เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 228.2
เล่ม 6 บทที่ 228.2
“หืม เรื่องใดหรือเทีย”
เธอกำหมัดแน่น นึกถึงตอนที่พูดกับท่านพ่อขึ้นมา
จบมันในคราวเดียวไปเลยก็แล้วกัน!
“ทราบแล้วใช่มั้ยคะว่าในการประชุมใหญ่วันนี้ ตระกูลบราวน์ได้เป็นตัวแทนเขตแดนตะวันตก”
“เจ้าออกหน้าเองแบบนี้ ตั้งแต่แรกก็คิดอยู่แล้วละว่าต้องสำเร็จ”
“แล้ววิธีการล่ะคะ”
“เทีย เจ้ากับเจ้าสุนัขล่าเนื้อเจ้าชายลำดับที่สองนั่นก็คงจะร่วมมือกันนั่นแหละ”
ท่านปู่หัวเราะพลางยกไวน์ขึ้นจิบ
เชื่อมั่นในตัวเธออย่างสมบูรณ์
ใจยิ่งรู้สึกหนักอึ้งมากกว่าเดิม
ในตอนนั้นเอง ท่านพ่อก็ส่งสายตาให้กำลังใจมาทางเธอ
“ก่อนหน้านี้…ทางร้านค้าเพลเลสเคยแบกรับหนี้สินที่ตระกูลอังเกนัสก่อไว้กับลอมบาร์เดียแทนไม่ใช่เหรอคะ ท่านปู่”
“ใช่แล้วละ”
“ตอนนั้นทางร้านค้าเพลเลสให้อังเกนัสกู้ยืมเงินโดยนำโฉนดที่ดินมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันค่ะ”
“โอ้ว เลยเอามันมาใช้การสินะ ทำได้ดีมาก เยี่ยม! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะของท่านปู่ค่อยๆ แผ่วลงและเอียงคอถามเธอด้วยความงุนงง
“ว่าแต่ เครย์ลีบันไม่ได้ไปร่วมการประชุมเสียหน่อย แล้วใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันนั่นได้ยังไงกัน”
“ลองอ่านเอกสารนี่ดูนะคะ ท่านปู่”
เธอส่งเอกสารสัญญาว่าจ้างตลอดชีพของเครย์ลีบันให้ท่านปู่เงียบๆ
“หืม ไหนดูสิ ‘ข้า ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย เจ้าของร้านค้าเพลเลส’ …”
เสียงที่อ่านเอกสารฉบับนั้นหยุดชะงักกึก
แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดมันก็ถูกอ่านออกมาหมดแล้ว
เรื่องที่เธอเป็นเจ้าของร้านค้าเพลเลส
ท่านปู่ยังคงเอาแต่จ้องหนังสือสัญญาจนแทบจะทะลุ ชานาเนสยิ้มจางพลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะยกไวน์ขึ้นจิบ
“จะ…เจ้า เด็กคนนี้…”
เธอก้มหน้านิ่ง ตั้งใจยอมรับคำดุอย่างว่าง่าย
ทว่าประกายไฟแห่งโทสะกลับสาดกระเซ็นไปยังที่อื่นเสียได้
“เครย์ลีบัน เจ้า เจ้า! เรื่องแบบนี้ก็น่าจะบอกข้าก่อนไม่ใช่หรือไงกัน!”
“…ขออภัยครับ”
เครย์ลีบันก้มหน้าลงอย่างสงบ ไม่คิดแก้ตัวใดๆ ราวกับพอจะคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าต้องลงเอยแบบนี้
“ไอ้เด็กเวรนี่! กล้าดียังไงถึงมาหลอกลวงข้า!”
“ท่านปู่ เรื่องนั้นไม่ใช่เพราะเครย์ลีบันนะคะ เป็นความคิดของข้า…”
“เดี๋ยวนะ”
ท่านปู่ยกมือขึ้นห้ามเธอ แล้วเอ่ยถามต่อทันที
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องเหมืองแร่เพชรลีลาร์นั่น…”
มันเป็นกิจการแรกหลังจากเปิดตัวร้านค้าเพลเลส เหมืองแร่ที่ลอมบาร์เดียถูกร้านค้าเพลเลสแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา
“…ข้าเป็นคนทำเองค่ะ”
“แต่ตอนนั้นเจ้าเพิ่งจะอายุแค่สิบเอ็ดขวบมิใช่หรือ”
“ก็ใช่ค่ะ”
“งั้นที่ซื้อธัญพืชจากเซอเชาว์ไปขายให้ตะวันออก…”
“ค่ะ เรื่องนั้นก็ด้วย”
“ต้นทรีบ้าของทางเหนือล่ะ แล้วที่ตอนนี้ยังผูกขาดตลาดการค้าตะวันออกได้สำเร็จก็ด้วย”
ท่านปู่เอ่ยถามเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงบอกไม่ถูกว่ากำลังโมโหหรือแค่สงสัยใคร่รู้กันแน่
“จริงๆ เลย เทีย ร้านค้าเพลเลสเป็นกิจการของเจ้าจริงๆ หรือเนี่ย พัฒนาร้านค้าเพลเลสให้เติบใหญ่ได้ถึงเพียงนี้มาตั้งแต่วัยแค่นั้น”
“ค่ะ”
“ไม่มีความช่วยเหลือจากปู่คนนี้ ไม่พึ่งพาตระกูล”
“ก็มีบ้างค่ะที่ได้รับความช่วยเหลือจากลอมบาร์เดีย ถึงท่านปู่จะไม่ทราบก็เถอะ”
เธอพยักหน้ายอมรับในขณะที่ตอบคำถามไปด้วย
ท่านปู่มองเธอสลับกับเครย์ลีบันอยู่หลายครั้ง
และ
“วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะดังสนั่นยิ่งว่าครั้งใดก็ระเบิดออกมาลั่น ท่านปู่หัวเราะแรงมากจนต้องใช้ผ้าเช็ดปากซับน้ำตาที่เล็ดออกมาจากบริเวณหางตาเลยทีเดียว
“อย่างนั้นนี่เอง! ฮ่าฮ่า! เด็กน้อยอายุเพียงแค่สิบกว่าปี! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โล่งอกไปที
เธอถอนหายใจเสียงแผ่วด้วยความโล่งอก
โล่งใจที่ท่านปู่ไม่ได้โมโหหรือโกรธอะไร
ท่านเพียงแค่ก้มหน้ามองสัญญาฉบับนั้นอีกครั้ง แล้วยกไวน์ขึ้นจิบพลางหัวเราะเสียงดัง ‘วะฮ่าฮ่า!’ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
“เทีย ปู่ก็กังวลแทบแย่ว่าเจ้ายังเด็กนัก เลยอาจจะขาดแคลนประสบการณ์อยู่มาก! แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเจ้าคือเจ้าของร้านค้าผู้โด่งดังเสียได้! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ปฏิกิริยาของท่านปู่เป็นแบบนี้ ดังนั้นเธอก็เลยพอจะหัวเราะอย่างผ่อนคลายลงได้บ้างไปพร้อมกับท่านได้
“ว่าแต่ เทีย”
ชานาเนสเอ่ยเรียกเธอ
“ดูแลทั้งร้านค้าเพลเลส ทั้งตระกูลลอมบาร์เดีย จะไม่ลำบากเกินไปหรือ”
น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
“ข้าไม่อยากยอมแพ้ปล่อยมือจากฝ่ายใดทั้งนั้นค่ะ สงสัยข้าจะโลภมากไปหน่อย”
เธอส่ายหน้าตอบ
“และร้านค้าเพลเลสน่ะ ตั้งแต่แรกแล้วมันก็ไม่ใช่ร้านที่ข้าสร้างขึ้นมาคนเดียวหรอกนะคะ ทั้งเครย์ลีบัน ทั้งไวโอเล็ตต่างก็ช่วยกันทำเรื่องที่ยากลำบากมากมาย ต่อไปข้าก็จะยังคงมอบหมายให้พวกเขารับผิดชอบงานของร้านค้าเพลเลสเหมือนอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลงค่ะ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เทีย เจ้าจะต้องเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียต่อจากปู่!”
“คือว่า ท่านปู่ ไม่โกรธข้าเหรอคะ”
ถึงแม้บรรยากาศจะไม่ได้แย่อะไร แต่เธอก็ยังกังวลเรื่องนี้อยู่ดี
“คนเราน่ะ เก็บงำความสามารถส่วนหนึ่งของตนไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอก เจ้าทำได้ดีแล้ว เทีย”
ท่านปู่ชมเธอแทนที่จะตำหนิ คงไม่ได้โมโหจริงๆ สินะ
ถ้าอย่างนั้น
“ท่านปู่”
“หืม”
“ขอสัญญาคืนนะคะ”
เธอชี้ไปยังสัญญาของเครย์ลีบันที่ท่านปู่ถือไว้ในมือ
“พอดีมันเป็นสัญญาตลอดชีพน่ะค่ะ”
“โอ้ งั้นหรือ! งั้นก็ต้องเก็บมันไว้ให้ดีๆ นะ! ถ้าอยากจะจับเจ้าเครย์ลีบันไว้ให้อยู่หมัด!”
ท่านปู่หัวเราะเสียงดัง ‘วะฮ่าฮ่า!’ อีกครั้ง ในขณะที่ส่งสัญญาคืนให้เธอ
อ่า เป็นรอยมืออีกแล้ว
เครย์ลีบันเองก็หัวเราะอย่างผ่อนคลายให้กับคำหยอกล้อของท่านปู่ เขาส่ายหน้าให้กับมุกตลกที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยห้ามได้จริงๆ
“เช่นนั้นตอนนี้ก็จบเรื่องกับอังเกนัสแล้วสิ”
ท่านปู่ถามเธอ
“อืมมมม ยังค่ะ”
“ยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกงั้นหรือ หรือว่า…”
ท่านปู่ขมวดคิ้วแน่น เอ่ยพูดด้วยความกังวล
“คิดจะปล่อยพวกอังเกนัสไปงั้นหรือ เทียของปู่ใจอ่อนเกินไป…”
“ยังมีหนี้ที่ต้องชำระอยู่น่ะค่ะ เครย์ลีบัน เท่าไหร่นะคะ”
เครย์ลีบันใช้ผ้าเช็ดปาก ก่อนจะตอบคำถามเธอ
“รอบแรก 2,500 โกลด์ รอบสอง 4,500 โกลด์ รวมทั้งหมด 7,000 โกลด์ครับ”
“หลังจากเรื่องเขตแดนเฮนโฟเรค เจ้าตระกูลอังเกนัสแอบยืมเงินไปโดยไม่ให้จักรพรรดินีรู้ค่ะ และแน่นอนว่าไม่ได้ชำระดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น…”
“หากรวมค่าปรับจากการละเมิดสัญญาไม่ชำระดอกเบี้ย 3 เดือน ก็รวมเป็นเงินกว่า 8,000 โกลด์ครับ”
“นั่นแหละค่ะ”
เธอส่งยิ้มให้คนในครอบครัวทั้งหลายที่นั่งเหม่อมองเธอกับเครย์ลีบันด้วยใบหน้าตกตะลึง
“อ๊ะ ยังมีอีกนะคะ! ต้องเก็บค่าปรับที่ทำลายข้าวของร้านค้าเพลเลสกับคฤหาสน์ของเครย์ลีบันด้วย!”
“เรื่องพวกนั้นตอนนี้ไวโอเล็ตคงจะกำลังจดทุกอย่างลงบัญชีแน่ครับ”
“ที่กองกำลังอัศวินน่าจะอยู่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่แท้ๆ ไวโอเล็ตนี่นะ น่าจะพักผ่อนบ้างสิ จริงๆ เลย”
“ก็ทราบนิสัยของไวโอเล็ตดีไม่ใช่หรือครับ โดนกระทำไปมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องตอบแทนให้เท่าเทียมถึงจะพอใจ”
“ก็นั่นสิ แต่ใจดีเกินไปแล้ว”
มันต้องตอบแทนเป็นสองเท่าถึงจะถูก
เธอหันไปให้คำมั่นสัญญาต่อเครย์ลีบัน
“หลังจากขูดรีดพวกนั้นจนหมดตัว ข้าจะสร้างบ้านหลังใหม่สวยๆ ให้นะคะ เครย์ลีบัน”
“ครับ ไหนๆ แล้ว พวกเรายกระดับร้านค้าเพลเลสให้เป็นอาคารที่ดีขึ้นด้วยเลยดีมั้ยครับ”
“อ๊ะ แบบนั้นก็ดีนะคะ!”
ได้ยินเสียงท่านปู่ที่กำลังฟังบทสนทนาระหว่างเธอกับเครย์ลีบันอยู่เงียบๆ หัวเราะเบาะๆ ขณะเดียวกันก็พึมพำพูดกับตัวเอง
“ใช่แล้ว นี่แหละ ถึงจะสมกับเป็นหลานสาวข้า!”
ในตอนนั้นเอง พ่อบ้านโยฮันก็รีบร้อนวิ่งเข้ามาในห้องอาหาร
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะเข้ามารบกวนงานเลี้ยงมื้อเย็นของครอบครัวแท้ๆ
ใบหน้าของท่านปู่กระตุกเกร็งไปทันทีที่มองเห็นโยฮันถือถาดวางสารฉบับหนึ่งเข้ามาในห้อง
บรรยากาศน่าอึดอัดยิ่งหนักอึ้งมากกว่าเดิมเมื่อทุกคนในห้องได้ยินคำของโยฮัน
“สารด่วนจากทางพระราชวังครับ”
ท่านปู่วางแก้วไวน์ลง ฉีกซองสารฉบับนั้นออก กวาดสายตาค่อยๆ อ่านเนื้อหาข้างในอย่างช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“โยบาเนสป่วยหนักนี่เอง คงต้องเดินทางเข้าวังแล้วละ”
จักรพรรดิป่วยหนัก
เมื่อกี้ตอนประชุมใหญ่ก็ยังดูเป็นปกติดีอยู่เลยนะ
“เทีย”
ท่านปู่หันมาเรียกเธอที่ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ
“เจ้าเองก็ไปกับปู่คนนี้ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลลอมบาร์เดียเถอะ”