เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 4 ตอนที่ 102 ทรัพย์สินของโรงงานฝ้ายแห่งชาติ
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 4 ตอนที่ 102 ทรัพย์สินของโรงงานฝ้ายแห่งชาติ
เซี่ยเสี่ยวหลานต้องใจร้านที่ตั้งอยู่จัตุรัสเอ้อร์ชี ในอนาคตใจกลางเมืองซางตูจะเป็นย่านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดไปอีกนานแสนนาน
อาคารขนาดเล็กจำนวนสามคูหา เป็นทรัพย์สินในครอบครองของโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามประจำซางตู
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกปวดฟัน โรงงานฝ้ายที่สามก็คือหน่วยงานของมารดาจูฟ่าง!
ซางตูมีโรงงานฝ้ายของรัฐอยู่หกแห่ง อุตสาหกรรมสิ่งทอของซางตูในปี 83 เป็นอุตสาหกรรมเสาหลัก ‘หนึ่งเส้นทางปั่นฝ้าย ครึ่งหน้าประวัติศาสตร์ซางตู’ โรงงานฝ้ายหกแห่งมีคนงานกว่าหลายหมื่นคน! อุตสาหกรรมสิ่งทอแสนเฟื่องฟู
ครึ่งหนึ่งในนั้นก็คืออุตสาหกรรมเสื้อผ้าที่รุ่งเรือง
โรงงานเสื้อผ้าน้อยใหญ่ของซางตูมีจำนวนนับไม่ถ้วน
เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางไปซื้อเสื้อผ้าถึงหยางเฉิง ยอมไขว่คว้าสิ่งไกลตัว เป็นเพราะว่ากิจการเสื้อผ้าในพื้นที่ซางตูต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ต้องเอาชนะโดยอาศัยการออกแบบที่แปลกใหม่
ในหกโรงงานฝ้ายผลประกอบการยอดเยี่ยมที่สุดคือโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สาม
อาคารขนาดเล็กสามคูหาซึ่งเหมาะสมเป็นหน้าร้านที่หลิวหย่งและเซี่ยเสี่ยวหลานพอใจมาก
ก็คือทรัพย์สินของโรงงานฝ้ายแห่งชาติซางตูที่สาม
ปัจจุบันโรงงานฝ้ายที่สามกำไรงดงาม มีเพียงอาคารเล็กหลังหนึ่งใจกลางเมืองว่างเว้นไว้อย่างนั้น
ช่างมั่งคั่งและผ่าเผยเสียจริง
นี่จัดการง่ายหรือไม่?
หลิวหย่งยังไม่รู้เรื่อง ‘ความขุ่นเคือง’ ระหว่างเซี่ยเสี่ยวหลานกับติงอ้ายเจิน เดิมทีต้องการได้มาซึ่งร้านนี้ก็ยากเย็นมากอยู่แล้ว
เวลานี้ยังไม่มีการปฏิรูปเคหสถาน [1] นอกจากสถานการณ์พิเศษสุดอย่างบ้านของย่าอวี๋
บ้านเรือนทั้งหมดล้วนเป็นของรัฐ หน้าร้านที่หันออกถนนยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อยู่ในมือหน่วยงานและองค์กรทั้งนั้น พอจะชอนไชช่องโหว่เช่าบ้านจากคนทั่วไปได้
แต่ถ้าต้องการเปิดร้าน
อย่าคิดว่าจะสามารถเช่าหน้าร้านทำเลหันหน้าสู่ถนนจากคนธรรมดาได้เลย
มีบางคนที่อาศัยชั้นหนึ่งทำการเจาะประตูบ้านด้านประจันถนนสร้างเป็นร้านค้าเล็กน้อย
อย่างมากก็เปิดร้านอาหารเช้า… จะขายเสื้อผ้า? ไม่ต่างจากสินค้าแผงลอยราคาถูกนัก
เสื้อผ้าราคาถูกมีทุกทั่วหัวระแหงของซางตู
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานไปเปิดร้านที่ถนนซีอี ถึงเรียกว่าสินค้าไร้การแข่งขันโดยแท้จริง
หน้าร้านที่จัตุรัสเอ้อร์ชีดีเหลือเกิน
นอกจากข้อเสียที่ว่ามันเป็นสินทรัพย์ของโรงงานฝ้ายที่สาม ไม่ว่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์หรือความสูงของร้านในชั้นหนึ่งล้วนคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่นยิ้มขมขื่นเล่าความขุ่นเคืองระหว่างเธอและคุณติงอ้ายเจินให้หลิวหย่งฟัง
ถ้าฉันออกหน้าจัดการเรื่องตึกนี้เอง ความเป็นไปได้ที่จะถึงมือคือศูนย์
ติงอ้ายเจินเป็นเพียงผู้บริหารระดับรองคนหนึ่งในโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สาม
ธุระการปล่อยอาคารของโรงงานให้เช่าอาจไม่ใช่สิ่งที่เธอตัดสินใจได้
อย่างไรเสียต้องมีน้ำยาที่สามารถเล่นตุกติกแน่นอน
หลิวหย่งเดือดมาก ตอแยขายน่ะไม่ใช่ธุรกิจเสียหน่อย
เจ้าหนุ่มจูฟ่างนั่นลุงก็เคยเจอ พูดจามีมารยาททีเดียว ทำไมครอบครัวเขาเป็นแบบนี้?
ทั้งดูแคลนเสี่ยวหลาน
ทั้งคิดว่าเสี่ยวหลานไม่ควรคบหาดูใจกับคนอื่นนอกจากลูกชายเธอ
สรุปแล้วไม่ว่าอย่างไรก็จะถูกตระกูลจูเอาเปรียบอยู่ดี หากติงอ้ายเจินไม่ออกคำสั่ง
เซี่ยเสี่ยวหลานก็มิต้องเหมือนนางในของสังคมเก่าที่รอคอยรับสั่งออกเรือนโดยไม่สามารถเลือกคู่ครองเองได้หรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานรีบเสริมว่าตนเองแก้แค้นกลับไปทันทีทันใด
และไม่ไว้หน้ามารดาของจูฟ่างเช่นกัน
ใครจะรู้ว่าดันถูกใจบ้านของโรงงานฝ้ายที่สามอีก…
ถ้ารู้แล้วก็จะไม่ฟาดเธอ?
จะเป็นไปได้อย่างไร ฟาดดังเดิมนั่นแหละ!
แต่ตอนนี้ยุ่งยากขึ้นมาเล็กน้อย เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อมั่นว่าแก้ไขได้
แม้ไม่กลายเป็นศัตรูกับติงอ้ายเจิน
เธอก็ไม่มีวันเข้าทางผู้อำนวยการติงให้ได้มาซึ่งหน้าร้าน
เพื่อป้องกันติงอ้ายเจินก่อความวุ่นวาย
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าต้องไม่จัดการด้วยตนเอง คนที่เหลือยังมีใครไปแทนได้? หลิวเฟินไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน
หลี่เฟิ่งเหมยปากไวกว่าหลิวเฟิน วานเธอไปติดต่อกับหน่วยงานใหญ่ก็ไม่ได้เช่นกัน
ลุงไปเอง
หลิวหย่งเป็นคนร่างเล็ก
ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ทำเขาดูผ่ายผอมยิ่งกว่าเดิม บ้านหลิวเชือดหมูสองตัว หลี่เฟิ่งเหมยเก็บเนื้อไว้จำนวนไม่น้อย
ตุ๋นทุกวันให้หลิวหย่งบำรุงร่างกาย
ช่วงนี้บนโต๊ะอาหารบ้านหลิวรับประทานกันดีเหลือเกิน
หมูตุ๋นและผัดตับหมูวนเวียนสลับกันขึ้นโต๊ะ เพิ่งย้ายไปบ้านที่เช่า
แต่ละวันมีกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ลอยล่องออกมาจากในบ้าน มาตรฐานอาหารการกินจึงทำให้บ้านใกล้เรือนเคียงตกตะลึง
และไม่มีใครข่มเหงที่พวกเขาเป็นคนชนบท หอพักของหน่วยงาน
การที่คนในนำออกไปปล่อยเช่านั้นไม่ถูกต้อง
เพื่อนร่วมห้องซึ่งพักด้วยกันจะต้องรายงานแน่นอน ดังนั้ยจึงบอกกับคนนอกว่าเช่าไม่ได้
ทำได้เพียงยืนกรานว่าเป็นญาติกับเจ้าของห้อง ทั้งครอบครัวมาเพื่อขออาศัยอยู่ชั่วคราว
แล้วเจ้าของห้องอาศัยที่ไหน?
เจ้าของห้องอายุยังน้อย ย้ายกลับบ้านไปเบียดเสียดอาศัยกับบิดามารดา
สละห้องเพื่อญาติคือเรื่องที่สมควรมิใช่หรือ
ช่วงเวลานี้ความเห็นอกเห็นใจของผู้คนช่างเข้มข้นนัก
หลิวหย่งไม่มีทางไปพบจูฟ่าง ชายหนุ่มผู้มีท่าทีแสนดีไม่น้อย
ใครจะรู้ว่าพูดจาซี้ซั้วอะไรกับครอบครัวบ้าง เซี่ยเสี่ยวหลานมอบ ‘ไฉ่เตี๋ย’ แก่หลิวหย่ง 20 คอตตอนตามความเคยชิน ผู้บริหารระดับสูงย่อมไม่โปรดปราน ‘ไฉ่เตี๋ย’ มากนัก พวกเขาสูบ ‘ซั่นฮัว’ ซึ่งผลิตโดยโรงงานยาสูบซางตูเหมือนกัน
ทว่าหลิวหย่งก็ไม่รู้จักมักคุ้นผู้บริหารระดับสูง
เขาต้องเดินเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวถึงจะสามารถกระชับความสัมพันธ์กับผู้บริหารได้
ไฉ่เตี๋ยจึงจะถูกใช้ประโยชน์ไปในระหว่างเส้นทางเลี้ยวลดคดเคี้ยวนี้
ณ เมืองซางตู โรงงานฝ้ายแห่งชาติหกแห่งมีคนงานหลายหมื่น
คำพังเพยกล่าวไว้ว่า ‘ลูกสาวในโรงงานปั่นฝ้าย
ลูกเขยในการรถไฟ’ โรงงานปั่นฝ้ายมีคนงานหญิงจำนวนมาก ส่วนคนงานชายจำนวนมากจะทำงานในองค์การรถไฟ
ซึ่งทั้งสองอาชีพนี้มีรายได้และสวัสดิการที่ดี ทำให้คนเหล่านี้มีศักยภาพด้านการแข่งขันมากที่สุดในตลาดหาคู่…
ตอนนี้ครอบครัวหลิวหย่งก็อาศัยในหอพักขององค์การรถไฟนั่นเอง! หลิวหย่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่หลายปี
สั่งสมประสบการณ์สร้างมนุษยสัมพันธ์เต็มเปี่ยม ให้เขาทำงานจะรู้สึกว่าเหนื่อยยาก
แต่ถ้าให้เขาสนทนาสัพเพเหระ นั้นก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยแล้ว
ย้ายไปเพียงสองวัน หลิวหย่งจำชื่อเพื่อนบ้านในชั้นหนึ่งได้หมด
สมาชิกครอบครัวทั้งอาคารเขาก็คุ้นหน้า
เขารับหน้าที่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานมอบหมาย แล้วดำเนินการตามทิศทางนี้ ส่ง ‘ไฉ่เตี๋ย’ สิบกว่าคอตตอน
ทำให้เขาได้พบกับรองผู้อำนวยการโรงงานคนหนึ่งของโรงงานฝ้ายที่สามโดยอ้อมๆ—อย่างไรก็ตาม รองผู้อำนวยการโรงงานเจอตัวยาก
หลิวหย่งจึงพบกับมารดาชราของครอบครัวผู้อำนวยการนั่นเอง
หญิงชราเข้ากันกับลูกสะใภ้ไม่ค่อยได้ จึงแยกออกมาอาศัยอยู่กับสามีแค่สองคน
รองผอ.โรงงานเป็นยอดลูกกตัญญู ลำพังการงานยุ่งเหยิงไม่หวาดไม่ไหว
ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลบิดามารดาอย่างเช่นที่ผ่านมา ไม่นานชายชราล้มทำให้ขาเจ็บ รองผอ.โรงงานทำได้เพียงตามญาติจากชนบทมาดูแลบิดาบังเกิดเกล้า
ถึงเวลานี้หลิวหย่งก็ออกโรง เขากระตือรือร้นเยี่ยมเยือนช่วยเหลือ
ดูแลชายชราอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย
ซ่อมแซมพวกเครื่องใช้ที่ไม่ค่อยดีในบ้านของสามีภรรยาเฒ่า
ชายชราอยากรับประทาน ‘บะหมี่แกงกะหรี่เหมยจี้’ ของถนนไป่ฮัว
ถนนไป่ฮัวซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านนี้คือเส้นทางเดียวของเหล่าพนักงานโรงงานฝ้ายที่ห้ากว่าหลักหมื่นคนต้องผ่านไปเข้างาน
ในบ้านของพนักงานโรงงานปั่นฝ้ายไม่มีเครื่องทำน้ำร้อน หากจะอาบน้ำก็ต้องไปโรงอาบน้ำของโรงงาน
ขาไปจะถือหม้อหรือโถสักใบติดไปด้วย นำของวางไว้ที่ร้านเหมยจี้
กลับมาจากอาบน้ำเสร็จแถวอาจจะยังไม่ถึงตนด้วยซ้ำ…
กิจการรุ่งเรืองถึงขนาดนี้ทีเดียว คนงานโรงงานฝ้ายต้องเข้างาน
หลิวหย่งไม่มีการงานเสียหน่อย ทุกๆ วันขณะเหมยจี้เพิ่งเปิดร้าน เขาก็เฝ้าคอยอยู่หน้าประตูแล้ว
บะหมี่แกงกะหรี่ตอนซื้อกลับไปยังร้อนระอุ
คนชราบ้านรองผู้อำนวยการโรงงานทั้งสองจะไม่โปรดปรานเขาได้หรือ?
ญาติผู้มาช่วยครอบครัวรองผอ.โรงงานแทบจะร้องไห้
ถ้าหลิวหย่งยังทำแบบนี้ต่อไป ต้องแย่งชิงงานของเธอแน่นอน!
—————————————-
หลิวหย่งวุ่นกับการประจบประแจง
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังขะมักเขม้นแนะนำสินค้าเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดของเธอ
คราวนี้ไม่ราบรื่นขนาดนั้น ขณะที่เธอนำเสื้อผ้าออกไปขาย
ได้เจอสภาพอากาศกลับมาอบอุ่นอีกรอบพอดี ทุกวันล้วนคือแสงแดดแรงจ้า
ไม่หนาวเย็นถึงระดับต้องสวมใส่เสื้อกันหนาว เสื้อนอกขนสัตว์ขายดี
กางเกงขาบานก็ขายได้ กระทั่งรองเท้าหนังที่เธอนำกลับมาร่วมแผงยังขายหมดเกลี้ยงแล้ว
ส่วนเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดยังไร้คนสนใจ
สีสวยดีทีเดียว แพงไปหน่อย!
ลูกค้าสตรีผู้หนึ่งวิจารณ์เช่นนี้
เสื้อนอกขนสัตว์หลักร้อยไม่แพงเกินไปสำหรับพวกคุณ
แต่เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดหลักสิบหยวนแพงเกินไป?
มองพ่อเฒ่าดวงอาทิตย์แสนเจิดจ้าบนฟากฟ้า เซี่ยเสี่ยวหลานก็กลุ้มใจยิ่งนัก
ปักกิ่งหนาวเย็นหรือไม่?
ไม่สนแล้ว
เธอห่อเสื้อกั๊กขนแกะและเสื้อขนเป็ดของผู้ชายที่ซื้อแยกอีกหนึ่งตัว
ส่งพร้อมกันไปให้โจวเฉิง
พ
เชิงอรรถ
[1]房改 ปฏิรูปเคหสถาน หมายถึง การปฏิรูประบบที่อยู่อาศัย
โดยเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่บ้านเรือนคือสมบัติของรัฐ จะต้องได้รับแบ่งสรรจากหน่วยงาน
ไม่สามารถซื้อขายตามใจชอบ กลายเป็นผู้คนสามารถมีสิทธิในการซื้อขายได้
และมีสิทธิในที่อยู่อาศัยของตนเอง