เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - ตอนที่ 35.1
เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล ตอนที่ 35.1
ตอนที่ 35.1
บทที่ 35
ห้องครัวประจำคฤหาสน์ลอมบาร์เดียส่งเสียงดังโหวกเหวกตั้งแต่ยามรุ่งสาง
เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ครอบครัวสายตรงจะมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
แม้แต่ท่านพ่อที่งานยุ่งเสียจนไม่มีเวลาให้ได้พักหายใจ วันนี้ยังต้องอยู่บ้าน ไม่ออกไปทำงานเพราะเขาไม่สามารถมาร่วมมื้ออาหารครอบครัวที่นานๆ จะจัดสักครั้งสายได้อย่างเด็ดขาด
มันเป็นคำสั่งของท่านปู่ที่คิดว่า ภาพครอบครัวที่ ‘สมกับเป็นครอบครัว’ ในหมู่ครอบครัวนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากเท่าๆ กับความสำเร็จของกิจการลอมบาร์เดีย ไม่ว่าสภาพที่แท้จริงแล้วมันจะเป็นเช่นไรก็ตาม
เพราะฉะนั้นพวกเราสองพ่อลูกจึงได้ข้ามมื้อเช้า ตื่นสายเล็กน้อย กินของว่างง่ายๆ รองท้องไปก่อน แล้วมายืมมือเหล่าลูกจ้างช่วยแต่งตัว
เท่าที่ได้ยินมา คนอื่นๆ ในตระกูลถึงกับจ้างคนมาไว้เพื่อช่วยแต่งตัวให้เป็นพิเศษกันเลยทีเดียว แต่พวกเธอไม่คิดว่าจำเป็นที่จะต้องทำอะไรขนาดนั้น
หากเป็นวันสำคัญก็ค่อยจ้างมาช่วยเป็นครั้งคราวก็พอแล้ว
เทียของพ่อ นานวันเข้าก็ยิ่งสวยขึ้นนะเนี่ย!
ท่านพ่อยิ้มให้เธอในกระจกพลางเอ่ยพูด
ฟีเรนเทียไม่ได้พูดถ่อมตัวอะไรออกไป แต่ในสายตาเธอเองก็รู้สึกว่าตัวเองสวยนี่นะ
ท่านพ่อเองก็เท่มากเลยค่ะ!
คำพูดนี้เธอเองก็ไม่ได้พูดออกไปเฉยๆ เหมือนกัน
ท่านพ่อที่แต่งเนื้อแต่งตัวกับเขาบ้างวันนี้ ดูหล่อเหลาเสียจนเธอต้องมองจนตาค้าง
พ่อกับลูกสาวที่หน้าตาถอดแบบกันมา ยืนอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว ยิ่งมองก็ยิ่งน่าดู
บางทีในสายตาคนอื่นๆ เองก็คงจะยิ่งคิดแบบนั้นสินะ
ฟีเรนเทียเห็นเหล่าข้ารับใช้หญิงที่มาช่วยพวกเธอแต่งตัวมองเธอกับพ่อด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่อาจละสายตาออกไปได้ก็รู้แล้วแค่แต่งเนื้อแต่งตัวนิดหน่อยแบบนี้ ก็ดูดียิ่งกว่าใครๆ ในลอมบาร์เดีย แล้วจะยังจำเป็นอะไรที่จะจ้างคนมาช่วยเพิ่มต่างหากอีกกันล่ะ
เธอยักไหล่ไม่ยี่หระ
เอาละ ไปกันเถอะ เทีย
เธอจับมือใหญ่ที่ยื่นมาหาเธออย่างอบอุ่นเอาไว้ ก่อนจะเริ่มเดิน
มือของท่านพ่อทั้งใหญ่ทั้งอบอุ่น
อากาศก็ปลอดโปร่งเป็นอย่างมาก ภายใต้แสงอาทิตย์สดใส มันเหมือนกับช่วยละลายความเย็นชาภายในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียจนอ่อนตัวลงอย่างอ่อนโยนเลย
ทุกอย่างให้ความรู้สึกสมบูรณ์แบบไปหมด
จนกระทั่งมาถึงโถงงานเลี้ยงเอเลนอยด์ซึ่งเป็นห้องจัดงานเลี้ยง แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่นแหละ
มาแล้วหรือครับ
พ่อบ้านซึ่งยืนเฝ้ารออยู่หน้าประตูเอ่ยต้อนรับพวกเราด้วยความสุภาพ
แต่สถานที่ที่สายตาของเธอจับจ้องไปคือเหล่าคนในตระกูลลอมบาร์เดียคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนหน้าและกำลังนั่งอยู่ก่อนแล้ว
ดูจากตำแหน่งที่นั่งสูงสุดของโต๊ะที่ยังว่างเปล่า ท่าทางท่านปู่จะยังมาไม่ถึง
อึก ไม่อยากเข้าไปเลย
ฟีเรนเทียปลอบตัวเอง และบังคับขาที่พยายามจะก้าวถอยหลังด้วยสัญชาตญาณให้เดินไปยังโต๊ะตามที่ท่านพ่อเดินนำเข้าไป
พอเข้าไปใกล้มากขึ้นทีละนิด ก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยของคนอื่นๆ
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกต้องก็คือ ใบหน้าของผู้คนที่ดูอ่อนเยาว์กว่าภาพในความทรงจำของเธอลงไปกว่ายี่สิบปี
ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหรูหราที่สวมใส่ หรือภาพลักษณ์ภายนอกอันแสนงดงาม แวบแรกที่ได้เห็นทุกคนต่างก็เหมือนกับเทวดานางฟ้า
แต่เธอรู้ว่าข้างในนั้นหากไม่ว่างเปล่าจนกลวง ก็มืดดำไปหมด
คล้ายกับรู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ เบเจอร์ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดจึงหันมามองเธอ
อันที่จริงหน้าตาก็ไม่ได้แย่อะไร สมกับที่เป็นพี่น้องกับท่านพ่อ สมกับที่เป็นสายเลือดของลอมบาร์เดียอยู่เหมือนกันแต่เธอเกลียดความโลภที่เต็มเปี่ยมอยู่ในนัยน์ตาแหลมเชิดรั้นคู่นั้นจริงๆ
อึก
รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาจนต้องรีบเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น
เอาละ งั้นเทียอยู่ตรงนี้กับลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ นะ
โต๊ะถูกแบ่งออกเป็นโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ กับโต๊ะสำหรับพวกเด็กๆ
สำหรับเธอถือว่าโล่งอกมากทีเดียวเพราะหากต้องมองหน้าเบเจอร์ที่ยังคงจ้องมาทางนี้จนถึงตอนนี้ หรือหน้าเซรัลภริยาของเขา เธอคงกินอะไรไม่ลงกันพอดี
เทีย!
มานั่งข้างๆ พวกเราตรงนี้สิ!
สองแฝดที่มาถึงก่อนเอ่ยต้อนรับเธอเสียงดังเหมือนทุกครั้ง
เอาสิ ทั้งสองคนดูแลเทียดีๆ นะ
ไม่ต้องห่วงครับ!
พวกเขาตอบอย่างหนักแน่น ทำได้ดีมาก
ภาพนั้นทำให้ท่านพ่อยิ้มอบอุ่น ดูเหมือนจะโล่งใจลงไปได้มากทีเดียว
งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ เทีย
ท่านพ่อจุมพิตลงบนศีรษะของเธอเป็นการบอกลา เพียงไม่นานก็เดินห่างไปยังโต๊ะอีกฟาก
บนโต๊ะที่ทุกคนต่างก็นั่งกันเป็นคู่ มีเพียงท่านพ่อที่ต้องนั่งอยู่คนเดียว ทำให้ดูโดดเดี่ยวเล็กน้อย
เธอถอนหายใจแผ่วเบา หมุนตัวกลับ ตั้งใจจะเดินไปนั่งลงบนที่นั่ง
เทียนั่งข้างข้า!
ไม่ใช่! ข้างข้าต่างหาก!
สองแฝดทะเลาะกันแย่งเธอ
ท่านพ่อ บอกให้ใครช่วยดูแลใครนะคะ
คิลลีวูกับเมโลนที่สนิทสนมและเข้าขากันได้ดีจะตาย กลับมักจะทะเลาะกันบ่อยๆ เพราะปัญหาเกี่ยวกับเธออยู่เรื่อย
นี่ ทั้งสองคน อย่าทะเลาะกัน
เธอพยายามพูดปลอบ แต่สองแฝดที่เริ่มโมโหแล้วกลับไม่ยอมฟังเสียงเธอกันเลย
ครั้งนี้ตาข้านะ!
ของแบบนั้นมีที่ไหนกัน!
จากนั้นเสียงของสองแฝดก็เริ่มดังมากขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยไว้แบบนี้คงได้กลายเป็นจุดสนใจแน่ แต่แล้วในตอนที่เธอแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างทั้งคู่ที่กำลังเถียงกันจนเหนื่อยหอบ
คิลลีวู เมโลน
ใครบางคนก็เดินเข้ามาในห้องจัดงานเลี้ยงพอดี ในขณะเดียวกันก็เอ่ยเรียกชื่อสองแฝดเสียงเข้ม
เวสติน ชูลส์ บิดาของทั้งสองคน
บนใบหน้าของบุคคลที่สาวเท้ากว้างเดินเข้ามาเสียงดังตึก ตึก ยังคงมีรอยยิ้มไม่จางหายไปไหน แต่ไม่รู้ทำไมบรรยากาศรอบตัวเขามันกลับดูเย็นชาแปลกๆ
โวยวายอะไรกัน
และสายตาของเวสตินที่เข้ามาใกล้ก็หันมาจับจ้องอยู่ที่เธอ
เจ้าอีกแล้วนี่เอง
หืม?
ท่าทางของเวสตินดูแปลกๆ
ท่าทางของเขาแตกต่างจากตอนที่อยู่ด้วยกันกับป้าชานาเนสอย่างสิ้นเชิง
สายตาเหลือบมองเธอราวกับเห็นตัวน่ารำคาญสายตา หลังจากนั้นก็ยังถึงกับแอบลอบผลักไหล่ของเธอออกเสียงดังตุบ
ถึงจะเป็นแค่การผลักเบาๆ ก็จริง แต่แรงของผู้ใหญ่ก็ทำให้ร่างของเธอเซถลาไปข้างหลังอยู่ก้าวหนึ่ง
เวสตินผลักเธอออกไปจากข้างกายคู่แฝด ก่อนที่จะเอ่ยพูดกับบุตรชายทั้งสองคน
พ่อบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้รักษามารยาทในงานรวมตัวครอบครัววันนี้
ครับ
ขอโทษครับ…
พอโดนดุ สองแฝดก็ไหล่ลู่ตกด้วยความเศร้า
ดีมาก ข้าเชื่อในตัวพวกเจ้านะ
เวสตินกล่าวทิ้งท้ายเช่นนั้น แล้วเดินตรงดิ่งไปยังโต๊ะอีกฝั่ง
ฮ่าฮ่า ขออภัยครับ ข้ามาสายเสียแล้ว!
น้ำเสียงเริงร่าเสียจนไม่อาจจินตนาการออกได้เลยว่าเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่หลุบตามองเธอด้วยความเย็นชาเมื่อครู่นี้
ใช่แล้วละ นั่นต่างหากถึงจะเป็นภาพลักษณ์ของเวสติน ชูลส์ตัวจริงที่เธอรู้จัก
Related
Related