เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 - เล่มที่ 5 ตอนที่ 121 ชี้ทางแก่สหายไป๋เจินจู
- Home
- เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80
- เล่มที่ 5 ตอนที่ 121 ชี้ทางแก่สหายไป๋เจินจู
ยังจะกลัวอะไรกันนะ
เมื่อเขตเศรษฐกิจพิเศษก่อตั้งขึ้น คนงานก่อสร้างจำนวนหลายหมื่นคนก็ได้เดินทางลงใต้อย่างเกรียงไกร
ช่วงเวลาอันรวดเร็วที่สามารถสร้างอาคารได้หนึ่งหลังภายในหนึ่งวัน ถูกขนานว่า ‘ความเร็วเผิงเฉิง’!
อีกทั้งมีโรงงานที่ลงทุนโดยนายทุนต่างแดนซึ่งตั้งอยู่ที่เผิงเฉิง
ผู้คนหลากหลายที่มาต่างรวมตัวกันในเขตเศรษฐกิจพิเศษ คนเหล่านี้มีความต้องการในด้านมาตรฐานปัจจัยดำรงชีวิตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ชนพื้นเมืองเดิมของเผิงเฉิงส่วนใหญ่เป็นชาวประมง
พวกเขายังตามความเร็วในการพัฒนาของเผิงเฉิงไม่ทัน ดังนั้นคนต่างถิ่นจึง ‘ขุดทอง’ ในเผิงเฉิงได้ง่ายดายมาก
พี่ไป๋ พี่ก็ทำธุรกิจเสื้อผ้าเหมือนกันสิ
ไป๋เจินจูมองเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอไม่ได้บอกว่าจะเติบโตในเผิงเฉิงหรอกหรือ?
พวกเราก็สามารถทำกำไรจากเงินของคนเผิงเฉิงได้เหมือนกัน
เสื้อผ้าราคาย่อมเยาและคุณภาพดี กำไรน้อยแต่เน้นขายมาก
ผู้คนในเขตพิเศษต้องชื่นชอบแน่
เซี่ยเสี่ยวหลานนำสินค้าจากหยางเฉิงไปซางตู
เดินสายจำหน่ายสินค้าคุณภาพชั้นสูง เดิมทีซางตูก็ผลิตเสื้อผ้าอยู่แล้ว จึงต้องหาสินค้าที่แตกต่างจากสินค้าในพื้นที่
เผิงเฉิงกำลังวุ่นกับการพัฒนา
นักขุดทองผู้ไปที่นั่นก็ไม่เหมือนชนชั้นแรงงานของซางตู ที่มีหน่วยงานจ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือน
คุ้มครองตั้งแต่เรื่องเคหสถานถึงค่าเล่าเรียนบุตรหลานจนกระทั่งค่ารักษาพยาบาล
และจ่ายเงินค่าแรงเดือนสองเดือนก็สามารถซื้อเสื้อผ้าแสนหรูหราได้…
สิ่งที่นักขุดทองและคนพื้นเมืองในเผิงเฉิงต้องการคือสินค้าคุณภาพดีทว่าราคาย่อมเยา
ความจริงแล้วคนท้องถิ่นนั้นก็มีเงินเช่นกัน ‘สินค้าทางน้ำ’ จำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลมาจากฮ่องกง และถูกนำเข้าสู่ตลาดโดยผ่านพวกเขานั่นเอง
อย่างไรเสียชนพื้นเมืองที่ร่ำรวยแล้วนั้นยังไม่ได้เรียนรู้การใช้เงิน
เผิงเฉิงก็พอมีเรื่องให้ใช้จ่ายเงินอยู่บ้าง อีกทั้งคนพื้นเมืองเดิมส่วนใหญ่ยังไม่มั่งคั่งร่ำรวยเป็นพิเศษด้วย
เหมาเสื้อผ้าราคาถูกจากหยางเฉิงเข้าไป
ค่อยนำสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกจากเผิงเฉิงออกมาขาย…
พวกเราทำกำไรจากส่วนนี้น่ะ
ไป๋เจินจูบรรลุฉับพลัน เธอช่างเป็นคนกล้าหาญชาญชัยเสียจริง
อยากเข้าร่วมการขนของเถื่อนหรือ?
หน้าตาสะสวย ท่าทางอรชรอ้อนแอ้น ดันอยากทำธุรกิจประเภทนี้เสียได้
ไป๋เจินจูไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรดี ผู้สันทัดการต่อสู้อย่างเธอคนนี้
กลับคิดแต่การค้าขายผลไม้หมดทั้งใจ
ไม่สงสัยว่าทำไมหาเงินไม่เก่งเท่าเซี่ยเสี่ยวหลาน
ทุกวันนี้ต้องกล้าเสี่ยงถึงจะได้รับผลประโยชน์ มิเช่นนั้นก็อดตาย!
เซี่ยเสี่ยวหลานจนปัญญาจะอธิบาย
ลุงของเธอโดนคนใช้มีดฟันเข้าแผ่นหลังยังไม่หายดี เธอจะอยากเข้าร่วมการลักลอบขนสินค้าเถื่อนเพื่ออะไร
ธุรกิจนี้กำไรดีทว่าความเสี่ยงสูง
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีช่องทางหาเงินอื่น
ไม่มีความจำเป็นต้องบ้าบิ่นเสี่ยงตาย เมื่อคนเรามีเงินทองก็ยิ่งหวงแหนชีวิตมากขึ้น
อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นถึงเศรษฐีหมื่นหยวน ไม่เหมือนตอนที่ทรัพย์สินทั้งตัวมีเพียงมันเทศ 20 ชั่ง ความคิดทำเรื่องแหกคอกของเธอจึงลดลงไปมาก
ชีวิตสงบสุขยังใช้ไม่หนำใจ จะรนหาที่ตายทำไมกัน?
คนอื่นเขาพากันสร้างเนื้อสร้างตัวล้างมือจากกิจการทุจริตแล้ว
หากเธอร่วมวงตอนนี้แล้วโชคร้ายขึ้นมาจะทำอย่างไร
ไม่ทำเรื่องผิดกฎหมายบ้านเมืองหรอก พวกเราค้าขายสินค้าเก็งกำไรโดยสุจริต ซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เล็กน้อยจากมือคนอื่นและนำออกจากเขตพิเศษมาขาย ได้สินะ?
ไป๋เจินจูจะแย้งอะไรได้
ในเมื่อเธอไม่ฉลาดเฉลียวดั่งเซี่ยเสี่ยวหลาน
ก็ทำได้แค่ฟังแนวคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานเท่านั้น
ถ้าอย่างนั้นฉันต้องไปเหมาสินค้าที่แผงลอยกับเธอ?
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ แน่นอน
เลือกของราคาถูกที่สุด ฉันคิดว่าพวกกางเกงแบบตะวันตกก็ไม่เลว
ไป๋เจินจูผู้ยึดมั่นคุณธรรมมากกว่าเงินทองนับทรัพย์สินทั้งตัวที่มีอยู่ได้เพียงไม่กี่ร้อยหยวน
หากต้องการเหมากางเกงตะวันตกราคาถูกเงินจำนวนเท่านี้ถือว่าเพียงพอ แต่หากจะซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นยังขาดเงินอีกเยอะมาก
เซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจออกทุน 500 หยวนให้สหายไป๋เจินจูรวบรวมจนครบ 1000 หยวน ประเดิมการลงทุนร่วมกันของทั้งสอง
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์น่ะไม่ต้องรีบร้อน พี่ไปลองดูตลาดที่เผิงเฉิงหลายๆ
รอบหน่อย ถึงจะคลำเจอหนทางเอง
เซี่ยเสี่ยวหลานพกเงินมาจำนวนมาก ทว่าแท้จริงแล้วล้วนเป็นเงินทุนที่ยังไม่แบ่งปันกำไรของเธอและครอบครัวลุง
ตั๋วรถสำหรับมาหยางเฉิงและค่ากินกับที่พักของเธอนับรวมในต้นทุนของธุรกิจได้
แต่เงินส่วนที่มอบแก่ไป๋เจินจูจะทำแบบนี้ไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกกระดากใจ
โผล่มาในปี 83 กลายเป็นพวกเกาะพ่อแม่กิน
เงินส่วนนี้ได้จากหลิวเฟินขายกากน้ำมันเสียด้วย
หลิวเฟินให้เงินเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งหมดรวมเกือบหนึ่งพันหยวน
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้แบ่งแยกเงินที่มารดาแท้ๆ ให้มาชัดเจนขนาดนั้น
อย่างไรเสียในอนาคตเธอหาเงินได้เท่าไรก็ใช้ตามความต้องการของหลิวเฟินอยู่ดี
เซี่ยเสี่ยวหลานคาดหวังว่าก่อนข้ามปีร้านเสื้อผ้าจะสามารถปันผลกำไรได้
เธอแค่ต้องการหาหนทางทำเงินอื่นๆ อีก ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ดีไม่น้อย
ขอเพียงไป๋เจินจูจัดซื้อสินค้าได้ ความจริงแล้วในหยางเฉิงก็พอมีสินค้าจำพวกนาฬิกาข้อมืออิเล็กทรอนิกส์อยู่บ้าง
ทว่าได้ทำการเปลี่ยนมือซื้อขายจากเผิงเฉิงมาหลายทอด ราคาย่อมแพงอย่างแน่นอน ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานยินดีรอคอย
รับสินค้าจากมือไป๋เจินจูนั้นรับรองว่าปลอดภัยและน่าเชื่อถือกว่า…
อย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงการพบกับคนอย่างเคออีสฺยงได้
เหลวไหล คนที่กล้าค้าส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เถื่อนจะเหมือนคนค้าส่งเสื้อผ้าหรือ!
—————————————-
เมื่อเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานถึงขั้นยอมออกเงินครึ่งหนึ่งแล้ว
ไป๋เจินจูก็ยินดีลองดูเช่นกัน เธอจึงไปตลาดค้าส่งกับเซี่ยเสี่ยวหลานทันที
กางเกงแบบตะวันตกพวกนั้นราคาต่ำสุดเพียง 70 หยวนต่อหนึ่งโหล
กางเกงตัวละไม่ถึง 6 หยวน?
คุณภาพไม่อาจเทียบเคียงสินค้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อไปขายได้
แต่ทั้งสองคนขายในสถานที่แตกต่างกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานยินยอมกักสินค้าไว้ในมือหลายวัน แต่ไม่มีทางขายเสื้อนอกขนแพะชายออกไปในราคาถูกแน่
เพราะซางตูคือสำนักงานใหญ่ของเธอ เธอยังต้องย้ายจากแผงลอยเป็นหน้าร้านด้วย
จึงเลือกขายสินค้ามีระดับ
ทว่าไป๋เจินจูไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้
เธอไปเผิงเฉิงเพื่อเทขายสินค้าราคาถูก การขายเสื้อผ้าเป็นแค่ทางผ่าน นำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างหากถึงเป็นตัวเลือกหลัก
ฉันต้องทำหนังสือพำนักชั่วคราวน่ะ…
ไป๋เจินจูบ่นอุบอิบเสียงค่อย
การเข้าออกเผิงเฉิงเป็นครั้งคราวมี ‘หนังสือข้ามแดน’ ก็เพียงพอ แต่ถ้าจะพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน
เธอต้องมีหนังสือพำนักชั่วคราว เรื่องประเภทนี้ไป๋เจินจูได้เปรียบกว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน
หยางเฉิงไม่ห่างไกลจากเขตพิเศษนัก แถมไป๋เจินจูมีญาติอาศัยอยู่ในเขตพิเศษอีกด้วย
เช่นนั้นก็ไปทำเลย!
เซี่ยเสี่ยวหลานใช้แรงลากกางเกงหนึ่งโหลออกมา สีน้ำเงิน
สีดำ และสีเทาคือสีหลัก ไม่ว่าเมื่อไรก็มีคนซื้อ
หากพิจารณาถึงกลุ่มลูกค้าหลักว่าเป็นชาวประมงและคนงานก่อสร้าง
ไม่ต้องนึกถึงเสื้อนอกขนสัตว์แสนบอบบางเหมือนที่เซี่ยเสี่ยวหลานเคยนำกลับไปเลย
สกปรกยาก ทนทาน และย่อมเยาคือจุดขายหลักของไป๋เจินจู
ไป๋เจินจูซื้อกางเกงแบบตะวันตกจำนวน 8 โหล
เธอเกรงว่าตนเองจะความจำไม่ค่อยดี
จึงใช้ปากกาจดอย่างจริงจังว่ามีสินค้าชนิดไหนบ้าง ชำระเงินทั้งหมดเท่าไร
ยังหลงเหลือเงินอีกเท่าไร เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่านี่คือการเริ่มต้นที่ดีมาก
เมื่อร่วมหุ้นลงทุนกับผู้อื่นทำธุรกิจนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องการรายงานรายรับรายจ่าย
แต่ต้องกลัวว่าขนาด ‘สมุดบัญชี’ ยังไม่มีและการอาศัยปากเปล่าคำนวณว่าเท่าไรเป็นเท่าไรมากกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานลงทุนกับหลี่เฟิ่งเหมย ในทุกๆ
วันทั้งสองขายสินค้าได้เงินเท่าไร ทุกส่วนล้วนต้องจดใส่บัญชี
พอเซี่ยเสี่ยวหลานพบเฉินซีเหลียง อีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มแสดงไมตรีเป็นพิเศษ
ว่าอย่างไร เอาเสื้อนอกอีกหน่อยไหม?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่ลูกค้าผู้ซื้อสินค้ามากที่สุด
แต่เธอยอมซื้อสินค้าราคาสูง เถ้าแก่เฉินซีเหลียงโปรดปรานในจุดนี้มาก
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะปฏิเสธ แพงเหลือเกิน
สินค้าแบบนี้ขายยากมาก… ครั้งนี้ฉันจะซื้ออีกแค่ 15 ชิ้น หลักๆ ไปขายสินค้าอื่นดีกว่า
เสื้อนอกขนแพะทำกำไรเป็นกอบเป็นกำก็จริง ทว่าหาก ‘หลานเฟิ่งหวง’ เปิดกิจการเต็มตัวแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมกล้าซื้อเสื้อนอกชายขนแพะ 50 ตัวในคราวเดียว
นี่ยังไม่ได้เปิดกิจการเสียหน่อย! ถ้าแผงลอยเคลื่อนที่อยากขายเสื้อผ้าราคาสูง
สินค้าก็ต้องค้างอยู่ในมือเป็นเวลานานแน่นอน คราวก่อนนำเข้าเสื้อนอกขนแพะชายจำนวน 20 ตัว นอกจากตัวที่ขายแก่จูฟ่างในราคาแค่ 100 หยวน ถูกที่สุดก็ขายเพียง 138 หยวนเท่านั้น
กำไรของเสื้อนอก 20 ตัวมูลค่าราว 1300 หยวน ถ้าอาศัยขายเสื้อไหมพรม เซี่ยเสี่ยวหลานต้องขาย 60 ตัวขึ้นไป กำไรของกางเกงต่ำที่สุด หนึ่งตัวทำกำไรได้แค่สิบกว่าหยวน
เธอต้องขายกางเกงขาบาน 100 กว่าตัวถึงจะเทียบกำไรของเสื้อนอกชายขนแพะได้
เสื้อกันลมและเสื้อขนเป็ดไปจนกระทั่งเสื้อนอกหญิงขนสัตว์ก็ยังทำกำไรสู้มันไม่ได้
ทว่าสินค้าเหล่านี้ล้วนขายได้ไวกว่าเสื้อนอกชายขนแพะน่ะสิ!
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานต้องการทำกำไรมากสุดภายในเวลาอันสุดสั้น
เธอไม่สนใจแววตาผิดหวังของเฉินซีเหลียง ยืนยันจะซื้อเสื้อนอกชายขนแพะเพียง 15 ตัวเท่านั้น ท่าทางของเฉินซีเหลียงดูกังวลเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตัวเขามีสินค้าค้างมากเกินไปหรือเพราะว่าโรงงานกดดันเขากันแน่
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถามให้มากความ… ปัญหาที่ช่วยแก้ไม่ได้
เธอจะรบกวนคนจนเขารำคาญทำไมกัน
หนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ซื้อแต่สินค้าราคาแพง ถ้ารูปแบบแปลกใหม่
ไม่เคยพบเจอในซางตู เธอก็กล้านำเข้าหมดนั่นแหละ
นอกเหนือจากสินค้าบนแผงของเฉินซีเหลียง สินค้าบนแผงอื่นๆ
ก็ถูกเธอเลือกซื้อดั่งเดิมเหมือนกัน
เฉินซีเหลียงเห็นเธอหอบกระเป๋าน้อยใหญ่พะรุงพะรัง ยังหยอกเย้าอีกด้วย ธุรกิจเธอนี่ก้าวหน้าไวเชียวนะ!
เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อสินค้ารวม 7000 หยวนถ้วน
มากกว่าหนก่อนที่ผ่านมาทั้งหมด ช่างเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดเสียจริง
คราวนี้เธอตั้งใจขายสินค้าหลายวันแล้วค่อยมาหยางเฉิงอีกที
การสอบปลายภาคจะขาดไม่ได้ บางทีพอเธอมาหยางเฉิงอีกครั้ง
อาจเป็นการมานำเข้าสินค้าเพื่อเปิดกิจการร้านช่วงก่อนข้ามปี
หลงเหลือเงินไม่ถึง 3000 หยวน
เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมตัวไปซื้อโคมไฟสวยๆ สักลูกกลับซางตู
กลางคืนเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้พักบ้านพักรับรอง แต่นอนที่บ้านตระกูลไป๋
เพราะเรื่องอันธพาลเคออีสฺยงนั่น บ้านพักรับรองจึงกลายเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย
ซื้อโคมไฟ? พรุ่งนี้ฉันพาเธอไปเอง!