เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 179.2
เล่ม 5 บทที่ 179.2
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ แคทเธอรีน คาอิลรัส!สบายดีมั้ยคะ”
หลังจากงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีจบลง เธอกับเฟเรสก็มุ่งหน้ากลับมาที่วังโฟอิรัค
“ท่านฟีเรนเทีย”
เพราะแคทเธอรีนมักจะกลับมาที่คฤหาสน์ทุกปีเวลาจัดงานพบปะนักเรียนทุนลอมบาร์เดีย พวกเราเลยได้พบหน้าค่าตากันอยู่บ้าง
ส่วนคาอิลรัสนั้น ครั้งสุดท้ายที่ได้สนทนากันแค่ครู่เดียวก็เมื่อตอนที่เขามาร่วมงานพร้อมคนอื่นๆ ในตระกูลเฮย์ลิ่งตอนงานวันเกิดของท่านปู่เมื่อครั้งก่อนโน้น
พวกเรายืนสนทนากันได้เพียงครู่เดียวเฟเรสก็เดินเข้ามาสั่งการทั้งสองคน
“ไปเตรียมขนมหวานที่มีช็อกโกแลตกับชาอุ่นๆ มาด้วย”
“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”
แคทเธอรีนกับคาอิลรัสลอบสังเกตสีหน้าเฟเรส ก่อนจะปลีกตัวเดินออกไปด้านนอก
“เทีย”
“อื้อ?”
“นั่งพักก่อนเถอะ”
“อา…”
เป็นเรื่องแปลกชอบกล
พอเฟเรสพูดแบบนั้น จู่ๆ ความเหนื่อยล้าก็พลันถาโถมเข้าใส่เธอทันที
ดูเหมือนเธอเองก็เครียดกับงานเลี้ยงมื้อเย็นกับจักรพรรดินีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันสินะ
เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตุบ
“ขอบใจนะ เฟเรส”
และนอนราบทิ้งตัวเอนไปบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงมันทั้งแบบนั้นราวกับจะสลบไสล
“เทีย!”
เฟเรสที่กำลังปลดกระดุมคอเสื้อออกด้วยความอึดอัดถึงกับรีบวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความตกใจ
นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเบิกกว้าง ใบหน้าคมกระตุกเกร็ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิ เฟเรส!”
“เฮ้อ เทีย…”
“ล้อเล่นน่า แค่ล้อเล่นเอง!คิดว่าข้าจะสลบไปเพราะเรื่องแค่นี้หรือไง เจ้ามองข้าอ่อนแอเกินไปแล้วมั้ยเฟเรส”
พอเห็นเธอระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น เฟเรสก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโซฟาที่เธอนอนอยู่
พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันอยู่พักใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อย
เวลาแบบนี้กลับยิ่งรู้สึกสบายใจมากกว่าด้วยซ้ำ
เพราะเฟเรสเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่กี่คนที่เธอรู้สึกสบายใจว่า ‘ทำแบบนี้ก็ได้’ เวลาอยู่ด้วยกัน
ไม่นานหลังจากนั้น เฟเรสก็เอ่ยถามเธอเสียงแหบห้าว
“แบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอ”
“อะไร”
“ที่จะให้จักรพรรดินียืมเงินจากร้านค้าเพลเลส”
“อา เรื่องนั้น”
เธอชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ แล้วเอ่ยตอบเขา
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่คิดที่จะให้นางยืมเงินจริงๆ อยู่แล้ว ทำแบบนั้นจะกลายเป็นไปพังแผนการของเจ้าเข้าน่ะสิ”
เฟเรสไม่ได้ตกใจเลยที่เธอล่วงรู้แผนการที่เขาไม่เคยเล่าให้เธอฟัง แถมปฏิกิริยาของชายหนุ่มยังดูเหมือนจะมั่นใจมากด้วยว่าเธอต้องรู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วแน่
“ร้านค้าเพลเลสจะซื้อเป็นพันธบัตรหุ้นกู้ในจำนวนเงินทุนที่ทางจักรพรรดินีติดหนี้สินลอมบาร์เดียแทน ดังนั้นอังเกนัสจะไม่ติดหนี้ลอมบาร์เดีย แต่ติดหนี้ร้านค้าเพลเลสแทนยังไงล่ะ โดยที่ไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ทันทีในตอนนี้”
“พันธบัตรหุ้นกู้งั้นหรือ”
“ถ้าทำแบบนั้น เวลาที่เจ้าลงมือ ข้าก็จะช่วยเป็นกำลังเสริมให้เจ้าได้ไง เฟเรส”
เฟเรสเบือนหน้าหันมาทางเธอ
แต่มันใกล้กว่าที่คิดมากเลย
ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเธอที่กำลังนอนอยู่บนโซฟากับใบหน้าของเฟเรสน่ะ
“อะแฮ่ม”
เธอจงใจส่งเสียงกระแอมไอเสียงดัง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร ก่อนจะทุบไหล่เฟเรสเบาๆ
“แล้วก็เจ้าน่ะ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ”
“ฝืน?”
“เมื่อกี้ต่อหน้าจักรพรรดินี…ที่เจ้าจับมือข้าน่ะ ต่อให้นางสงสัยแล้วจะทำอะไรได้ ไม่ใช่หรือไง”
เธอหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ แต่เฟเรสไม่ใช่
เขาเพียงแค่มองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่งขรึมเท่านั้น
“หัวเราะด้วยกันหน่อยสิ”
เธอบ่นหงุงหงิง แต่กระทั่งคราวนี้เองเฟเรสก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอยู่ดี
“เฮ้อ”
เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว เก็บเสียงหัวเราะกลืนกลับลงคอ แล้วเอ่ยพูดต่อ
“เฟเรส เจ้ายังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าพวกเราแค่หมั้นกันตามสัญญาเฉยๆ น่ะ”
เฟเรสกับเธอไม่มีทางพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้เกินกว่านั้น
ไม่สิ จะเป็นแบบนั้นไม่ได้ต่างหากล่ะ
นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
แปลบ
หัวใจบีบรัดจนรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด
“เฟเรส”
เด็กหนุ่มถ่ายทอดความรู้สึกในใจของเขาออกมาให้เธอได้เห็นตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
แต่เธอไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเขาได้
จะข้ามเส้นบางๆ ที่ขวางกั้นระหว่างพวกเราไปไม่ได้เด็ดขาด
เพราะความรู้สึกของเฟเรสที่แค่ได้นั่งมองหน้ากันอยู่อย่างนี้ก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีนั่น เธอไม่อาจตอบแทนเขาให้มันจบลงอย่างแฮ็ปปี้เอนดิ้งได้เลย
เพราะว่า
“เทีย”
เฟเรสเอ่ยเรียกชื่อเธอพลางเขยิบเข้ามาใกล้
เงาของเฟเรสพาดผ่านลงเหนือใบหน้าของเธอตามจังหวะขยับกายของเขา
ใช่แล้ว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่นี่นา
เธอนอนนิ่งตัวแข็งทื่อเงยหน้าขึ้นมองเฟเรสที่โน้มกายครึ่งหนึ่งคร่อมอยู่เหนือร่างของเธอ
“เทีย”
เสียงของเฟเรสที่ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันช่างเหมือนกับช็อกโกแลตเหลือเกิน
ลึกซึ้ง หอมหวาน และมืดมน
นัยน์ตาของพวกเรามองสบประสานกัน มือของเฟเรสค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า
ราวกับจะบอกว่า ถ้าจะหลบก็หลบเสียตั้งแต่ตอนนี้
ฝ่ามือใหญ่วางทาบทับอยู่ใต้ไหปลาร้า บริเวณที่หัวใจกำลังเต้นเสียงดังตุบๆ อย่างอ่อนโยน
ในวินาทีนั้นเอง เธอถึงตระหนักขึ้นมาได้
ว่าหัวใจของเธอกำลังเต้นโครมครามส่งเสียงดังกระหน่ำแค่ไหน
เฟเรสแย้มรอยยิ้มเข้มยามสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆ จากกระดูกบริเวณหน้าอกใต้ผิวเนื้ออ่อน ชายหนุ่มเอ่ยพูดเสียงทุ้ม
“คนที่ฝืนดูเหมือนจะเป็นเจ้ามากกว่า”
หัวใจของเธอเริ่มเต้นเป็นจังหวะเร็วยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเสียงนั่น
พอเห็นเธอเป็นแบบนั้น เฟเรสก็เขยิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม แล้วกระซิบเสียงแผ่วจั๊กจี้ข้างใบหู
“ไม่ต้องอดกลั้นเอาไว้ก็ได้ เทีย”