เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 221.1
เล่ม 6 บทที่ 221.1
ตอนที่ 221
ไวโอเล็ตที่กำลังโดนลากตัวไปอย่างช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บังเอิญหันไปพบคนที่คุ้นเคยซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังโกดังเก็บของเข้าพอดี
คนคนนั้นสวมฮู้ดคลุมศีรษะจนไม่อาจมองเห็นใบหน้า แต่ไวโอเล็ตก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเขาคือเครย์ลีบัน
พอเห็นว่าไวโอเล็ตโดนพวกอัศวินลากตัวไป เครย์ลีบันก็พยายามจะออกมาจากหลังโกดังที่ซ่อนตัวอยู่
‘ไม่ได้นะ!’
ไวโอเล็ตสะบัดศีรษะอย่างแรงในขณะที่มองจ้องเครย์ลีบัน
นางไม่รู้หรอกว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์พวกนั้น บุกเข้ามารื้อค้นร้านค้าเพลเลส และกำลังตามหาตัวเครย์ลีบันกันให้ควั่ก
นางพอจะรู้อยู่หรอกว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
‘ห้ามออกมาเด็ดขาดนะคะ!’
พอไวโอเล็ตส่งสัญญาณทางสายตากลับมาอีกครั้ง เครย์ลีบันก็หยุดนิ่งอยู่กับที่
นั่นเป็นฉากสุดท้ายที่ไวโอเล็ตได้เห็น ก่อนจะถูกลากกลับเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน เครย์ลีบันก็หลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบหนึ่ง เขากัดฟันแน่น
โล่งอกที่เขาได้รับข้อความผ่านทางสายข่าวที่เบ็ตส่งมาแฝงตัวไว้ใกล้กับร้านค้าเพลเลส จึงรีบสวมเสื้อคลุมที่พอจะปิดบังใบหน้าได้ได้ทันเวลา
[อันตราย ร้านค้า คฤหาสน์ถูกโจมตี ระวังจักรพรรดินี]
หากไม่ใช่เพราะโน้ตลับที่ถูกเขียนส่งมาอย่างรีบร้อนแผ่นนั้นละก็ คนที่ถูกจับตอนนี้อาจจะไม่ใช่ไวโอเล็ต แต่เป็นเครย์ลีบันเองนี่แหละ
เขาอยากจะวิ่งไปหาไวโอเล็ตตามที่ใจต้องการ แต่ลำพังตัวเขาคนเดียวไม่มีทางเอาชนะอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์พวกนั้นด้วยแรงกายได้แน่
เครย์ลีบันเอนกายพิงกำแพงเย็นเฉียบของโกดัง พยายามทำหัวที่ร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธให้เย็นลง
และไม่นานหลังจากนั้น เครย์ลีบันก็เริ่มหลบออกมาจากอาณาเขตของร้านค้าเพลเลส
ที่นี่อาจจะเป็นเขตร้านค้าที่มีอาคารหลายสิบตึกก็จริง แต่สำหรับเครย์ลีบันแล้ว มันเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยยิ่ง
สิ่งแรกที่ต้องทำให้สำเร็จคือหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน
เกือบจะเผชิญหน้ากับพลทหารอยู่หลายครั้ง แต่โล่งอกที่สุดท้ายเครย์ลีบันก็สามารถหลบหนีออกมาจากร้านค้าเพลเลสได้สำเร็จจนได้
เครย์ลีบันหยุดยืนอยู่ในตรอกหนึ่งที่ไร้สัญญาณของผู้คน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามครุ่นคิด
“ต้องไปที่ไหน”
คฤหาสน์เองก็ถูกโจมตี ดังนั้นเขากลับไปที่นั่นไม่ได้แล้ว
คนแรกที่เขานึกถึง แน่นอนว่าต้องเป็นฟีเรนเทีย
แต่เพียงครู่เดียวเครย์ลีบันก็ส่ายหน้า
ถ้าหากเรื่องที่คนพวกนั้นพยายามจะดึงเขาเข้าไปเกี่ยวเป็นเรื่องกบฏขึ้นมาล่ะ
“จะลากท่านฟีเรนเทียให้ซวยไปด้วยไม่ได้”
ในตอนนั้นเอง
“โอ๊ะ ตรงนั้นน่ะ เปิดหน้าให้ข้าดูหน่อย”
อัศวินนายหนึ่งที่กำลังเดินไปทางร้านค้าเพลเลสตะโกนมาทางเครย์ลีบัน
“ให้ตายสิวะ”
เครย์ลีบันแสร้งทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียก เขาค่อยๆ หมุนตัวเดินหนีไปอย่างช้าๆ
และเมื่อถึงบริเวณหัวมุมซอย ก็รีบขยับเท้าเลี้ยวไปอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ะ ตรงนั้นน่ะ! เฮ้!”
แต่อัศวินก็ไม่ยอมแพ้ และวิ่งตามเขามาอย่างดื้อดึง
ทั้งฝีเท้าของเครย์ลีบัน ทั้งฝีเท้าของอัศวินที่ไล่ตามหลังม้า ต่างก็เริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเครย์ลีบันก็เริ่มออกตัววิ่งสุดแรง
“นี่เป็นคำสั่ง! หยุดนะ!”
อัศวินเริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่นๆ จึงวิ่งตามมาอย่างไม่คิดหยุดพัก ในขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดังไล่ตามหลังมา
“แฮก แฮก!”
ลมหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อนดังออกมาจากปากของเครย์ลีบัน
แต่เขาไม่สามารถหยุดได้
ต้องซ่อนตัวในฝูงชน
ในตอนที่เครย์ลีบันซึ่งคิดเช่นนั้นวิ่งออกมาพ้นซอยและเข้าสู่ถนนใหญ่ได้สำเร็จ
“ท่านชายเพลเลส!”
ก็พลันได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหนึ่ง
เครย์ลีบันรีบหันไปมองทางด้านนั้นอย่างรวดเร็ว
“เจ้าชาย…สอง”
เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนจริงๆ
แต่คนที่กำลังควบม้าวิ่งตรงมาหาเครย์ลีบันนั่น เป็นเฟเรสอย่างแน่นอน
“จะ…จับได้แล้ว!”
“ให้ตายเถอะ!”
ปัญหาเกิดจากการที่เครย์ลีบันยืนนิ่งด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นเฟเรส
อัศวินที่วิ่งไล่ตามหลังมาด้วยความร้อนรนจึงคว้าหลังคอของเครย์ลีบันเอาไว้ได้สำเร็จ
“เจ้า! แฮก เครย์ลีบัน แฮก เพลเลส ใช่มั้ย!”
อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์แสยะยิ้มมองเครย์ลีบันราวกับเห็นรางวัลชิ้นโต หลังจากนั้นยังวางท่าอวดเบ่งเสียเต็มประดา ในขณะที่เอ่ยพูดเสียงดังชัดเจน
“เครย์ลีบัน เพลเลส เจ้าถูกจับกุมในข้อหาต้องสงสัยเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคดีลอบสังหารองค์จักรพรรดิ…อ๊าก!”
อัศวินคนนั้นไม่อาจพูดได้จนจบประโยค ร่างก็ถูกฟันจนกระเด็นลอยหวือไปไกลเสียแล้ว
หูของเครย์ลีบันได้ยินเสียงเฟเรสที่เข้ามาใกล้กว่าแต่ก่อนมาก สายตาของเขามองอัศวินที่กลิ้งไปบนพื้นด้วยความตกใจ
“เร็วเข้า”
เฟเรสยื่นมือลงไปคล้ายกับจะบอกให้เครย์ลีบันกระโดดขึ้นมานั่งบนหลังม้า
มืออีกข้างหนึ่งยังคงกุมฝักดาบที่น่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ฟันอัศวินคนเมื่อครู่
เครย์ลีบันลังเลไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็เอื้อมมือออกไปจับมือข้างนั้นเอาไว้แน่น
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
เฟเรสใช้แขนข้างเดียวดึงเครย์ลีบันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
ร่างกายของเครย์ลีบันลอยหวือขึ้นนั่งลงบนหลังมาได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ากกกก นี่มันอะไรวะ!”
อัศวินที่ถูกฟันกระเด็นลงไปกองกับพื้นเพิ่งจะตั้งสติได้ และตะเบ็งเสียงดังลั่นในขณะที่มือเอื้อมไปบริเวณเอวเพื่อที่จะชักดาบออกมา
“กล้าดียังไงทำร้ายอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์…!”
“พอได้แล้ว”
เฟเรสชี้ดาบที่ยังคงอยู่ในฝักไปทางใบหน้าของอัศวินอีกครั้ง
“อะ เจ้าชายลำดับที่สอง”
อัศวินสะดุ้งตกใจเมื่อพบว่าคนตรงหน้าคือเฟเรส เขาได้แต่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ ด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ถ้ากล้าชักดาบขึ้นมาต่อหน้าข้า ข้าจะถือว่าเจ้ามีโทษฐานก่อกบฏ”
“อ๊ะ อา…”
อัศวินไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
รอจนเฟเรสถีบท้องม้าอย่างแรง แล้วเริ่มควบม้าวิ่งหนีไปนั่นแหละ อัศวินถึงได้ตะโกนเสียงดัง
“ตรงนั้น! เครย์ลีบัน เพลเลส อยู่ตรงนั้น!”
ในขณะที่ได้แต่หวังว่า สหายร่วมงานทั้งหลายที่กำลังค้นไปทั่วเมืองลอมบาร์เดียเหมือนตนจะหันมาได้ยินเสียงนี้บ้าง
และเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่อีเดน ครูส ซึ่งเดินออกมาจากเขตร้านค้าเพลเลสมาได้ยินเสียงนั้นเข้าพอดี