เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 3 ตอนที่ 85 ข้ามระยะดูใจไปเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานพบว่าตนเองมีความรู้สึกดีต่อโจวเฉิงแล้ว.
เมื่อก่อนไม่ว่าโจวเฉิงจะลักลอบขนสินค้าเถื่อนหรือค้ายาเสพติด
บ้านอยู่ที่ไหน ปูมหลังครอบครัวคืออะไร ไม่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่เงินครึ่งเหมา
ถึงโจวเฉิงและคังเหว่ยจะเคยช่วยชีวิตเธอมาก่อน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานแค่ติดหนี้น้ำใจ
น้ำใจไม่ใช่ความรัก ติดหนี้แล้วก็ติดหนี้ไป เซี่ยเสี่ยวหลานจะทดแทนคืนไม่ได้เชียวหรือ?
โจวเฉิงบอกว่าเป็นมิตรสหายกัน ทว่ากลับประชิดเข้าใกล้ทีละก้าว
ล้อเล่นกับหัวใจของเธอทุกทาง
เซี่ยเสี่ยวหลานก็มิได้เหนียมอาย
ทว่าเผชิญหน้ากับหนุ่มน้อยผู้ถวายจิตใจดูแลเช่นนี้ เธอจะไม่เกิดความรู้สึกแม้แต่น้อยก็แปลกสิ!
พอมีความรู้สึกดี เซี่ยเสี่ยวหลานถึงได้เริ่มซักไซ้ตัวตนของโจวเฉิง
โจวเฉิงเป็นคนปักกิ่ง อาชีพของโจวเฉิงนั้น…
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่ากำลังตบปากของตัวเอง [1] กล่าวไว้เสียดิบดีว่าก่อนประสบความสำเร็จในการงานจะไม่ครุ่นคิดเรื่องความรู้สึกส่วนตัว
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเศร้าใจ ความรู้สึกดียิ่งไม่ใช่ก๊อกน้ำด้วย
บิดเปิดน้ำไหล ปิดไปน้ำหยุด
เธอคิดว่าตนเองว้าวุ่นไปกับเสน่ห์ของโจวเฉิงแล้ว!
โจวเฉิงฟังอย่างอื่นเข้าหูที่ไหนกัน
ใจความสำคัญที่เขาจับได้คือเซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับว่ารู้สึกดีต่อเขาแล้ว โจวเฉิงอุ้มเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้น
หมุนตัวอยู่ที่เดิมสองรอบ ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานร้องออกมาด้วยความตกใจ
รีบปล่อยฉันลงเลย โจวเฉิง โจวเฉิง!
ไม่ปล่อย เธอพูดแล้วว่าชอบฉัน ให้ฉันอุ้มอีกสักพักเถอะ
เส้นผมเซี่ยเสี่ยวหลานปัดป่ายไปมาบนใบหน้าของโจวเฉิง ปลายจมูกมีแต่กลิ่นหอมสดชื่น
แม้จะอาศัยทิวทัศน์ยามราตรีอำพรางไว้
แต่การกระทำของโจวเฉิงช่างประเจิดประเจ้อเหลือเกิน`
โชคดีที่นี่คือหยางเฉิงซึ่งเป็นสังคมที่เปิดกว้าง
โจวเฉิงสูดกลิ่นหอมฟอดใหญ่ ถึงยอมลดแขนลงได้
เธอบอกวว่าชอบฉันแล้ ดังนั้นห้ามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉันไม่เคยคบหากับใครมาก่อน เธอจะต้องรับผิดชอบฉันนะ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกฉุนจนแทบเป็นลมไป
ความรู้สึกดีและความชอบนับเป็นสิ่งเดียวกันก่อนชั่วคราวได้
ตอนนี้คือหญิงชายเสมอภาคกันแล้วด้วย เธอยังจะต้องรับผิดชอบโจวเฉิงอีก?!
เธอไม่ได้เอาเปรียบโจวเฉิงเสียหน่อย!
เซี่ยเสี่ยวหลานอดคัดค้านไม่ได้ ฉันเปล่าบอกว่าจะคบหากับเธอ
โจวเฉิงถือว่าเธอแค่กำลังกระฟัดกระเฟียด
ไม่สนการต่อต้านทางคำพูดของเธอด้วยซ้ำ
คือฉันเองที่อยากคบกับเธอ พอใจไหม? เธอวางใจได้
ฉันไม่ปล่อยให้เธอลำบากหรอก!
ใครว่าแต่งงานกับคนอย่างเขาแล้วต้องลำบาก
เขาจะยืนหยัดนำความรุ่งโรจน์เต็มเปี่ยมกลับมาให้เธอ คนดีคนหนึ่งเช่นเธอสมควรได้ดื่มด่ำกับสิ่งดีงามในทุกช่วงเวลา
อยู่กับเขา ไม่ใช่การได้รับความลำบากยากเย็น แต่เป็นการได้รับชีวิตแสนสุข!
โจวเฉิงกำลังฮึกเหิม เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจหักห้ามคนผู้นี้ให้เลิกคิดเองเออเองได้
เธอแสดงความรู้สึกดีต่อโจวเฉิงอย่างเปิดเผย
ก็เพื่อให้โจวเฉิงบอกเล่าสถานการณ์ของตนเองเช่นกัน
เรื่องที่โจวเฉิงทำในปัจจุบันต้องถูกชี้แจงแถลงไข
โจวเฉิงก็ไม่ปิดบัง จะให้เขาควักหัวใจออกมามอบแด่เซี่ยเสี่ยวหลานตอนนี้เขาก็ไม่ลังเล
เมื่อฉันอายุ 15 ปีก็เข้าทำงานในหน่วยงาน
ตอนเข้าร่วมการฝึกพิเศษฤดูร้อนปีนี้ ภายใต้การบัญชาการตัดสินใจด้านกลยุทธ์ผิดพลาด
เบื้องบนตัดสินลงโทษทางวินัยฉัน ทั้งตอนนั้นได้รับบาดเจ็บ เลยลาหยุดพักด้วยวันหยุดที่สะสมมาจากหลายปีก่อน
เดิมทียังเหลือวันหยุดอีกหนึ่งเดือน ก่อนออกมารอบนี้ โทษที่ติดตัวฉันได้รับการตรวจสอบแล้ว
การลงโทษจึงถูกยกเลิก ดังนั้นหลังฉันกลับปักกิ่งก็จะต้องกลับไปรับตำแหน่ง คงทำการค้าอิสระแบบนี้ไม่ได้แล้ว
โจวเฉิงพูดไปแล้วยังรู้สึกอับเฉา หากทราบเร็วว่าสถานการณ์จะพลิกผันเช่นนี้
ตอนนั้นเขาจะไม่กลับไปปักกิ่ง
หากก่อนคำสั่งลงมาเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์กับเซี่ยเสี่ยวหลานให้แน่นแฟ้นได้
ไม่แน่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคงใจอ่อนตั้งนานแล้ว
ส่วนคังเหว่ยจะขับรถกลับปักกิ่งอย่างไร ตอนนี้โจวเฉิงเลือกที่จะลืมไปก่อน
เธอมีคู่หมั้นที่หมั้นกันแล้วหรือเปล่า?
ไม่มี
มีแสงจันทร์ขาวนวลที่อ้อนวอนแต่ไม่ได้เคียงคู่กันหรือไม่?
แสงจันทร์ขาวนวลคืออะไร? !
ก็คือคะนึงหาไม่รู้ลืมเลือน
เป็นคู่หมายยอดดวงใจที่นอกจากเธอผู้นั้นคนอื่นล้วนไม่คู่ควรให้กล่าวถึง
ถ้าอย่างนั้นฉันมี เสี่ยวหลานคือแสงจันทร์ขาวนวลของฉัน
แสงจันทร์ค่ำคืนนี้ของหยางเฉิงงดงามเหลือเกิน โจวเฉิงรู้สึกว่าการอุปมา ‘แสงจันทร์ขาวนวล’ ช่างเหมาะสมกับบรรยากาศนัก
เสี่ยวหลานวาจาว่องไวเถรตรง แต่ไม่มีความกระด้างของสาวบ้านนอกแม้แต่น้อย
การเปรียบเปรยอย่างแสงจันทร์ขาวนวลนี้ ราวกับขนนกที่ลูบไล้ใจของโจวเฉิง…
โจวเฉิงทำงานเมื่ออายุ 15 ปี
ย่อมไม่มีโอกาสเรียนมหาวิทยาลัย พอนึกถึงปีหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว
โจวเฉิงคิดว่าตนเองก็สามารถไปศึกษาต่อในวิทยาลัยได้เช่นกัน
ไม่มีคู่หมั้น ไม่มีแสงจันร์ขาวนวล
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าชีวิตส่วนตัวของโจวเฉิงบริสุทธิ์ผุดผ่องทีเดียว เลือกสามีต้องซักไซ้ไต่สวนให้ถึงราก
หากถูกใจชายหนุ่มสักคนแล้วอยากคบหาดูใจ ขอแค่เขาโสดสนิทก็พอ
ฉันขอประกาศ เธอเข้าสู่ระยะดูใจแล้ว จะเป็นคนรักของฉัน มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
ระยะดูใจ?
โจวเฉิงอยากข้ามผ่านแม้แต่ขั้นตอนคบหาดูใจเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังอายุไม่ถึงการแต่งงาน
มิเช่นนั้นเขาคงรอรับทะเบียนสมรสกับเซี่ยเสี่ยวหลานทันทีแทบไม่ไหว
ระยะดูใจก็ระยะดูใจ หากนี่คือกระบวนการที่จำเป็นของการคบหาเช่นกัน
โจวเฉิงคิดว่ายังพอทนไหว
ท่อนแขนของเขามีกำลังเหลือล้น มือข้างเดียวก็สามารถดันรถเข็นเล็กที่เต็มไปด้วยกระเป๋าสินค้าได้
มืออีกข้างหนึ่งจูงมือของเซี่ยเสี่ยวหลานไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ระยะดูใจจับมือได้สินะ?
หากเซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธว่าไม่ได้
โจวเฉิงคิดว่าตนเองอาจยุติระยะดูใจอย่างเด็ดขาด และนำความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก้าวสู่ขั้นตอนต่อไปเลย
อย่างไรก็ตามเซี่ยเสี่ยวหลานถูกโจวเฉิงจูงมือเดินเตร่ไปตามถนนของหยางเฉิงอยู่ดี
ตลาดกลางคืนทั้งคึกคักและขมุกขมัว คู่รักที่แสดงออกอย่างสนิทสนมนั้นมีมากมาย แต่เธอกลับไม่รู้สึกเอียนความรู้สึกแบบนี้
…ได้
จับเถอะ อย่างไรก็เคยจูงมือกันมานานแล้ว ตอนนั้นไม่ได้สลัดออก
ตอนนี้ยังจะเขินอายอะไรอีกเล่า
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดแบบคนโสดทีเดียว จังหวะหัวใจเธอนั้นก็ไม่ปกติเท่าไรเลย
เป็นไปตามคาดว่าความรักย่อมต้องมีกับชายหนุ่มผู้น่าพิสมัย
คนที่รู้จักโดยการดูตัวเหล่านั้น
ผู้ชายที่พบกันครั้งแรกก็พูดกับเธอเรื่องซื้อบ้านจะใส่ชื่อเขาเข้าไปหรือไม่ หากเธอชอบเข้าไปได้น่ะสิแปลก!
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกอย่างเริงร่า เธอยินดีฉันยินยอมคบหาดูใจกัน
ไม่เหมาะสมก็เลิกราไป
มีความสุขชั่วขณะหนึ่งก็เพียงพอแล้ว จะคิดมากอะไรขนาดนั้นกัน
คนหนึ่งคิดว่าตนเองกำลังมีความรักสุดหวานชื่นกับหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา
ความรักไม่ได้หมายถึงการแต่งงาน แค่เพลิดเพลินกับปัจจุบันเท่านั้น
คนหนึ่งคิดว่าตนเองและว่าที่ภรรยาบรรลุความคิดเอกฉันท์แล้ว
เขาย่อมเทิดทูนเธอ รักเธอ แต่งงานกับเธอ และดีต่อเธอไปทั้งชีวิต
โจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานเห็นพ้องต้องกันราวปาฏิหาริย์ในความเข้าใจผิดอันงดงามที่เออออไปเอง
ทั้งสองรู้สึกว่าทิวทัศน์ค่ำคืนนี้สวยเสียจนไร้เหตุผล มีความรักที่ล่องลอยเต็มไปด้วยฟองอากาศสีชมพูจริงด้วย
รู้สึกดีเสียจนหัวใจสั่นไหวไปหมด
จากซางตูถึงหยางเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานและโจวเฉิงยังสำรวมกิริยา
ระหว่างทางกลับจากหยางเฉิง ความสัมพันธ์ของสองคนเกิดการเปลี่ยนแปลง
จึงเพิ่มเติมความหวานแหววของหนุ่มสาวบ้างเป็นธรรมดา ใครก็ดูออกว่าพวกเขาคือคู่รัก
เซี่ยเสี่ยวหลานทบทวนบทเรียน โจวเฉิงก็มองตาละห้อย กลัวเธอหิวเกรงเธอกระหาย
ทั้งกลัวกลิ่นอายในตู้รถจะรมเธอจนแย่
เซี่ยเสี่ยวหลานกลายเป็นตุ๊กตากระเบื้องในชั่วพริบตา
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นคนเปิดเผย ในเมื่อตกลงสานความสัมพันธ์กับโจวเฉิงแล้ว
เธอจะไม่รอคอยให้โจวเฉิงมาเอาอกเอาใจอย่างองค์หญิงผู้สูงส่ง
ท่าทางที่เธอพูดคุยกับโจวเฉิงก็ไม่เหมือนเดิม
ตามสบายและเป็นกันเองยิ่งขึ้น สุ้มเสียงของเธอนั้นเหมือนกันรูปโฉม อ่อนโยนยิ่งขึ้น
ราวกับกำลังออดอ้อนออเซาะ
ผู้ชายเหล่านั้นที่อยู่ในตู้รถ จ้องมองมายังโจวเฉิงด้วยสายตาที่ไม่รู้ว่ามีความริษยามากเพียงใด
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้สึกเขินอายแม้แต่นิดเดียว
โจวเฉิงชอบเธอก็ไม่ใช่อาชญากรรม เมื่อทั้งสองจะคบกัน
เธอย่อมจะทำให้คนอื่นอิจฉาโจวเฉิง
หรือต้องตะคอกตะคั้นแฟนหนุ่มในที่สาธารณะถึงเรียกว่ามีเกียรติ?
เกียรติต้องมอบให้ซึ่งกันและกัน ความเบิกบานร่วมกันซึ่งความรักเป็นผู้นำมาให้
นั้นไม่ใช่การจัดการอีกฝ่ายจนสยบสมยอม
เซี่ยเสี่ยวหลานหวังจะได้รับความเคารพจากโจวเฉิง
แน่นอนว่าเธอต้องมอบความเคารพแด่โจวเฉิงเช่นกัน
ถ้าเธอกลับปักกิ่งแล้ว ฉันเขียนจดหมายหาเธอได้ไหม?
โจวเฉิงแววตาเป็นประกาย เขียนให้ฉันวันละฉบับใช่ไหม?
เขียนจดหมายไม่ใช่ทำแบบฝึกหัดเสียหน่อย
ยังมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทุกวันด้วย?
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้าช้าๆ ฉันจะไปหาเธอที่ปักกิ่ง
รถไฟจากซางตูถึงหยางเฉิงเกิน 30 ชั่วโมง
ระยะทางถึงปักกิ่งกลับมากกว่าหนึ่งในสามของเวลาไปหยางเฉิงเล็กน้อย คำนวณออกมานั่งรถไฟมากกว่าถึงสิบกว่าชั่วโมง
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าหากตัวเธอหาเงินได้มากขึ้นบ้าง จะนั่งเครื่องบินไปก็ยังได้
ตั๋วเครื่องบินแพงไม่เป็นไร เธอเพียงแต่กังวลเล็กน้อยว่าการนั่งเครื่องบินในปี 83 ต้องทำบัตรประชาชน
หลังเกาเข่า ฉันก็จะสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่ง
เชิงอรรถ
[1]自扇嘴巴 ตบปากตัวเอง หมายถึง สิ่งที่พูดเกิดความขัดแย้งกัน