เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - ตอนที่ 14.2
เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 14.2
ตอนที่ 14.2
เวลาพระอาทิตย์ตกดินของทุกวัน
ท่านปู่มักจะเดินเล่นตามลำพังอยู่ในสวนและสถานที่ที่ท่านมักจะใช้เวลาหยุดพักอยู่นานที่สุดก็คือป่าไม้เขียวชอุ่มขนาดย่อม
นอกจากจุดเริ่มต้นจากการที่เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ปฐมกษัตริย์ได้มอบต้นไม้ใบเขียวไม่ผลัดใบให้เป็นของขวัญอยู่หลายต้น ทำไมท่านถึงได้หวงแหนสถานที่นั้นมากมายขนาดนั้นกัน
ตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้เวลาอยู่ข้างกายท่านปู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านอยู่หลายปี เธอก็ได้ทราบเหตุผลนั้น
ก็คือท่านย่า
ท่านย่าไม่ชอบใบไม้ที่ร่วงโรยอย่างโดดเดี่ยว ท่านจึงชื่นชอบการเดินเล่นผ่านทางเดินป่าเขียวไม่ผลัดใบแห่งนี้ด้วยกันกับท่านปู่
ส่วนท่านปู่ที่ตอนนี้ถูกทิ้งให้มีชีวิตอยู่เพียงลำพัง จึงได้ใช้ชีวิตประจำวันอยู่เช่นนั้นซ้ำไปซ้ำมา แม้กระทั่งวันก่อนหน้าที่ท่านจะเสีย ท่านปู่ก็ยังเดินผ่านต้นไม้เขียวชอุ่มพวกนี้
ฟีเรนเทียยืนรออยู่หน้าห้องทำงาน กะเวลาให้ตรงกับช่วงหลังจากที่ท่านปู่จะเดินเล่นเสร็จแล้วกลับเข้ามา รอไม่นาน เธอก็เห็นภาพท่านปู่เดินตรงเข้ามาจากอีกด้าน
ท่านปู่!
เธอจงใจเรียกท่านปู่เสียงดัง วิ่งเข้าไปหา
โอ้ว เด็กคนนี้ บอกแล้วไงว่าอย่าวิ่ง
แฮะๆ พอดีมีของอยากมอบให้ท่านปู่ ก็เลยมารอน่ะค่ะ!
มอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ
เธอจับมือท่านปู่ลากเข้าไปข้างในห้องทำงาน
ท่านปู่ดูจะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ยอมเปิดประตูห้องทำงานให้ แล้วเดินตามจังหวะการลากของเธอ
มันคืออะไรกันแน่ ถึงได้…
ท่านปู่หยุดชะงัก ไม่อาจพูดได้จบประโยค
รูปไม้แกะสลักที่ถูกเช็ดอย่างดีไม่มีเศษฝุ่นผงแม้แต่เศษเสี้ยวถูกวางลงบนโต๊ะที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดเมื่อเปิดประตูห้องทำงานออก
มันคือของที่เธอไหว้วานให้อัลเพโอ้แกะสลักให้
นาตาเลีย?
ท่านปู่ได้แต่เหม่อลอยเอ่ยเรียกชื่อของท่านย่า
มันเป็นเพียงแค่รูปแกะสลักที่สร้างขึ้นจากไม้ที่ไม่มีสีสันใดๆ แต่เมื่อได้รับแสงอาทิตย์ตกดินที่อาบย้อมไปทั่วผืนฟ้า มองดูแล้วจึงให้ความรู้สึกราวกับมันดูดกลืนความอบอุ่นเอาไว้จริงๆ
ของขวัญมอบให้ท่านปู่ค่ะ!
ฟีเรนเทีย เจ้าเป็นคนเตรียมรูปแกะสลักนี่อย่างนั้นหรือ
ท่านปู่มองเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปใกล้รูปแกะสลัก
นี่มันช่าง…ถอดแบบมาจากนาตาเลียสมัยสาวๆ ไม่มีผิดเลย
คำพูดของท่านปู่ไม่ได้โอเวอร์เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
ความสามารถในการแกะสลักของอัลเพโอ้นั้นดีเลิศเป็นอย่างมาก เขาสร้างสรรค์รูปที่ท่านพ่อวาดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พ่อช่วยวาดรูปท่านย่าให้น่ะค่ะ ข้าก็เลยเอามันไปไหว้วานขอให้เพื่อนช่วยทำเป็นรูปไม้แกะสลักให้ค่ะ!
รูปที่แคลอฮันวาด…
ท่านปู่ยื่นมือออกไปลูบไล้บริเวณนัยน์ตาของรูปแกะสลักท่านย่า ปลายนิ้วสั่นเทาไม่หยุด สัมผัสเย็นเฉียบที่สัมผัสได้บนปลายนิ้ว ทำให้ริมฝีปากของท่านปู่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่นแต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ใบหน้าที่หันกลับมามองเธอก็เปลี่ยนเป็นปกติเหมือนอย่างทุกวัน
ว่าแต่นี่คือของขวัญข้ารึ
ค่ะ! ถูกใจมั้ยคะ
ก็ถูกใจอยู่หรอก แต่ว่า…
ท่านปู่หัวเราะเล็กน้อย
ของขวัญมันเป็นของที่ไม่มีราคาค่าตอบแทนหรอกนะ
ทราบเรื่องการบ้านของเครย์ลีบันอยู่แล้วนี่เอง
แต่ก็นะ เรื่องแค่นี้เธอเองก็คาดการณ์เอาไว้แล้วเหมือนกัน
นิสัยอย่างเครย์ลีบันน่ะ ไม่เคยล่าช้า เขาจะต้องรายงานผลการเรียนในทันทีอยู่แล้ว
เพราะเธอเองก็คิดเอาไว้แล้วเหมือนกัน จึงไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกอะไรออกไป ก่อนจะเอ่ยพูด
รูปไม้แกะสลักของข้าทำให้ท่านปู่มีความสุขมั้ยคะ
ความสุข ความสุขอย่างนั้นเหรอ ความทรงจำอันแสนสุขกับนาตาเลียในช่วงเวลาเหล่านั้นมีมากมายเหลือเกิน ทุกครั้งที่เห็นรูปสลักนี่ ย่อมทำให้ปู่คนนี้มีความสุขอย่างแน่นอน
ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ! ถ้าท่านปู่มีความสุข ข้าก็มีความสุขด้วยเหมือนกันนี่คะ!
มันไม่ใช่คำโกหกเสียทีเดียว
หลังจากเจ็บป่วย ท่านปู่ก็มองอะไรไม่ค่อยเห็น ทำให้ท่านเสียใจมากที่ไม่อาจมองดูภาพเหมือนของท่านย่าได้อีกต่อไปแล้ว
นั่นคือเหตุผลที่เธอย้ายภาพของท่านย่ามาเปลี่ยนเป็นรูปไม้แกะสลักแทน
ในอนาคตถ้าหากมองไม่เห็นด้วยวัยชรา ท่านปู่ก็ยังคงสามารถจินตนาการภาพของท่านย่าด้วยปลายนิ้วได้
การบ้านของอาจารย์เครย์ลีบัน เอาไว้คราวอื่นค่อยทำให้ดีกว่านี้ก็พอค่ะ!
นี่ก็เป็นความจริงเหมือนกัน
ต่อให้ไม่ใช่ครั้งนี้ เธอก็สามารถแสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมาในคลาสเรียนของเครย์ลีบันได้ตลอดอยู่แล้ว
อีกอย่างถ้าหากได้คะแนนพิเศษโดยตรงจากท่านปู่ ก็ต้องเลือกฝั่งนี้ก่อน เดิมทีจุดประสงค์ของคลาสเรียนผู้สืบทอดเดิมทีก็มีไว้คอยประเมินผลระยะยาวเพื่อคัดเลือกคนที่จะเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปนี่นะ
ฟีเรนเทีย
ท่านปู่มองเธอราวกับอ่านความคิดในใจของเธอแต่เธอไม่ใช่คนที่จะเป็นลมเพราะเรื่องแค่นี้หรอก
เธอมองสบตาท่านปู่ด้วยใบหน้าใสซื่อ
ถึงยังไงจะให้รับของขวัญดีๆ แบบนี้มือเปล่าก็ไม่ได้ด้วย ถ้าเจ้ามีของที่ต้องการก็ลองบอกข้ามาเถอะ ฟีเรนเทีย
ของที่ต้องการเหรอคะ อืม
ต้องแบบนี้สิ
นิสัยอย่างท่านปู่น่ะ ต่อให้เป็นของขวัญจากหลานสาวตัวน้อย ก็ไม่มีทางรับไว้โดยไม่ตอบแทนอยู่แล้ว
แต่จะให้ขอเงินเพื่อการบ้านเฉยๆ ก็เป็นตัวเลือกที่เปล่าประโยชน์เกินไป นอกจากเงินจากการขายรูปไม้แกะสลักแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอต้องการอยู่ด้วย
ถ้าอย่างนั้น ท่านปู่
เธอแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูด
เพื่อนที่แกะสลักรูปไม้แกะสลักให้น่ะค่ะ เขาชื่ออัลเพโอ้ แต่ว่า…
ตลอดเวลาที่เธอเล่าเรื่องของอัลเพโอ้ มุมปากของท่านปู่ก็กระตุกไม่หยุด
และในที่สุด
ฮ่าฮ่าฮ่า! คนมีความสามารถเช่นนั้นอาศัยอยู่ในรั้วตระกูลลอมบาร์เดียแห่งนี้เหรอเนี่ย!
ท่านปู่ระเบิดหัวเราะเสียงดัง ท่าทางอารมณ์ดีจริงๆ
ว่าแล้วเชียว นิสัยคลั่งไคล้การสะสมคนมีความสามารถนี่ ไม่ว่าจะสมัยนี้หรือสมัยก่อน ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
เธอยืนผ่อนคลาย ดื่มด่ำกับเสียงหัวเราะของท่านปู่ราวกับเป็นเสียงดนตรีบรรเลง
ทำไมน่ะเหรอ ก็ยิ่งท่านปู่อารมณ์ดี ยอดเงินที่ท่านจะมอบให้เธอก็ยิ่งเยอะยังไงล่ะ เธอคือหลานสาวผู้น่ายกย่องที่สร้างรูปสลักของท่านย่ามอบให้ท่านปู่ ทั้งยังเป็นหลานสาวที่มอบตัวอัจฉริยะมากความสามารถขนาดสร้างรูปไม้แกะสลักสมบูรณ์แบบขนาดนั้นยัดใส่มือท่านปู่เชียวนะ
เธอที่น่าชมเชยแบบนี้ ท่านปู่ไม่มีทางตอบแทนเธอด้วยมือเปล่าอยู่แล้ว
และตามธรรมเนียมก็มีกล่าวเอาไว้ว่า เด็กไม่ควรปฏิเสธเงินที่ผู้ใหญ่มอบให้เสียด้วยสิ
วันที่จะได้รู้ผลการบ้านวนกลับมาอีกครั้ง
ฟีเรนเทียมาถึงห้องเรียนเร็วกว่าเวลาเริ่มเรียนเล็กน้อย ทันทีที่เปิดประตูเดินเข้าไป เธอก็มองสำรวจใบหน้าของพวกเด็กๆ ทีละคน
สองแฝดทำหน้านิ่งเหมือนเคย จนกระทั่งสังเกตเห็นเธอแล้ววิ่งเข้ามาหา ส่วนเบเลซักท่าทางดูตื่นเต้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่คนที่ผิดคาดคือลาลาเน่ นางถือถุงเงินใบเล็ก ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำด้วยความคาดหวัง
สวัสดี ลาลาเน่
ฟีเรนเทียนี่เอง เข็มกลัดประดับเสื้อวันนี้สวยจัง
ลาลาเน่ชี้ไปยังเข็มกลัดสีเขียวที่ติดอยู่บนชุดของเธอพลางเอ่ยพูด
อื้อ ข้าเองก็ถูกใจมันเหมือนกัน ขอบใจนะ
ในระหว่างที่พวกเราเอ่ยทักทายกันเช่นนั้น เครย์ลีบันก็เดินเข้ามา ก่อนที่คลาสเรียนจะเริ่มต้นขึ้น
เอาละ ถ้างั้นมาดูผลการบ้านพร้อมกันเลยดีมั้ยครับ
เบเลซักไม่ได้ทำการบ้านมาเหมือนอย่างที่เจ้าตัวเคยพูดเอาไว้
ไม่เห็นจำเป็นต้องทำเรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้นเหมือนอย่างที่ประกาศกร้าวเอาไว้เสียหน่อย
ส่วนสองแฝดก็บอกว่าขายท่อนซุงไปใช้เป็นฟืนให้แก่ข้ารับใช้ตามคาด ทั้งคู่อธิบายอย่างชัดเจนอยู่หลายครั้งว่า พวกนั้นเป็นคนที่ต้องการมันจริงๆ และพวกเขาก็ไม่ได้ใช้กำลังบังคับด้วย ส่วนลาลาเน่
ทำเป็นถ่านแล้วเอาไปขายให้โรงหลอมในคฤหาสน์หรือครับ
ค่ะ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องมอบเงินให้กับข้ารับใช้ที่ช่วยงานเล็กน้อย จึงเหลือเงินอยู่เท่านี้น่ะค่ะ
ข้างในถุงเงินที่ลาลาเน่ยื่นส่งให้มีเงินอยู่สิบห้าเหรียญทองแดง
หากคำนึงถึงเรื่องที่ปกติท่อนไม้โง่ๆ หนึ่งท่อนนั่นมีราคาประมาณยี่สิบเหรียญทองแดง มันถือว่าเป็นการค้าที่ขายต่ำกว่าราคาทุน แต่ก็น่าตกใจที่คนทึ่มทื่ออย่างลาลาเน่เคลื่อนไหวอย่างจริงจังขนาดนี้
เรื่องนี้เครย์ลีบันเองก็คงจะคิดเหมือนกัน ถึงได้พยักหน้าไปพลางไม่คิดตระหนี่คำชมเชยให้แก่ลาลาเน่
คนสุดท้าย ท่านฟีเรนเทีย
ค่ะ อาจารย์
ขายท่อนซุงได้เงินเท่าไหร่ครับ
เธอยักไหล่ไม่ยี่หระเพียงครั้งเดียว
หรือว่า ไม่ได้ทำการบ้านหรือครับ
คำพูดของเครย์ลีบันทำให้เบเลซักที่นั่งขดตัวอยู่ในซอกโซฟาลุกพรวดขึ้นมา
เปล่าค่ะ ทำเต็มที่เลยค่ะ อาจารย์
ถ้าอย่างนั้นเงินอยู่ที่ไหนครับ
อยู่นี่ค่ะ
ครับ? ไหน…
เธอชี้ไปยังเข็มกลัดติดหน้าอกให้เครย์ลีบันดูพลางเอ่ยพูด
เอาท่อนซุงไปทำเป็นรูปไม้แกะสลักมอบให้ท่านปู่ ก็เลยได้เข็มกลัดนี่เป็นการตอบแทนค่ะ นี่คือมรกตเลยนะคะ!
แถมยังเม็ดหนาใหญ่ทั้งยังแพงหูฉี่เลยด้วยนะคะ!
คราวนี้แม้แต่ใบหน้าของเครย์ลีบันเองก็ยังตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
เธอดื่มด่ำกับตำแหน่งผู้ชนะ เอนกายพิงพนักเก้าอี้อยู่ครู่หนึ่ง แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียวที่ได้ของดีแบบนี้
ท่านปู่มอบสิบเหรียญเงินเป็นค่าจ้างให้แก่อัลเพโอ้ที่เป็นคนแกะสลักรูปไม้ ในขณะเดียวกันก็ได้มอบเงินทุนการศึกษาของตระกูลและโอกาสให้เขาได้ศึกษาเรียนรู้ภายใต้การดูแลของช่างแกะสลักชื่อดัง
ฟีเรนเทียยิ้มด้วยความภูมิใจ ในขณะที่พยายามอดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาไขว่ห้างอย่างผู้ชนะ เธอดื่มด่ำกับทัศนียภาพของห้องเรียนที่ทุกคนต่างก็เหม่อมองมาที่เธอด้วยความตกตะลึงสายตาเหลือบเห็นเบเลซักที่หอบแฮกด้วยความโมโหจนรูจมูกบาน
เธอจงใจกระตุกยิ้มมุมปากให้เบเลซักเห็นโดยเฉพาะ
เขาเคยบอกไว้ว่า เด็กเลือดผสมอย่างเธอมันต่ำต้อยและโลว์คลาสกว่าลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ใช่มั้ยเคยเยาะเย้ยเธอว่า ไม่ได้เรียนหนังสือหนังหา ไม่อาจใช้ชีวิตหรูหราดั่งชนชั้นสูง ต้องใช้ร่างกายทำงานเหมือนพวกสามัญชน
ดูถูกกันว่าสุดท้ายคนชั้นต่ำอย่างเธอจะต้องตายไปเหมือนกับแม่ของเธอเพราะฉะนั้นต่อไปเธอจะทำให้เขาได้รู้สึกเสียบ้างว่าการถูกเลือดผสมคนนี้ขับไล่มันเป็นยังไง
ให้ได้รู้ว่าการถูกแย่งชิงของที่ควรจะเป็นของตัวเองมันให้ความรู้สึกแบบไหน
นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น