เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 5 บทที่ 195.2
เล่ม 5 บทที่ 195.2
“นั่นอะไรหรือ”
จักรพรรดิโยบาเนสถามเธอ
“อุปกรณ์ป้องกันที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้เข้าร่วมงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้เพคะ นอกจากเจ้าชายทั้งสองพระองค์แล้ว ผู้เข้าร่วมท่านอื่นๆ เองก็จะใช้ชุดป้องกันแบบเดียวกันเพคะ”
“ดูเหมือนสีจะสดนิดหน่อย มันจะเข้ากับชุดล่าสัตว์หรือ?”
“เป็นเช่นนั้นเพคะ แต่ป่าวิกลจริตขึ้นชื่อว่ามีหมอกปกคลุมหนามาก นี่จึงเป็นวิธีที่คิดค้นขึ้นเพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน เพราะหากหายตัวไปแล้วละก็…จำเป็นต้องตามหากันท่ามกลางป่าที่มืดมิดนี่เพคะ”
เธอพูดพลางเหลือบมองอาสทาน่า
เด็กขี้ขลาดน่าสมเพชนั่นสะดุ้งเฮือกใหญ่
ไอ้ป๊อด
แต่คำว่าอันตรายที่เธอพูดออกไป กลับยิ่งทำให้จักรพรรดิโยบาเนสรู้สึกตื่นเต้นยิ่งขึ้น
“ได้ยินแบบนี้แล้วข้ายิ่งรู้สึกสนใจมากกว่าเดิมเสียอีก แล้วนี่เพราะเหตุใดถึงเลือกจัดเทศกาลแข่งล่าสัตว์ขึ้นในป่าวิกลจริตกันล่ะ”
“เพราะตกดึกทีไร ก็มักจะมีพวกมอนสเตอร์ออกมาทำลายบ้านเรือนแถบชายป่าวิกลจริตอยู่บ่อยครั้งเพคะ ฝ่าบาท”
เธอพูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำเพื่อให้ทุกคนได้ยินกันถ้วนหน้า
“ดังนั้นหม่อมฉันจึงคิดว่า ไหนๆ ทุกคนก็ได้มารวมตัวสนุกกับเทศกาลแข่งล่าสัตว์กันแล้ว ก็ถือโอกาสช่วยเหลือพลเมืองของอาณาจักรด้วยเสียเลยน่าจะดี”
“เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก!”
จักรพรรดิโยบาเนสตะโกนเสียงดัง
หลังจากนั้นก็พูดพลางยกมือขึ้นลูบเคราด้วยความรู้สึกสนใจ
“ในเมื่อมีจุดประสงค์ที่ดียิ่งแบบนี้ ข้าเองก็คงจะพลาดไม่ได้สินะ เช่นนั้นข้าคงต้องเข้าร่วมแข่งด้วยแล้ว”
ไม่นะ นี่สวรรค์ช่วยเหลือเธอหรือเนี่ย!
โยบาเนสเป็นฝ่ายเสนอตัวด้วยความเต็มใจ จนทำเอาเธอที่กำลังตกตะลึงเผลอคิดว่าฟังผิดไปเลย
เดิมทีเธอจำเป็นต้องหาทางล่อลวงให้จักรพรรดิยอมก้าวเข้าไปในป่าด้วยสองขาของตัวเองแท้ๆ
เธอเหลือบมองเฟเรส
นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่มั้ย
เฟเรสเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความชอบใจในโชคช่วยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
เธอหันกลับไปมองจักรพรรดิโยบาเนส แล้วเอ่ยขึ้น
“แต่ฝ่าบาทเพคะ พระองค์อาจจะเป็นอันตรายได้ อย่างไรรอให้มีการแข่งล่าสัตว์ผ่านไปสักระยะก่อน แล้วพระองค์ค่อยเข้าร่วมในวันสุดท้ายของครึ่งหลังงานเทศกาลดีมั้ยเพคะ หม่อมฉันจะได้ให้คนช่วยจัดเตรียมเครื่องป้องกันสำหรับฝ่าบาทเอาไว้ให้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
จักรพรรดิระเบิดหัวเราะด้วยความชอบใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“ได้ ฟีเรนเทีย นอกจากเจ้าก็คงไม่มีใครเป็นห่วงข้าขนาดนี้อีกแล้ว!”
สีหน้าของเหล่ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็กระตุกเกร็งไปชั่วครู่ ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจหาญห้ามปรามจักรพรรดิไม่ให้เข้าร่วมงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์อยู่ดี
“เอาตามนั้นก็แล้วกัน!”
จักรพรรดิโยบาเนสตบไหล่เธอเสียงดัง ตุบ ตุบ
มือนั่นไม่ได้ออมแรงเลยสักนิด
ไหล่ข้างที่โดนมือหนาตบลงมาอย่างหนักหน่วงรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา แต่เธอก็ยังคงพูดต่อไปโดยไม่เสียรอยยิ้มบนหน้า
“ด้านนอกเองก็มีมุมสนุกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับคนที่ไม่เข้าร่วมการแข่งล่าสัตว์ด้วยเช่นกัน หวังว่าพระองค์จะได้ใช้เวลาอย่างเกษมสำราญระหว่างที่พักผ่อนอยู่ในวิลล่าของลอมบาร์เดียนะเพคะ”
โดยเฉพาะเจ้า จักรพรรดินีราวีนี
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปข้างในกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านปู่พูดพลางเดินเข้ามาแทรกระหว่างเธอกับองค์จักรพรรดิ
“เอาสิครับ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
ทันทีที่ท่านปู่กับองค์จักรพรรดิเริ่มเดินนำอยู่หน้าสุด ฝูงชนก็แหวกเป็นสองฝั่ง เกิดเป็นทางเดินยาวไปจนถึงหน้าบ้านพักตากอากาศ
คนอื่นๆ รวมถึงจักรพรรดินีและชานาเนสก็เริ่มทยอยเดินตามหลังไป
เฟเรสเองก็เดินเข้ามาอยู่ข้างกายเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“สวัสดี เฟเรส”
“สวัสดี เทีย”
หลังจากกล่าวทักทายกันสั้นๆ พวกเราก็มองตรงไปข้างหน้า
เฟเรสมองตามหลังจักรพรรดิ ส่วนเธอมองตามหลังจักรพรรดินี
สายตาของเธอจับจ้องไปยังบุคคลทั้งสองที่กำลังสนทนาไปเรื่อยเปื่อยยามชื่นชมทัศนียภาพรอบด้าน กับคฤหาสน์ที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะเกิดเรื่องใดขึ้นในไม่ช้า
หึ เวลาที่ยังสนุกได้ ก็จะปล่อยให้ได้สนุกเต็มที่ก็แล้วกัน
เพราะยังไงก็หนีรอดไปได้ไม่นานอยู่แล้ว
พอได้ยืนมองภาพคนพวกนั้นที่เดินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์จากด้านหลังแบบนี้แล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไล่ล่าตามหลังเหยื่ออยู่เลย
เธอกับเฟเรสกำลังไล่ต้อนเหยื่อให้ตรงไปยังสถานที่ที่พวกเราวางหลุมดักเอาไว้
* * *
งานเลี้ยงเฉลิมฉลองยามค่ำคืนก่อนเริ่มงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ในวันรุ่งขึ้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
มันแตกต่างจากงานเลี้ยงทั่วไปที่มักจะจัดแค่พอเป็นพิธีพร้อมกับงานแข่งล่าสัตว์อย่างสิ้นเชิง
งานเลี้ยงที่ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย คนนี้เป็นผู้จัดขึ้นโดยมีชื่อเสียงของลอมบาร์เดียเป็นเดิมพัน จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ
ลานกว้างรอบคฤหาสน์ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง สร้างบรรยากาศดั้งเดิมเหมือนทุ่งเลี้ยงสัตว์ตามชนบทให้สมกับที่เป็นงานเลี้ยงรอบกองไฟในยามค่ำคืน คบเพลิงถูกจุดให้ความสว่างประปรายอยู่ทั่วบริเวณ
เพราะอย่างนั้นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับงานเฉลิมฉลองเปิดเทศกาลยามค่ำคืนจึงยิ่งให้ความรู้สึกหรูหรายิ่งกว่างานเลี้ยงที่จัดในตอนกลางวันเสียอีก
อีกอย่าง กระทั่งอาหารและเครื่องดื่มที่แจกจ่ายในงานเองก็มีแต่ของชั้นยอดทั้งนั้น
“ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นนะเนี่ย”
เธอจับจ้องพื้นที่ที่สามารถมองออกไปเห็นได้ทั่วงานเลี้ยง ก่อนจะหันไปมองรอบๆ
พวกขุนนางระดับสูงรวมถึงท่านปู่ได้พากันย้ายไปที่อื่นพร้อมกับองค์จักรพรรดิสักพักแล้ว
“ไหนดูซิ ซ่อนอยู่ที่ไหนน้า”
เธอชะเง้อคอมองหาเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว
“อ๊ะ เจอแล้ว”
อาสทาน่ายืนอยู่ไกลๆ ตรงด้านโน้นนี่เอง
พร้อมกับเบเลซักที่ตามเกาะติดแน่นเหมือนหมากฝรั่ง ไม่รู้ว่าตอนแรกไปอยู่ที่ไหนมา แล้วโผล่หัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่นั่นด้วย
เธอเรียกคนงานที่เดินถือเหล้าผ่านไปข้างๆ พอดีเอาไว้คนหนึ่ง
“เอาเหล้าแคลโรก้าไปแทนไวน์นี่ ช่วยคอยดูแลอย่าให้เจ้าชายลำดับที่หนึ่งขาดแคลนเหล้าได้ล่ะ”
เหล้าแคลโรก้าเป็นเหล้าฤทธิ์แรงที่อาสทาน่าชอบที่สุด ซึ่งข้อมูลนี้เธอให้เบ๊ตเป็นธุระช่วยสืบมาให้
“ครับ คุณหนู”
ข้ารับใช้ตอบรับคำสั่งของเธออย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินนำถาดเงินที่วางเหล้าแคลโรก้าไว้บนนั้นเดินตรงไปทางอาสทาน่า
ใบหน้าของอาสทาน่าที่กำลังฟังเบเลซักพล่ามด้วยความรำคาญใจเป็นอย่างมากพลันเบิกบานขึ้นมาทันที
เพราะสังเกตเห็นเหล้าแคลโรก้าเข้าแล้ว
“เยี่ยม เยี่ยม…”
เธอจับตาดูอาสทาน่าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ดื่มซะ ดื่มซะ ดื่มลงไป
และอาสทาน่าก็ยกแก้วเหล้าแคลโรก้าขึ้นมาถือไว้อย่างง่ายดายไม่มีลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
“เหอะ ดูสิ”
อาสทาน่าลองลิ้มรสไปหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นก็แย่งเอาถาดทั้งถาดไปจากมือของคนงาน
คราวนี้มุมปากของเธอกระตุกยิ้มอย่างไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้
“ดื่มเหล้าเข้าไปเยอะๆ เลยนะจ๊ะ กรึบๆๆ”