนังแปะกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ ถ้าความต้องการไม่สูงมากนัก
เซี่ยเสี่ยวหลานจำเป็นต้องซื้อแค่เครื่องนอนก็สามารถย้ายเข้ามาได้เลย
คุณย่าอวี๋ อีกหน่อยพวกเราต้องดูแลซึ่งกันและกันมากๆ นะคะ!
เซี่ยเสี่ยวหลานอารมณ์เบิกบานเหลือเกิน คุณย่าอวี๋พ่นลมจากจมูกหนักๆ
ส่งเสียงฮึ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้รีบร้อนกลับไป สาเหตุที่เธอไม่หาที่พักในเขตอันชิ่งก็เพราะพบว่าเซี่ยฉางเจิง
จางชุ่ย และเซี่ยจื่ออวี่รวมไปถึงคนอื่นอาศัยอยู่ในตัวเมือง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต้องการไปมาหาสู่กับคนพวกนี้
จึงเช่าบ้านในเมืองซางตูไปเสียเลย
การได้มาอาศัยอยู่ห่างไกลจากคนและเรื่องที่น่าหงุดหงิด ย่อมส่งผลดีต่อชีวิตของเธอและหลิวเฟินอย่างแน่นอน
เธอตัดสินใจเช่าบ้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วถึงกลับไปรายงานเรื่องนี้
หลิวเฟินถูกแผนการของเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้งุนงง สองแม่ลูกใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเย็นกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขในหมู่บ้านชีจิ่ง
ก่อนหน้านี้เฉินวั่งต๋าก็สัญญาแล้วว่าจะแบ่งที่ดินสำหรับปลูกบ้านและที่นาแก่พวกเธอ
ทำไมถึงจะย้ายไปอยู่เมืองมณฑลกะทันหันอีกล่ะ?
เสี่ยวหลาน ลูกคิดอย่างไรกันนี่?
เชิงอรรถพ
[1] ช่วงเวลายากลำบาก หมายถึง ช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม
ผู้คนมากมายที่ต้องสงสัยว่าเป็นปรปักษ์ต่อการปฏิวัติ จะถูกนำตัวมาวิพากย์วิจารณ์ต่อสาธารณะชน
ซึ่งมีตั้งแต่การด่าทอ ประจาน ไปจนถึงทำร้ายร่างกายและจิตใจ บางส่วนจะถูกส่งไปทำงานในชนบท
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากความอดอยาก ความลำบาก และฆ่าตัวตายจากความอับอาย
[2]批斗 วิพากษ์ มาจาก 斗私批修 ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ธรรมดา
แต่เป็นการวิจารณ์คนหรือเรื่องบางอย่างต่อหน้าธารกำนัล
โดยได้รับการอนุญาตจากคนส่วนใหญ่แล้ว
จากนั้นนำผู้ที่จะถูกวิจารณ์มาแสดงต่อสาธารณชน
ร่วมกันชี้จุดที่ไม่พอใจหรือคิดว่าไม่ถูกต้อง ถึงขั้นทำร้ายร่างกายและจิตใจ
สิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงการปฏิวัติทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ของชนชั้นกรรมาชีพ
กลุ่มเป้าหมายของการวิพากษ์นั้นไม่แน่ชัด เพราะมีตั้งแต่ปัญญาชน พระ
แม่ชีในศาสนาคริสต์ เจ้าของที่ดิน พ่อค้า คนชราและเด็ก
รวมไปถึงใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านการปฏิวัติ
[3] 五谷轮回 การเวียนว่ายตายเกิดของพืชพันธุ์ธัญญาหาร หมายถึง มนุษย์รับประทานพืชพันธุ์ธัญญาหารเข้าไป
ผ่านการย่อย แล้วขับถ่ายออกมา ว่าอย่างง่ายคือการอุจจาระ