เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 234.2
เล่ม 6 บทที่ 234.2
ในตอนนั้นเอง
“ข้าบอกให้พักผ่อนแท้ๆ”
อดีตอันแสนมืดมนที่กำลังบีบรัดเฟเรสจนหายใจไม่ออกพลันจางหายไปในพริบตา เพราะเสียงสดใสที่ดังมาจากด้านหลัง
“องค์รัชทายาทในอนาคตของพวกเรา ตอนนี้ไม่เชื่อฟังคำพูดของข้าแล้วใช่มั้ย”
ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ได้
“…เทีย”
“มาทำอะไรอยู่ที่นี่เนี่ย เฟเรส”
ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่เดินเข้ามาใกล้อย่างไร้ซึ่งความลังเล ทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง
“เดี๋ยวก่อน ข้ากำลังเรียบเรียงความคิด”
เฟเรสค่อยๆ หมุนกายหันกลับหลังอย่างช้าๆ
“ก็ได้ ข้าคิดว่าถ้าเป็นเจ้าก็คงมาที่นี่”
นัยน์ตาสีเขียวของเทียส่องประกายยามมองมาที่เขา ก่อนจะหันไปมองรอบๆ วังเก่าพลางเอ่ยพูดขึ้น
“ไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนะเนี่ย สถานที่แห่งความทรงจำ”
“…ความทรงจำ”
“ไม่ใช่เหรอ พวกเราพบกันครั้งแรกในป่านั่น พบกันครั้งที่สองก็แบ่งคุกกี้ช็อกโกแลตกินกันในห้องนอนด้านบนนั่นไง”
“อา”
ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเฟเรสเผยอออกเล็กน้อย
“มีแค่ข้าที่คิดแบบนั้นเหรอเนี่ย น่าเศร้าจัง”
เทียยิ้ม
“เปล่านะ ข้าก็ด้วย”
เฟเรสรีบแก้ตัว
“ล้อเล่นน่ะ เฟเรส ข้าแค่ล้อเล่นเพราะเข้าใจความรู้สึกของเจ้าที่แวะเวียนกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
เทียกล่าวเช่นนั้น แล้วเอื้อมมือออกไปแตะลงบนแผ่นอกของเฟเรส
“รู้สึกแปลกๆ ใช่มั้ยล่ะ”
“…อื้อ”
“แต่เจ้าก็ควรที่จะภูมิใจ เพราะเจ้าทำมันได้สำเร็จ”
นัยน์ตาเขียวกระจ่างใสของเทียจับจ้องมาที่เขาราวกับมองทุกสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ได้หรือ”
“แน่สิ เจ้ามีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่เหรอ”
เทียกล่าวเสียงเรียบ
“เหนื่อยหน่อยนะ เจ้าน่ะ น่าทึ่งมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปเพื่อตัวเองได้แล้ว เฟเรส ไม่ใช่เพื่อใครคนอื่น แต่เป็นเพื่อตัวเจ้า…!”
หมับ
เฟเรสดึงเทียเข้ามากอด
ความรู้สึกอยากจะกอดรัดเอาไว้ให้แน่นๆ กับความหวาดกลัวว่าหากออกแรงมากเกินไปจะทำให้บาดเจ็บเอาได้กำลังต่อสู้กันอย่างไม่มีใครคิดยอมแพ้ มือคู่นั้นสั่นเทาไม่หยุด
เทียที่หยุดชะงักไปด้วยความตกใจเล็กน้อยจึงเอื้อมมือออกไปช่วยลูบหลังเฟเรสเป็นการปลอบโยน
“เทีย”
“อื้อ”
“ขอบใจนะ”
เฟเรสดึงหญิงสาวเข้ามากอดเอาไว้แน่นอีกครั้ง ในขณะที่ครุ่นคิดไปด้วย
เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็จะใช้ชีวิตต่อไปเพื่อเจ้า เจ้ากับข้า ใช้ชีวิตต่อไปเพื่อพวกเรา
และปรับเปลี่ยนแผนการที่ตั้งใจจะทำลายวังเล็กนี่ทิ้งให้ราบคาบเสียใหม่
“ต้องสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งสินะ วังนี่”
“ทำไมจู่ๆ ”
เฟเรสยิ้มจาง ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามเสียงอู้อี้ของเทียที่ฝังหน้าอยู่กับอกของเขา
“เทีย ก็อย่างที่เจ้าบอก สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ในความทรงจำของพวกเรา”
วังเล็กไร้ชื่อตั้งอยู่ในป่าใกล้กับวังจักรพรรดินีแห่งนี้ ตอนนี้สำหรับเขามันคู่ควรเก็บไว้ในความทรงจำด้วยความหมายเช่นนั้น
* * *
“เด็กน้อยแห่งอนาคตใหม่ ไม่สิ ผู้ใหญ่คนนี้ถึงเวลาต้องไปทำงานแล้ว!”
เธอตะโกนเสียงดังพลางตรวจเช็กเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองหน้ากระจก
“ชอบงานจัดการทรัพย์สินของอังเกนัสมากขนาดนั้นเลยหรือคะ คุณหนู”
ลอรีลมองเธอยิ้มๆ ในขณะที่เอ่ยถามขึ้น
“แน่นอนสิ! ทรัพย์สินที่แอบเก็บซ่อนเอาไว้มีเยอะน่าดูเลยนะ! ไม่มีเงินคืนหนี้คนอื่น แต่มีเงินซื้ออัญมณีแพงๆ เก็บเอาไว้อื้อเลยละ”
ในคฤหาสน์หลังใหญ่นั่น จะมีห้องลับเอาไว้เก็บซ่อนข้าวของราคาแพงอยู่มากขนาดไหนกันนะ
การจัดการตระกูลอังเกนัสวันที่สามอย่างวันนี้ มันน่าสนุกมากจนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังตามล่าหาสมบัติเลย
“วันนี้จะไปหาอะไรดีล่ะ ทับทิม เพชร”
แต่แล้วในจังหวะที่เดินออกมานอกห้องพลางพึมพำอย่างอารมณ์ดี
“ท่านพี่!”
“โอ๊ะ! เครนีย์!”
เครนีย์ที่เติบโตขึ้นพรวดพราดกำลังยิ้มกว้างเดินเข้ามาหาจากไกลๆ
“ได้ยินว่าเจ้ากลับมาจากอะคาเดมีแล้ว แต่ยุ่งมากจนเผลอลืมไปเสียสนิทเลย”
“ก็กะอยู่แล้วละครับ ข้าถึงได้เป็นฝ่ายมาหาท่านพี่แทน”
เครนีย์ตัวสูงขึ้นมาก ใบหน้าดูสดใสกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ในชีวิตก่อนจริงๆ
ค่อยคุ้มค่ากับที่เธอคอยช่วยอบรมสั่งสอนเขาในตอนเด็กหน่อย เครนีย์ศึกษาเล่าเรียนที่อะคาเดมี และได้คะแนนติดอันดับท็อปซึ่งสูงกว่าชีวิตก่อนมาก
“จะไปไหนเหรอครับ”
“อา ไปเก็บกวาดอะไรหน่อยน่ะ”
“เก็บกวาด?”
“นิดหน่อย มีเรื่องด่วนเหรอ”
เครนีย์ส่ายหน้าให้กับคำถามของเธอ
“เปล่าครับ แค่แวะมาทักทายเพราะอยากพบหน้าท่านพี่เท่านั้นเอง”
“โอ้ว เด็กดี”
เธอลูบหัวเครนีย์เหมือนอย่างที่ชอบทำสมัยเขายังเด็ก
“งั้นเย็นนี้พวกเรามากินมื้อเย็นด้วยกันดีมั้ยล่ะ นานแล้วเนอะ”
“ครับ! ข้าอยากเล่าเรื่องที่อะคาเดมีให้ฟัง แล้วก็มีของขวัญมาฝากท่านพี่ด้วยนะครับ!”
“เหรอ งั้นเย็นนี้ อ๊ะ!”
ระหว่างที่กำลังก้าวลงบันไดไปพลางสนทนากับเครนีย์ไปด้วย ก็ดันก้าวพลาดจนเท้าพลิกเสียได้
“อ๊ะ เป็นอะไรมั้ยครับ”
เกือบเท้าแพลงแล้วมั้ยล่ะ โชคดีที่เครนีย์ซึ่งอยู่ข้างๆ ช่วยจับเอาไว้ได้ทันพอดี เลยไม่ได้เกิดเรื่องให้ต้องเจ็บตัว
“ไม่ได้การแล้ว ข้าไปส่งถึงรถม้าดีกว่าครับ ท่านพี่”
นึกว่าจะมีแต่ส่วนสูงที่สูงขึ้นเท่านั้นเสียอีก แต่แรงที่ช่วยจับแขนเธอไว้ก็ไม่น้อยเลยนะเนี่ย
“โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ”
เธอเอ่ยขึ้น ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือออกไปตั้งใจจะลูบหัวเครนีย์อีกครั้งด้วยความเคยชิน
“…เครนีย์”
จนกระทั่งเห็นใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มอยู่จนถึงเมื่อครู่นี้ของเครนีย์กลับซีดเผือดขึ้นมา
และก็ได้รู้สาเหตุนั่นในทันที
ตึก ตึก
“เจ้าเป็นใคร”
เฟเรสกำลังเดินเข้ามาใกล้ด้วยนัยน์ตาเย็นเยียบ
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เครนีย์ที่กำลังจับมือของเธอเอาไว้