เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 4 ตอนที่ 114 จูฟ่างคืนเงิน
เล่มที่ 4 ตอนที่ 114 จูฟ่างคืนเงิน
จูฟ่างใส่เสื้อตัวใหม่เข้าไปในอาคารไม่ถึง 20 นาทีก็นำเงินออกมาแล้ว.
เสี่ยวหลาน ฉันเอาเงินค่าเสื้อมาให้เธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานเดาว่าเขาคงยืมจากมิตรสหายแน่ ใจคิดว่าเขาช่างรีบร้อนเหลือเกิน
ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่าคุณจะซื้อ พวกเราเป็นเพื่อนกัน
ฉันเกรงใจที่จะทำกำไรจากคุณ คิดคุณแค่ 100 หยวนเถอะ
หูหย่งไฉยังรับบุหรี่ของเธอเลย
เมื่อก่อนจูฟ่างแนะนำช่องทางค้าขายแก่เซี่ยเสี่ยวหลานเป็นการอาสาช่วยเหลือ
ตัดเรื่องความไม่สบอารมณ์กับติงอ้ายเจินออกไป เธอยังคงติดค้างน้ำใจจูฟ่างอยู่
ไม่มีทางที่แม่ค้าหน้าเลือดจะไม่คิดกำไรแม้แต่นิดเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจปล่อยให้คนนอกรู้ว่าราคาต้นทุนของเสื้อนอกของเธอคือ 70 หยวนด้วย จึงบอกราคาขาย 100 หยวนกับจูฟ่าง
เสี่ยวหลาน เธอขายเสื้อผ้าราคานี้ให้ฉัน ไม่ขาดทุนหรือ?
หลังได้รับคำตอบแน่นอน จูฟ่างก็เข้าใจ เขานำเงินที่ยืมมาจากเพื่อน 1000 หยวนออกมา หยิบออกจากในนั้น 50 หยวน
มอบเงินที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้เซี่ยเสี่ยวหลาน
ส่วนนี้มี 950 หยวน เธอลองนับดู มี 100 หยวนเป็นค่าเสื้อ อีก 850 หยวนคือเงินของคนรักเธอที่ทิ้งไว้ในภัตตาคารคราวก่อน
วันนี้ได้พบเธอแล้ว ฉันจึงคืนให้เธอพร้อมกันเลย
เซี่ยเสี่ยวหลานจับต้นชนปลายไม่ถูก
โจวเฉิงลืมไว้ที่ภัตตาคาร?`
จูฟ่างรู้จักโจวเฉิงได้อย่างไร?
สมองเธอหยุดทำงานไปหลายวินาที จากนั้นก็เข้าใจในบัดดล เป็นโจวเฉิงที่ไปหาจูฟ่าง!
จูฟ่างไม่อธิบายเช่นกัน ยืนกรานมอบเงินให้เซี่ยเสี่ยวหลาน เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็วิ่งกลับเข้าหอพัก
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกสับสนอลหม่านเดียวดายกลางสายลม มุมปากของเธอกระตุก เพียงลองนึกภาพก็เดาสถานการณ์ได้—โจวเฉิงไปหาจูฟ่างเมื่อไร น่าจะเป็นหลังจากที่ติงอ้ายเจินเอะอะโวยวายก่อนโจวเฉิงลาจากซางตู
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองว่าโจวเฉิงทำอะไรบ้าง คาดการณ์โดยคร่าวว่าคงไม่พ้นสำแดงความโอหังและอวดความร่ำรวย
เอาเงินฟาดจูฟ่างสินะ
ทิ้งเงินไว้ที่ภัตตาคารหวงเหอ 850 หยวน?
มีความเป็นไปได้สูงว่าคือ ‘ทิป’ ที่ให้จูฟ่างเป็นรางวัล
แต่บุรุษทุกคนผู้มีความเด็ดเดี่ยวย่อมไม่รับเงินส่วนนี้อยู่แล้ว
ไม่แปลกใจที่พอจูฟ่างเจอเธอ จึงคืนเงินมาให้กับเธอ
เวลานี้ในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานพูดไม่ถูกว่าควรมีความรู้สึกแบบใด
เธอขมวดคิ้วนิ่วหน้า เหมือนโจวเฉิงจะแตกต่างกับที่เธอคิดไว้เล็กน้อย
หลิวหย่งเป็นตายก็ไม่ยอมรับให้เธอและโจวเฉิงคบหากัน
โจวเฉิงสามารถค้าขายบุหรี่เก็งกำไรจำนวนมาก
ในขณะเดียวกันก็บอกว่าตนเองทำงานในหน่วยงานลับ
คนธรรมดาสามัญมีศักยภาพมากมายถึงเพียงนี้ได้หรือ?
เกรงว่าครอบครัวโจวเฉิงจะไม่ธรรมดาทีเดียว… เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดถึงเรื่องเธอและโจวเฉิงคู่ควรกันหรือไม่
สิ่งที่เธอคิดคือโจวเฉิงคนนี้เผด็จการเกินไปแล้ว ตอนนี้ยังเสน่หาในตัวเธอ
ดังนั้นต่อหน้าเธอจึงยอมจำนนโดยสิ้นเชิง ไม่ทันไรก็ไปหาจูฟ่าง
ลักษณะพฤติกรรมแบบนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ชื่นชอบเท่าไรนัก
เธอคือสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาเสียที่ไหน
ไม่ใช่ว่าโจวเฉิงจำแลงเป็นประธานจอมเผด็จการ [1] แล้วเธอจะโง่งมหลงใหลเสียหน่อย
คนสองคนคบหากันนอกจากความรักใคร่เสน่หาแล้วต้องดูนิสัยใจคอ
ภาวะอารมณ์เช่นนี้ของโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานครุ่นคิดกับตนเองว่ายังจำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังอีกที
เสื้อคุณนี่ขายอย่างไรหรือ?
หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในต้าเยวี่ยน
เซี่ยเสี่ยวหลานข่มความไม่สบายใจไว้ รีบเริ่มแนะนำสินค้าให้แก่เธอ
ตัวละ 140 หยวนจ้ะ พี่สาวลองจับดูได้
เนื้อผ้าดีเชียวล่ะ
วัสดุดีหรือไม่ สามารถโกหกคนอื่นได้
แต่จะหลอกลวงคนงานหญิงของโรงงานฝ้ายแห่งชาติได้หรือ?
เสี่ยวฉินเคยจับเสื้อนอกตัวนั้นของจูฟ่างแล้ว
ตอนนี้ก็อดยื่นมือออกไปจับอีกครั้งไม่ได้
ขนแพะภูเขาและขนแกะทอผสมกัน เป็นผ้าที่ดีจริงๆ ด้วย
การออกแบบก็ดูดีเช่นกัน จูฟ่างซื้อสีน้ำเงินนาวี
เหล่าเฉิงของเธอใส่สีดำได้ สีดำดูสง่างามและภูมิฐานมากกว่า
เพื่อไม่ให้หัวหน้าในหน่วยงานของเหล่าเฉิงตำหนิ เสี่ยวฉินตกลงปลงใจจะซื้อ 140 หยวนถือว่าราคาแพง
ทว่าคนงานหญิงอายุงานไม่น้อยแถมฝีมือแคล่วคล่องว่องไวอย่างเธอนี้ เงินเดือนเดือนหนึ่งก็คือหลายสิบหยวน
รวมกับเงินพิเศษอีกเล็กน้อย ย่อมมีเงินพอสำหรับซื้อเสื้อนอกให้สามีของตน
แต่เงินของใครพัดพามากับสายลมเล่า ต่อรองราคาได้ก็ควรทำ
ขอลดราคากับเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งนานสองนาน น้อยลงแค่สองหยวนเท่านั้น หนึ่งตัว 138 หยวน เสี่ยวฉินราวกับว่าได้ประโยชน์ยิ่งใหญ่ไป
การค้าขายวันนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานมีจูฟ่างเป็นผู้กรุยทาง
ถือว่าเปิดยอดแล้ว
ตอนเที่ยงเธอไม่กลับบ้านไปรับประทานอาหาร แค่ซื้อปิ่ง [2] ตามถนนสองอันรองท้อง อยู่จนเวลาสี่โมงเย็น ขายเสื้อนอกได้ทั้งหมดรวมสามตัว!
หลี่เฟิ่งเหมยก็ลากสินค้ากลับมาแล้วเช่นกัน
ไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งแผงด้วยกันกับเธอ สภาพธุรกิจด้านเธอก็ไม่ดีเด่นเท่าไร
อย่างไรเสียในการขายเสื้อผ้าทุกชิ้น
หลี่เฟิ่งเหมยจะเน้นย้ำหนึ่งรอบแก่ลูกค้าทุกคนโดยไม่คิดว่ายุ่งยาก
ก่อนปีใหม่ร้านเสื้อผ้าจะเปิดกิจการแล้ว
ยินดีต้อนรับทุกคนไปซื้อเสื้อผ้าที่ถนนเอ้อร์ชี
พอลูกค้าถามชื่อร้าน หลี่เฟิ่งเหมยก็อึ้ง ทั้งสองครอบครัวยังไม่เคยปรึกษาหารือกันเรื่องนี้น่ะสิ!
ไม่ต้องขนย้ายเสื้อผ้าไปยังที่อยู่อาศัยของเซี่ยเสี่ยวหลาน แบกไปบ้านหลี่เฟิ่งเหมยเสียเลยก็พอ
บ้านที่ครอบครัวหลี่เฟิ่งเหมยเช่าอยู่ชั้นสาม
บ้านของเพื่อนจูฟ่างคือชั้นห้าอาคารตรงข้าม
เยื้องกันด้วยระยะห่างระหว่างอาคารสิบกว่าเมตร
เสี่ยวฉินมองเห็นระยะห่างฝั่งตรงข้ามในสายตาทั้งหมด
ที่แท้เป็นญาติของคนในละแวกนี้นี่เอง ไม่แปลกใจที่ตั้งแผงหน้าประตู
เหล่าเฉิง เสื้อใส่แล้วเป็นอย่างไร ฉันจ่ายเงินร้อยกว่าหยวนไปไม่เสียเปล่าสินะ!
ไม่คุ้มค่าได้อย่างไร
ขนแพะภูเขามีคุณสมบัติกักเก็บความอบอุ่นได้ดี ทอผสมกับขนแกะ มีการออกแบบที่ภูมิฐานแล้ว
และไม่หนาเกินควร สวมใส่ในฤดูหนาวให้ความรู้สึกเบาสบายและคล่องตัว
จูฟ่างฝากกระเพาะมื้อเย็นที่บ้านเฉิง
เมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานจากไปด้วยตาตนเอง เขาถึงได้กลับ
ตลอดบ่ายของวัน เขาเอาแต่จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เล่นหมากรุกกับเหล่าเฉิงหลายตาก็แพ้ทั้งหมด
—————————————-
หลี่เฟิ่งเหมยถามถึงร้านเสื้อผ้ามีชื่อว่าอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานจะตั้งชื่อภาษาต่างประเทศสุดแสนหรูหรามีระดับไม่ได้เสียด้วย
ต้องเหมาะสมกับกลิ่นอายของยุคสมัย ติดปากและจดจำง่าย เวลานี้ร้านค้าต่างๆ
นานาล้วนใช้นามสกุลมาตั้งชื่อ ‘สักจี้ [3]’ และ ‘สักซื่อ [3]’ พบเห็นได้มากที่สุด ยกตัวอย่างร้านจางจี้อาหารว่างของจางชุ่ย
หลิวจี้? หลี่จี้?
ชื่อแบบนี้เหมาะกับการขายอาหาร สำหรับร้านเสื้อผ้าจึงประหลาดไม่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานโพล่งออกไปตรงๆ
ป้า ก็เอาชื่อป้ามาตั้งเสียสิ ‘เฟิ่งเหมยเครื่องแต่งกาย’ …
หลี่เฟิ่งเหมยไม่เห็นด้วย นั่นมิใช่ธุรกิจของเธอคนเดียวนี่นา
สุดท้ายทั้งสองคนตกลงกัน ได้ชื่อ ‘หลานเฟิ่งหวง’
พอเทาเทาเลิกเรียน เซี่ยเสี่ยวหลานยังอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนเขาสักพัก
ถามไถ่ว่าการบ้านของเขายากหรือไม่ อยู่จนถึง 5 โมง
หลี่เฟิ่งเหมยเรียกเธอรับประทานอาหารก็ไม่ยอม ฉวยโอกาสที่เวลาฟ้ายังไม่มืดเหยาะย่างกลับบ้าน
—————————————-
หลิวเฟินทำอาหารที่บ้านเสร็จเรียบร้อย
กลับมาแล้วหรือ? รีบล้างมือกินข้าวเร็ว
อีกเดี๋ยวยังอ่านหนังสือได้ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนอีกสินะ?
ห้องของย่าอวี๋ปิดประตูไว้
บนตู้ขาสูงวางด้วยเนื้อแพะตุ๋นเปื่อยชามหนึ่ง เป็นหลิวเฟินที่รั้นจะวางไว้ตรงนั้น
ย่าอวี๋ไม่เข้าใจ ถ้าบอกว่าเพื่อหน้าร้านที่ถนนเอ้อร์ชีนั่น
สัญญาก็ลงชื่อแล้ว ค่าเช่า 2000 หยวนต่อปีเธอก็รับแล้ว
เป้าหมายของหลิวเฟินและลูกสาวควรจะลุล่วงแล้วสิ
เช่นนั้นทำไมหลิวเฟินยังคงช่วยเธอกวาดถนนอยู่?
ย่าอวี๋นึกคิด ต้องมีแผนการที่ใหญ่โตกว่านี้แน่นอน
เธอจึงเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ไม่ช้าก็เร็วแม่ลูกคู่นี้ต้องเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
กลิ่นหอมของเนื้อแพะลอยล่องไปแตะจมูกของย่าอวี๋
เซี่ยเสี่ยวหลานและหลิวเฟินรับประทานพลางสนทนาเฮฮากันอยู่นอกห้อง
สองแม่ลูกครึกครื้นทีเดียว ส่งเสริมให้ทั้งบ้านมีความสนุกสนานร่าเริง
ย่าอวี๋ลงจากเตียง จากนั้นจึงยกชามขึ้นมารับประทาน
ทำไมเธอจะไม่รับประทาน หากไม่กินของดีๆ เสียบ้าง
จะมีกำลังวังชาฝนลับปัญญาปะทะความกล้ากับแม่ลูกแสนเจ้าเล่ห์นั่นได้อย่างไร
เช้าวันต่อมา เซี่ยเสี่ยวหลานนำหนังสือนั่งรถรับส่งกลับเขตอันชิ่ง
หลิวเฟินช่วยย่าอวี๋กวาดถนนดั่งที่ผ่านมา ขณะกำลังจะออกไปขนกากน้ำมันที่โรงงานสกัด
ย่าอวี๋ก็รั้งเธอไว้ ในมือมีเงินอยู่
ฉันไม่คิดจะติดหนี้ใครไปทั้งชาติ กินเนื้อแพะของเธอหนึ่งชาม
ย่อมต้องเอาเงินให้เธอ
หา?
เธอยังนึกว่าคุณย่าเจ้าของบ้านมีมนุษยสัมพันธ์ดีขึ้น เนื่องจากเมื่อวานตอนเย็นยอมรับประทานเนื้อแพะที่เธอส่งให้แล้ว
นี่คือย่าอวี๋ผู้หัวรั้นนั่นเอง!
หลิวเฟินทำสิ่งใดไม่ได้ ทำได้เพียงรับเงินไว้
เธอเป็นคนซื่อตรง ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
เดิมทีคือเนื้อแพะที่มอบให้ด้วยเจตนาดี
ตอนนี้กลับกลายเป็นเนื้อแพะที่บังคับขายให้ย่าอวี๋รับประทาน
ในใจรู้สึกกระอักกระอ่วน หลิวเฟินเลยถือไม้กวาดออกไปช่วยย่าอวี๋กวาดถนน—เธอแค่คิดว่าตนเองมีพละกำลัง ช่วยเหลือเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่
ตอนเผชิญหน้ากับย่าอวี๋จึงไม่ใช่เพียงความเห็นใจ
หญิงชรามีบ้านหลังโตขนาดนั้นในซางตู
ต้องการหญิงชนบทคนหนึ่งอย่างเธอเห็นใจที่ไหนกัน!
หลิวเฟินคิดอย่างเรียบง่าย ในเมื่อเช่าหน้าร้านนั้นตั้งหลายปี
และพวกเธอแม่ลูกก็เช่าบ้านย่าอวี๋อาศัยอีกด้วย แยกจากกันไม่ได้ในช่วงเวลาอันสั้น
อยู่ใต้ชายคาเดียวกันก็มีปฏิสัมพันธ์อันดีเถอะ
เชิงอรรถพ
[1]霸道总裁 ประธานจอมเผด็จการ คือ ลักษณะของตัวเอกชายในนิยายรัก
มักจะมีอาชีพเป็นนักธุรกิจหนุ่มเปี่ยมอำนาจ หล่อเหลา ร่ำรวย ชอบบงการ รักแรงหึงแรง
และโดยทั่วไปจะมีจุดอ่อนเป็นหญิงสาวผู้สถานะทางการเงินและสังคมต่ำต้อยกว่าตนเอง
[2]饼 ปิ่ง คือ อาหารที่ทำจากแป้ง ขึ้นทรงเป็นแผ่นกลม นำไปทอดหรือย่าง
รับประทานได้หลากหลายรูปแบบ
[3]某某记,某某氏 ลักษณะการตั้งชื่อร้าน โดยเติมคำว่า จี้ (记) และ ซื่อ (氏)
ไว้ด้านหลังนามสกุล