เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 4 ตอนที่ 110 เช่าอาคารราคาสูงเสียดฟ้า
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 4 ตอนที่ 110 เช่าอาคารราคาสูงเสียดฟ้า
ส่งของจากอวี้หนานถึงปักกิ่งใช้เวลานาน
ทว่าส่งของจากหน่วยงานโจวเฉิงกลับบ้านนั่นรวดเร็วแน่นอน เขาไม่ต้องไปที่ทำการไปรษณีย์ด้วยซ้ำ
แค่วานคนเข้าเมืองไปส่งของให้ จากนั้นก็วางที่หน้าประตูหน่วยงานของมารดาเขา
ย่อมได้รับมันอยู่แล้ว
โจวเฉิงโทรศัพท์หาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกเพียงว่าเป็นของดีท้องถิ่นจากเพื่อน
เขาอยากให้บิดามารดาลิ้มลองดูบ้าง
กวนฮุ่ยเอ๋อวางโทรศัพท์ กลั้นรอยยิ้มที่ปากไว้ไม่อยู่เลย
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่ใช่คนที่มีความสามารถอะไรนัก แต่เธอเกิดมาโชคดี
เกิดมามีพื้นเพ และเลือกคู่ชีวิตได้ดี อีกทั้งยังให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งก็ดีเลิศประเสริฐเหลือเกิน
กล่าวถึงโจวเฉิงของเธอแล้ว คนอื่นที่อายุใกล้เคียงกับเขามัดรวมกันสิบคนก็สู้ใบหน้านี้ของเขาไม่ได้
วัยเยาว์ซุกซนแก่นแก้ว อายุสิบกว่าปีก็เริ่มทำงาน ตามความต้องการของกวนฮุ่ยเอ๋อนั้นคือเข้าทำงานในหน่วยงานที่สุขสบายปลอดภัยและเงินเดือนดีสักแห่ง
ทว่าโจวเฉิงยืนกรานไม่ฟังคำแนะนำของครอบครัว เขาเข้าไปทำงานได้ไม่นานก็สร้างผลงานยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ
หลังเสร็จสิ้นการฝึกฝนบุคลากรใหม่จึงถูกผู้บังคับบัญชาจัดแจงให้อยู่ข้างกาย
จากคุณสมบัติรอบด้านของโจวเฉิง ทำงานตามลำดับไม่กี่ปีก็ได้เลื่อนขั้น…
ต่อมามีภารกิจ โจวเฉิงก็กระตือรือร้นไปยังแนวหน้าที่อันตรายด้วยตนเอง
ได้รับการยกย่องยามคับขัน ความเร็วในการเลื่อนตำแหน่งราวกับนั่งจรวด
คนนอกอิจฉา ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อกลับกังวลเสียนอนไม่หลับทั้งคืน
การเลื่อนขั้นทุกครั้งล้วนหมายความว่าโจวเฉิงสร้างผลงานความดีความชอบ
ผลงานนั้นสร้างอย่างไร? ไม่มีผลงานของใครที่ได้มาโดยไม่ยากเย็น
การสร้างความดีความชอบต้องใช้ชีวิตเข้าแลก!
กวนฮุ่ยเอ๋อกังวลไปก็เท่านั้น เธอทำได้เพียงปลอบใจตนเองทุกวัน ปรับสภาวะจิตใจของตน
พยายามบอกตัวเองว่าโจวเฉิงสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้
คนตระกูลโจวคิดว่าโจวเฉิงยอดเยี่ยมกันหมด เกิดมาเพื่อทำวีรกรรมอันยิ่งใหญ่
และตระกูลโจวต้องการโจวเฉิงไว้เป็นธงเกียรติยศผืนหนึ่งที่ทำให้ผู้อื่นเคารพนบนอบ…
กวนฮุ่ยเอ๋อไร้อำนาจขัดขวางปณิธาณของคนทั้งครอบครัว เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรักใคร่ใส่ใจโจวเฉิงมากยิ่งขึ้น
สามีบอกว่าการที่เธอส่งของไปหน่วยงานทุกเมื่อเชื่อวันนั้นไม่เหมาะสม
กวนฉุ่ยเอ๋อก็ทำเป็นหูทวนลม
ขนาดส่งของให้โจวเฉิงกวนฮุ่ยเอ๋อยังรู้สึกเบิกบานยินดี นับประสาอะไรกับการได้รับสิ่งของที่โจวเฉิงส่งมาเล่า?
เมื่อถึงเวลากลางคืน นานๆ ทีบิดาของโจวเฉิงจะกลับมารับประทานอาหารที่บ้าน
กวนฮุ่ยเอ๋อนำใบชาสองกระป๋องวางลงบนโต๊ะ ลูกชายคุณให้มา
ใบชาน่ะของคุณ ส่วนพุทราของฉัน พวกเราสองคนก็อย่าเอาเปรียบใครล่ะ
นายโจวชื่นชอบการดื่มชา ความเคยชินนี้มีคนรู้ดีไม่น้อย
และเขาไม่เคยปิดบังเช่นกัน
ทุกปีจะมีคนส่งชาให้นายโจว ซิ่นหยางเหมาเจียนที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อมาให้จะดีเด่นสักเท่าไรกัน
แม้เป็นผลิตภัณฑ์อันดับหนึ่ง
ทว่าก็เป็นสินค้ามหาชนดาษดื่นสำหรับให้คนทั่วไปดื่มอยู่ดี นายโจวที่มีสิทธิได้ดื่มของพิเศษเป็นประจำเช่นนี้
ดังนั้นเขาและกวนฮุ่ยเอ๋อจึงสนใจในประเด็นที่แตกต่างกัน
โจวเฉิงอยู่ในหน่วยงานไม่ใช่หรือ ทำไมอยู่ๆ ถึงส่งของกลับบ้านได้เล่า?
กวนฮุ่ยเอ๋ออึ้งไป โจวเฉิงก็ไม่ได้บอกชัดเจนตอนคุยโทรศัพท์
บอกเพียงมีคนส่งให้
อาจเป็นเพื่อนร่วมงานมอบให้ก็ได้
นายโจวส่งเสียงหึในลำคอเบาๆ เพิ่งเลื่อนขั้นได้ไม่นาน
ก็มีคนส่งของขวัญมาประจบสอพลอแล้ว? สงวนวาจาและการกระทำหน่อย
ฉันว่าเขายังห่างไกลโข!
กวนฮุ่ยเอ๋ออารมณ์เสียแล้ว ย้ายซิ่นหยางเหมาเจียนสองกระป๋องไปจนพ้นสายตา
ถ้าอย่างนั้นก็อย่าดื่ม!
เอ้า?
ทำไมอารมณ์ร้อนขนาดนี้
เขาไม่ได้พูดว่าไม่ดื่มเสียหน่อย!
ใบหน้าของนายโจวเผยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย ศักดิ์ศรีของความน่าเกรงขาม
ทำเขาหน้าบางที่จะขอให้กวนฮุ่ยเอ๋อนำใบชาออกมา
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าของที่ตัวเองมอบแก่โจวเฉิงได้ถูกเขาส่งให้บิดามารดาอีกทอดหนึ่งไปเสียแล้ว
แต่รู้แล้วก็ไม่ว่าอะไรอยู่ดี ของที่ให้โจวเฉิง
เขาย่อมมีสิทธิจัดการด้วยตนเอง
—————————————
แผงลอยของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ในช่วงค้าขายรุ่งโรจน์
อุณหภูมิต่ำลงจัดทำให้คนซางตูเริ่มสนใจเสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดบนแผงของเธอ ทันทีที่ส่งมอบสินค้าซึ่งรับมัดจำไว้ก่อนหน้านี้
เสื้อกันลมและเสื้อนอกของเธอที่นำมารอบนี้ก็พบกับอากาศเหมาะสมพอดิบพอดี
ขายได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับเสื้อนอกชายราคาส่ง 70 หยวนต่อหนึ่งตัวนั่น
เซี่ยเสี่ยวหลานจะขาย 140 หยวน
คนมากมายรับราคานี้ไม่ไหว!
แพงเหลือเกิน!
บุรุษแต่งกายไม่พิถีพิถันขนาดนั้น แม้เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดจะมีราคาไม่กี่สิบหยวน
ก็อาจเป็นน้ำพักน้ำแรงทั้งเดือนของบางคน 140 หยวนคือเท่าไร
ในหน่วยงานที่ผลประกอบการสูงสุด เงินเดือนหนึ่งเดือนรวมเงินพิเศษก็จำนวนประมาณนี้
อีกอย่างเสื้อนี่สุดแสนจะเลือกคนสวมใส่ ผอมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องตัวสูงด้วย
สูง รวย ยินดีจ่ายเงิน
ลูกค้าเป้าหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานคือสูงรวยหล่อแห่งปี 83… โอ๊ะ ตัดเกณฑ์ ‘หล่อ’ นี้ออกไปจะเป็นไปได้มากที่สุด สูงและรวยคือภาคบังคับ
หลิวหย่งเงินทองไม่ขาดมือเหมือนกัน แต่เขาผอมแห้งกะจิดริด
สวมเสื้อนอกแบบนี้น่าขบขันมากทีเดียว
สูงรวยหล่อแน่นอนว่ามีโอกาสซื้อเสื้อผ้ากับแผงข้างทางน้อยมาก
ต่อให้เป็นมารดาและภรรยาที่ควบคุมอำนาจสูงสุดด้านการเงินในครอบครัวสูงรวยหล่อ
การซื้อสินค้าจากแผงลอยราคา 140 หยวนต่อชิ้นให้เจ้าตัวสูงรวยหล่อก็คงลังเลและเสียดายเช่นกัน
มีเงินจำนวนนี้
พวกเธอสามารถพาลูกชายหรือสามีไปเลือกตามสบายที่ห้างสรรพสินค้าไม่ดีกว่าหรือ
คุณภาพสินค้าแผงลอยข้างทางของเซี่ยเสี่ยวหลานได้จำกัดระดับลูกค้าของเสื้อผ้าที่เธอขาย
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอต้องการหน้าร้านสักแห่งอย่างเร่งด่วน
หน้าร้านที่ตกแต่งใหม่และดูมีระดับยิ่งขึ้น
หลิวหย่งยังคงไปมาหาสู่บ้านบิดามารดาหยวนหงกังเท่าที่จะทำได้
รองผู้อำนวยการหยวนจัดการธุระภายใต้ความกดดันของน้ำใจอย่างรวดเร็ว สองวันต่อมาจึงให้คำตอบแก่หลิวหย่ง
ธุระที่คุณว่าสำเร็จแล้ว
สีหน้าของหยวนหงกังพึลึกพิลั่นเล็กน้อย เรื่องของคุณนี่ก็เป็นโชคชะตาเหมือนกันนะ
หลิวหย่งซาบซึ้งจนไม่รู้ว่าควรกล่าวอะไร
เขาถามหยวนหงกังว่าต้องการค่าเช่าเท่าไร
หนึ่งปี 2000 หยวน ทางโรงงานต้องการเพียง 1000 หยวน ที่เหลืออีก 1000 หยวนสำหรับให้เจ้าของกรรมสิทธิ์อีกคน
คุณทราบแล้วว่าอาคารหลังนี้เป็นทรัพย์สินร่วมระหว่างโรงงานฝ้ายกับคนอื่น
หนึ่งปี 2000 หยวน?
คือสามคูหา 2000 หยวน?
หลิวหย่งไม่แน่ใจว่าราคานี้คือถูกหรือแพง
ปัจจุบันตลาดยังไม่มีมาตรฐานอะไรต่อร้านค้ากับการเช่าบ้าน
คนธรรมดาจะได้มาซึ่งหน้าร้านในเมืองหลวงล้วนต้องอาศัยกึ๋นของแต่ละคน ใครก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าต้องจ่ายราคาค่างวดอะไรบ้างเป็นการส่วนตัวระหว่างกันและกัน
2000 หยวนนั้นเยอะเกินไปแล้ว เงินเดือนหนึ่งปีของหยวนหงกังยังไม่มากมายขนาดนี้ ต้องคำนวณค่าตอบแทนเพิ่มเติมเข้าไปถึงจะไหว
เขารู้สึกลำบากใจทีเดียว ใช่ครับ มีแค่หน้าร้านสามคูหา ห้องข้างบนอาคารพวกคุณไม่สามารถใช้ได้ ทางโรงงานจะจัดให้คนงานเข้าไปอาศัยอยู่
หลิวหย่งยังคิดเผื่อไว้ แม้ร่วมกันเช่าเพียงสองสามห้อง
เขากับหลานสาวสองครอบครัวก็ประหยัดเงินค่าเช่าบ้านได้ ด้านบนสำหรับอาศัย
ด้านล่างสำหรับเปิดร้าน ถือว่าสะดวกสบายไม่น้อย
ผู้อำนวยการหยวน ร้านนี้ผมกับหลานสาวแท้ๆ ร่วมหุ้นกัน
ราคานี้ยังต้องหารือกับเธอเสียหน่อย พรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบคุณได้หรือไม่ครับ?
หยวนหงกังย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
หลิวหย่งรีบกลับบ้านไปแจ้งเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังกลุ้มใจกับหนทางการค้าขายเสื้อผ้าราคาสูงของเธอ
2000 หยวนต่อปี?
เงินจำนวนนี้แพงที่ไหนกัน กำไรที่ทำกลับคืนภายในอาทิตย์เดียว
นำมาใช้เช่าหน้าร้านสามคูหาตรงจัตุรัสเอ้อร์ชี
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคุ้มค่ายิ่งนัก
เช่า! ไม่ได้แค่จะเช่า อย่างน้อยจะทำสัญญาเช่า 5 ปีด้วย ดีที่สุดตกลง 8 ปี หรือ 10 ปีไปเลย!
ผ่านไปอีกไม่กี่ปีก็จะมีการปฏิรูปเคหสถานครั้งที่หนึ่ง
เซี่ยเสี่ยวหลานพินิจว่าเช่าระยะยาวก่อน ถึงเวลานั้นก็ซื้ออาคารให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย
นั่นคือข้างทำเลทองคำประจำศูนย์กลางย่านการค้าจัตุรัสเอ้อร์ชีของซางตูในภายภาคหน้า
ซื้ออสังหาริมทรัพย์สักแห่งแบบนี้ที่ซางตูให้แก่หลิวเฟิน
ถึงเป็นการรับประกันโดยแท้จริง ไม่ว่าในอนาคตหากเซี่ยเสี่ยวหลานทำธุรกิจด้วยตัวเองไม่ว่าจะขาดทุนหรือได้กำไร
ชีวิตของหลิวเฟินก็ไม่มีเรื่องให้กังวลใจอย่างแน่นอน
เซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีทันใด อย่างไรเสียกรรมสิทธิ์อาคารนี้ยังคงยุ่งเหยิงอยู่
ถ้าบอกว่าโรงงานฝ้ายที่สามและคนอื่นมีสิทธิร่วมกัน
ตอนลงชื่อสัญญาเช่าก็ต้องมาพร้อมหน้ากันทั้งสามฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ว่าเมื่อธุรกิจของพวกเราเจริญแล้วจะมีคนปรากฏตัวออกมาโต้แย้ง
ธุระรับผิดชอบโดยรองผู้อำนวยการโรงงานหยวน อุตส่าห์ถึงขั้นจะส่งมอบเงินค่าเช่าแล้ว
นั่นเป็นการรับรองว่าทางฝ่ายโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามไม่มีความเห็นคัดค้าน
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กลัวมารดาจูฟ่างก่อความวุ่นวายอีก
ระมัดระวังไว้ไร้กังวล ก้าวหน้าต่อไปได้มั่นคง
สิทธิ์ในการครอบครองของอาคารสามารถโต้แย้งกันอีกที
ทว่าระหว่างช่วงเวลาที่เธอเช่าอาคารทำธุรกิจ
เธอต้องมีสิทธิ์ในการใช้งานหน้าร้านโดยสมบูรณ์ มิเช่นนั้นเกิดเธอลงทุนออกเงินตกแต่งร้านเรียบร้อย
คนถือกรรมสิทธิ์อีกคนกลับคำไม่ปล่อยเช่าอาคารแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานจะไปตามหาใครให้ช่วยตัดสิน?
ความต้องการนี้สมเหตุสมผลมาก
รองผู้อำนวยการหยวนได้นัดเวลาและสถานที่เสร็จสรรพ พบกัน ณ สำนักงานของเขา
เซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวหย่งเดินทางมาถึงตรงเวลา หลิวหย่งแค่แนะนำว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือหลานสาวของตนเอง
หยวนหงกังก็ไม่ถือสา จนกระทั่งผู้ถือกรรมสิทธิ์อีกคนเยื้องย่างเข้าสำนักงาน
เซี่ยเสี่ยวหลานกับหลิวหย่งเบิกตาโพลง—เป็นย่าอวี๋โดยที่ไม่คิดไม่ฝัน!