เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 186.1
เล่ม 5 บทที่ 186.1
ตอนที่ 186
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ท่านพ่อสั่งข้ารับใช้ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างกาย
“คะ…ครับๆ …”
บรรยากาศในห้องคงจะอึมครึมน่าดู
ข้ารับใช้รีบวิ่งออกไปจากห้องทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองพวกเราด้วยซ้ำ
ทันทีที่ประตูถูกปิดลงเสียงดังแกรก สายตาคมดุดันของท่านพ่อก็พุ่งตรงไปที่เฟเรสอีกครั้ง
ไหล่ของเฟเรสเองก็ผวาสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เรื่องท่านพ่อก็เรื่องหนึ่ง แต่เธอเองก็เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของเฟเรสเป็นครั้งแรกเหมือนกันนะ
“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ ท่านชายลอมบาร์เดีย”
เฟเรสเป็นฝ่ายกล่าวทักทายท่านพ่อก่อน
“พ่ะย่ะค่ะ ไม่ได้พบกันนานจริงๆ”
แต่ท่านพ่อกลับไม่ยิ้มเลยแม้แต่น้อย
กระทั่งรอยยิ้มใจดีที่มักจะดูสุภาพอ่อนโยนกับทุกคนเสมอเหมือนเคยชินเป็นนิสัย ก็ไม่เหลืออยู่บนใบหน้าของท่านพ่ออีกต่อไปแล้ว
“ไม่ได้พบกันเสียนาน เจ้าชายกลับกลายเป็นคู่หมั้นของบุตรสาวกระหม่อมไปแล้ว”
“เรื่องนั้น…”
ความกังวลบนใบหน้าของเฟเรสยิ่งเคร่งเครียดไปมากกว่าเดิม
เฟเรสยืดหลังตรง เขาละล่ำละลักตอบท่านพ่อด้วยความร้อนใจ
“มีสาเหตุให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นน่ะครับ มันอธิบายยาก แต่ว่า…”
“แค่หมั้นกันตามสัญญาสินะพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านพ่อพูดขัดเฟเรส
“กระหม่อมได้ยินจากเทียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
บนใบหน้าของท่านพ่อยามหันมามองเธอ ก็ปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนอันแสนจะคุ้นเคยเหมือนที่เป็นมา
“เทียของกระหม่อมเป็นเด็กดี นางเติบโตขึ้นมาโดยไม่เคยก่อเรื่องให้ต้องลำบากใจเลยสักครั้ง ดังนั้นถ้าหากเทียตัดสินใจทำเช่นนั้นลงไป ย่อมแสดงว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แต่นัยน์ตาของท่านพ่อยามหันกลับไปมองเฟเรสอีกครั้งกลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาเย็นชาอย่างมาก
“แต่อีกฝ่ายกลับเป็นเจ้าชายลำดับที่สองเสียนี่”
ท่านพ่อกดเสียงต่ำคล้ายเสียงคำราม
“ถึงแม้จะเป็นแค่การหมั้นหมายตามสัญญา แต่สำหรับเจ้าชาย…”
สายตาคมกริบมองสำรวจเฟเรสราวกับต้องการจะฉีกทึ้งเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แววตาแฝงไปด้วยความไม่เชื่อมั่นในตัวของเด็กหนุ่มด้วยเรื่องบางอย่างที่เธอเองก็อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก
ทว่าต่อหน้าท่านพ่อแล้ว เฟเรสกลับไม่อาจโต้แย้งอะไรออกไปได้แม้แต่คำเดียว
เฮ้อ
เธอถอนหายใจเสียงแผ่ว สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายออกหน้าช่วยเขาจนได้
“พ่อคะ”
“อืม เทีย”
ท่านพ่อยิ้มตอบเธอราวกับไม่เคยจ้องเฟเรสด้วยสายตาเย็นชามาก่อน
“ข้ากับเฟเรสหมั้นหมายกันตามสัญญาถูกต้องแล้วละค่ะ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ”
“เป็นห่วงหรือ พ่อไม่ได้กังวลเรื่องใดหรอก เทียของพ่อมักจะจัดการทุกอย่างได้ดีอยู่แล้วนี่นา”
มือของท่านพ่อลูบผมเธออย่างอ่อนโยน
เพราะแบบนั้นเลยนึกว่าจะจบเรื่องแล้วเสียอีก
แต่ท่านพ่อก็หันขวับกลับไปจ้องหน้าเฟเรสอีกแล้ว
“แต่พอได้เห็นเจ้าชายลำดับที่สองแล้ว ก็ดันฉุกนึกขึ้นมาได้น่ะพ่ะย่ะค่ะ ข่าวการหมั้นหมายของบุตรสาวอันเป็นที่รัก ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ได้เพียงแค่รับรู้ผ่านจดหมายฉบับหนึ่ง แถมยังเป็นหลังจากที่คนทั้งอาณาจักรรู้กันถ้วนหน้าเสียด้วย หัวใจของกระหม่อมยามได้ยินข่าวนั้นจะรู้สึกเช่นไร”
เฟเรสไม่อาจตอบคำถามของท่านพ่อที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เขารู้สึกผิดเสียบ้างกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สีหน้าย่ำแย่ราวกับโดนใครใช้ค้อนทุบลงมาอย่างแรง
ท่านพ่อเดินเข้าไปหาเฟเรสที่ได้แต่ยืนนิ่งเป็นคนใบ้หูหนวกไปแล้ว
และยกมือขึ้นวางลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“แล้วมีเหตุผลใดกันที่เจ้าชายลำดับที่สองถึงเสด็จมาอยู่ในห้องของบุตรสาวกระหม่อมตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“…ข้าแวะมาถามคุณหนูลอมบาร์เดียว่า พอจะแบ่งห้องในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียให้ข้าพักอาศัยไม่กี่วันได้หรือเปล่าน่ะครับ”
“อาฮะ”
ท่านพ่อเอียงคอฟังคำอธิบายของเฟเรสโดยไม่ได้โต้แย้งอะไร แต่แล้วจู่ๆ ก็ค่อยๆ แย้มรอยยิ้มขึ้นอย่างช้าๆ
“เรื่องนั้นกระหม่อมจะเป็นคนจัดการให้เองพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องจัดการเองแบบนั้น…”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ เชิญเสด็จไปพร้อมกระหม่อมตอนนี้เลย พ่อบ้านเองก็คงจะตื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
สุดท้ายเฟเรสก็ต้องยอมก้าวเท้าตามท่านพ่อออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาเหลียวหลังหันกลับมามองเธอด้วยใบหน้าอาลัยอาวรณ์หนึ่งที ก่อนจะยอมขยับกายเดินไปยังประตูอย่างเชื่องช้า
ไหล่ลู่ตกลง แผ่นหลังของเขาดูไร้เรี่ยวแรง สีหน้าเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากไป
แต่ท่านพ่อยืนกรานหนักแน่น
ท่านพ่อดันหลังเฟเรสให้เดินออกไปนอกห้อง แล้วหันกลับมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนกลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิมอีกครั้ง
“จัดการอาหารเช้าที่พ่อเตรียมมาให้ไปก่อนนะ เทีย แล้วพวกเราค่อยพบกันใหม่ตอนเที่ยง”
ประตูปิดลงเสียงดังแกรก พอรู้ตัวอีกที เธอก็เหลืออยู่ในห้องคนเดียวเสียแล้ว
“เฟเรส จะไหวมั้ยนั่น”
ไม่รู้ทำไมท่านพ่อถึงได้ดูโกรธไม่น้อยเลย
แต่ในตอนนั้นเอง เมื่อเปิดฝาครอบอาหารบนรถเข็น กลิ่นหอมหวานของแพนเค้กร้อนกรุ่นก็ลอยฟุ้งออกมา
โครกคราก
“ช่างเถอะ เด็กนั่นก็คงจัดการช่วยตัวเองได้แหละ”
คนอย่างเฟเรสจะไปโดนคนอย่างท่านพ่อกลั่นแกล้งได้ยังไงกันล่ะเนอะ
ในคฤหาสน์หลังนี้ คนที่สามารถลงมือกลั่นแกล้งเฟเรสได้ก็มีแค่ท่านปู่คนเดียวนี่นา
ท่านพ่อเองก็เหมือนกัน ถึงจะทำท่าแบบนั้น แต่เดี๋ยวก็คงเลิกราไปเองอยู่ดี
เธอคิดง่ายๆ ในขณะที่หยิบส้อมขึ้นมาถือไว้ในมือ
โดยที่ไม่ได้นึกฝันเลยว่า เฟเรสจะโดนท่านพ่อลากตัวไปยังคฤหาสน์หลังหลัก แล้วต้องร่วมรับประทานมื้อเช้าอันแสนน่าอึดอัดใจด้วยกันกับท่านพ่อและท่านปู่ เรียกได้ว่าเจอศึกสองด้านจริงๆ
* * *