เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - ตอนที่ 33.2
เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 33.2
ตอนที่ 33.2
ฮ่าฮ่าฮ่า!
จู่ๆ รูลลักก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง
แต่แล้วในตอนที่ทุกคนต่างก็ลอบถอนหายใจ คิดว่าคงจะแค่ล้อกันเล่นนี่เอง
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ฟีเรนเทียหลานสาวของข้าเป็นคนผลิตมันขึ้นมาจริงๆ เป็นผลงานที่ร่วมมือกันกับนักศึกษานามว่าเอสทีร่า ซึ่งถือใบแนะนำของข้าไปเข้าร่วมอะคาเดมีในฐานะนักวิจัยยังไงล่ะ
ฮ่าฮ่า ร่วมมือ!
ฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นผลงานที่ร่วมมือกันนี่เองครับ!
ตอนนั้นเองทุกคนถึงได้ระเบิดหัวเราะเสียงดัง
ใช่ มันต้องแบบนั้นสิ
ก็คิดอยู่ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ที่บอกว่าเด็กตัวเล็กๆ เป็นคนทำขึ้นมา แต่นี่มันเป็นผลงานที่ร่วมมือกันกับบัณฑิตมากความสามารถไม่ใช่หรือ
ก็คงจะช่วยแค่เรื่องอย่างเลือกสีริบบิ้นนี่เท่านั้นแหละนะ
นั่นคือความคิดของเหล่าลูกน้องทั้งหลาย
มันเป็นสินค้าที่จะวางจำหน่ายอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปหากถึงเวลาคงจะขายดิบขายดีจนหาซื้อไม่ได้ ต้องขอบใจแล้วละ
ท่านเจ้าตระกูลดูจะภูมิใจในตัวหลานสาวมากเลยนะครับ!
ผู้นำตระกูลเฮลิ่งหัวเราะตอบรับ
ไม่รู้หรอกว่าพวกเจ้าจะเชื่อที่ข้าพูดแค่ไหน แต่พวกเจ้าต้องได้เห็นภาพหลานสาวข้าถือยาขี้ผึ้งนี่มาต่อรองอย่างหนักแน่นกับข้า!
ต่อรองหรือครับ กับท่านเจ้าตระกูลเนี่ยนะครับ
เหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาต่างก็ตื่นตกใจ
เพราะกว่าที่พวกเขาจะสามารถนั่งหัวเราะพูดคุยกันแบบนี้กับรูลลักได้ ยังต้องใช้เวลานานมากเหลือเกิน
เด็กทั่วไปแค่ถูกรูลลักอุ้มก็ร้องไห้เสียงดังแล้วด้วยซ้ำ
แต่กลับต่อรองกับเจ้าตระกูลคนนั้นเนี่ยนะ แถมคนคนนั้นยังเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ อีก
ฟีเรนเทียไม่หวาดกลัวข้า นางเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเองมากทีเดียว
โอ้เรื่องนั้นช่างน่าตกใจจริงๆ ครับ
บรรยากาศดูเหมือนทุกคนจะไม่เชื่อว่าฟีเรนเทียเป็นคนผลิตยาขี้ผึ้งขึ้นมาจริงๆ
แต่คำพูดที่ว่าเป็นเด็กมั่นใจในตัวเอง ไม่กลัวเจ้าตระกูลนั้น พวกเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
จะว่าไป ไม่นึกเลยนะครับว่าท่านเจ้าตระกูลจะเป็นคนชอบอวดหลานสาวขนาดนี้
ผู้นำตระกูลแวร์ซึ่งสนิทสนมกับรูลลัก และอายุมากที่สุดในที่แห่งนี้หัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่า พลางเอ่ยพูด
เพราะเด็กคนนั้นเป็นคนที่ฉลาดมากยังไงล่ะ
ภาพลักษณ์ของตัวเขาเองในตอนนี้อาจจะดูโง่เขลามากพอตัว แต่รูลลักก็ยังเอาแต่หัวเราะร่าไม่คิดใส่ใจ
นึกว่ามีเรื่องใหญ่อะไรถึงได้รีบร้อนวิ่งมาเพราะถูกเรียกตัวตั้งแต่เช้าแต่พวกเขากลับต้องมานั่งฟังเจ้าตระกูลเยินยอโอ้อวดหลานสาว ถึงจะได้ยาขี้ผึ้งติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของแถมก็เถอะ
ทว่าท่ามกลางบรรยากาศบทสนทนาพูดคุยต่างๆ นานา เครย์ลีบันกลับเอาแต่นิ่งเงียบ
นัยน์ตาเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังไม่อาจรู้ได้ว่าข้างในคิดอะไรอยู่คู่นั้น กำลังก้มมองกระปุกที่วางอยู่ตรงหน้าและใช้ปลายนิ้วลูบไล้ริบบิ้นสีแดง
มันเป็นสีเดียวกันกับสีโบผูกผมที่ฟีเรนเทียใช้บ่อยที่สุด
เครย์ลีบัน ทำไมหรือ
โรมาเชียซึ่งเฝ้ามองดูภาพนั้นอยู่ข้างๆ เอ่ยถามบุตรชายด้วยความสงสัย
บางทีอาจจะเป็นความคิดเดียวกันกับที่ท่านพ่อและทุกๆ ท่านกำลังคิดอยู่ก็ได้ครับ
นัยน์ตาของเครย์ลีบันจับจ้องไปยังเหล่าลูกน้องใต้บังคับบัญชาของลอมบาร์เดียที่กำลังหัวเราะพูดคุยกันด้วยท่าทีสบายๆ
แต่ระหว่างนั้น สายตาของพวกเขากลับหยุดอยู่ที่กระปุกยาเป็นระยะ
ทุกคนก็คงจะกำลังคาดเดาสาเหตุที่ท่านเจ้าตระกูลเรียกตัวทุกคนมารวมกัน และเอายาขี้ผึ้งนี่ให้ดูใช่มั้ยล่ะครับ
ในเมืองลอมบาร์เดียแห่งนี้ งานของลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็คือ การอ่านจุดประสงค์ในใจของเจ้าตระกูลให้ออก และดำเนินการตามที่ท่านต้องการ
ถึงแม้พวกเขากำลังพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
ท่านพ่อเองก็กำลังคิดแบบเดียวกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ ว่าจะต้องวางขายยาขี้ผึ้งตัวนี้ในกลุ่มการค้าของลอมบาร์เดียที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง
โรมาเซียยักไหล่ไม่ยี่หระ พยักหน้ายอมรับเมื่อถูกล่วงรู้ความในใจ
และอีกเรื่องหนึ่ง…
เครย์ลีบันเหลือบมองริบบิ้นสีแดงอีกครั้ง
จะเรียกว่าสัญชาตญาณหรือลางสังหรณ์อะไรก็ดีทั้งสิ้น สิ่งนั้นกำลังส่งเสียงร้องบอกเครย์ลีบันว่าให้จับตามองเจ้าของริบบิ้นสีแดงนี่ให้ดี
เครย์ลีบันถือกระปุกเล็กทรงกลมเอาไว้ในมือด้วยความหวงแหน
คลาสเรียนเลิกแล้ว
ฟีเรนเทียเหมาะกับสีแดงมากจริงๆ นะ
ลาลาเน่ช่วยผูกโบผูกผมสีแดงบนผมเธอพลางเอ่ยพูด
ลาลาเน่เองก็เหมาะกับสีขาวเหมือนกัน
ไม่ได้พูดออกไปเฉยๆ โดยไม่คิดอะไร
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผิวขาวเนียนของลาลาเน่หรือนัยน์ตาสีฟ้าที่สืบทอดต่อกันมาทางฝั่งตระกูลอังเกนัส ลาลาเน่เป็นผู้หญิงที่เหมาะกับสีขาวมากจริงๆ
…ขอบใจนะ
ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายชมเธอก่อนแท้ๆ แต่พอได้รับคำชมกลับไปบ้าง กลับเขินอายเสียได้
ลาลาเน่เป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ อ่อนโยน และนิสัยดีมากจนสงสัยว่าเกิดจากท้องเดียวกันกับเบเลซักจริงหรือเปล่า
อีกฝ่ายเป็นดั่งดอกไม้งามล้ำค่ำเกินว่าจะปล่อยให้ร่วงโรยไปเพราะต้องจากไปอยู่ห่างไกลตามลำพังและไม่อาจได้รับความรัก
ฟีเรนเทียคิดแบบนั้นในขณะที่เอ่ยพูดกับลาลาเน่
ชอบตุ๊กตาใช่มั้ย ก่อนหน้านี้มีได้มาเป็นของขวัญวันเกิดข้าน่ะ แต่ข้าไม่ชอบตุ๊กตา ลาลาเน่เอาไปมั้ยล่ะ
จริงเหรอ ว้าว ดีจัง!
ลาลาเน่ฉีกยิ้มมีความสุขราวกับเธอได้รับทองคำแท่งจากใคร
ข้าล่ะ ข้าล่ะ!
ให้ของขวัญข้าบ้างสิ เทีย!
สองแฝดช่วยจัดเรียงหนังสือกับเบาะรองนั่งที่เธอตั้งใจจะเป็นคนจัดเก็บเองแทนเธอ ในขณะที่ส่งเสียงร้องงอแง
รู้แล้วๆ
เหตุผลที่เธอมัวแต่มานั่งพูดคุยไร้สาระกับพวกเด็กๆ แบบนี้ในตอนนี้ มีเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้น
หาว
ฟีเรนเทียแสร้งหาววอดพลางเหลือบตาแอบมองเล็กน้อย
ยังมองอยู่อีกแฮะ ยังมองอยู่อีก
เครย์ลีบันกำลังมองเธอด้วยนัยน์ตาราวกับมีแสงเลเซอร์พุ่งออกมา
ก่อนเริ่มคลาสเรียนก็ทำแบบนั้น ตลอดคลาสเองพอมีจังหวะทีไรก็ถามคำถามเธออยู่เรื่อยและหลังคลาสเรียนจบลง ก็เอาแต่จ้องกันแบบนั้นอย่างเปิดเผย
แถมยังเอาแต่มองมาจนเธอจะบ้าตายอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฟีเรนเทียก็ไม่อาจพูดออกไปว่า ‘ตาคงจะปวดแย่แล้วช่วยหันมองไปทางอื่นบ้างเถอะ!’ ได้อยู่ดี
ตอนนี้เธอเป็นแค่เด็กใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ เป็นแค่เด็กใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง
แต่แล้วก็มีใครบางคนสะกิดไหล่ของเธอที่กำลังร่ายมนตร์ใส่ตัวเองอยู่แบบนั้น
อ๊าก ตกใจหมด!
ทำไมถึงได้ตกใจขนาดนั้นล่ะครับ
เป็นเครย์ลีบันนั่นเอง
เรื่องนั้น ก็จนถึงเมื่อครู่นี้ยังอยู่ตรงนั้นอยู่เลยนี่…ทะ…ทำไมเหรอคะ อาจารย์
เธอฉีกยิ้มแหยดูน่าเกลียดที่สุดพลางเอ่ยถาม
ไปด้วยกันกับข้าหน่อยสิครับ
คะ?
ลาลาเน่ที่อยู่ข้างๆ กับสองแฝดต่างก็เอียงคอมองด้วยความงุนงง
เธอไม่ได้ฟังผิดไปเอง
ข้าบอกว่าให้ไปด้วยกันกับข้าหน่อยครับ ท่านฟีเรนเทีย
นี่เธอทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ
Related
Related