เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 241.1
เล่ม 6 บทที่ 241.1
ตอนที่ 241
ที่บอกว่ามีนัดล่วงหน้าก่อนแล้ว อีกฝ่ายคือราโมนานี่เอง
นั่นเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง
รีบร้อนออกไปทันทีที่การประชุมจบลงโดยไม่แม้แต่จะหันมาร่ำลากัน
ที่แท้ก็รีบไปพบราโมนาสินะ
นั่นเป็นความคิดที่สอง
ฮึก
น่าตลกชะมัด แต่เธอดันเผลอรู้สึกผิดหวังในตัวเฟเรสขึ้นมา
และหัวใจก็ดันเจ็บปวดเมื่อได้เห็นภาพเขาเดินเคียงคู่อยู่ข้างกายราโมนา
“เห็นแบบนั้นแล้วจะว่าไปก็เป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีนะครับ”
ใครบางคนเอ่ยขึ้น
ไม่ต้องเหลียวหลังกลับไปมองก็รู้ได้ว่าใคร แต่เธอกลับไม่อาจละสายตาห่างไปจากเฟเรสกับราโมนาได้เลย
“ได้ยินว่าคุณหนูบราวน์เองก็สนิทสนมกับเจ้าชายลำดับที่สองมากเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยยังศึกษาอยู่ที่อะคาเดมีด้วยใช่มั้ยครับ”
“ใช่แล้วละ เพราะอย่างนั้นในอะคาเดมีจึงมีข่าวลือแพร่ไปทั่วว่าทั้งสองคนเป็นคนรักกัน…”
ประธานคิลเลียนเล่าข่าวลือที่ไปได้ยินมาอย่างสนุกปาก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก
เพราะท่านชายวิดอาร์ซึ่งอายุค่อนข้างน้อยในบรรดาขุนนางอาวุโสได้ตีมือของประธานคิลเลียนผู้ไม่ดูตาม้าตาเรือเอาเสียเลย
“หืม ทำไมล่ะ”
แต่ประธานคิลเลียนนี่ช่างไม่มีไหวพริบยิ่งกว่าที่คิดไว้จริงๆ
“อา รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้หรอก”
เรื่องแค่นี้
“ถึงแม้จะไม่ได้ประกาศถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการก็เถอะ แต่ก็คงจะจัดการกันเองระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงไปแล้ว ข้าพูดถูกมั้ยครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”
ที่ประธานคิลเลียนพูดมาก็ถูกต้องแล้ว
เธอกับเฟเรสไม่ได้ถอนหมั้นกันอย่างเป็นทางการ
แต่ก็แค่ยังไม่ได้ทำ
แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ควรทำเมื่อเธอเองก็เป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแล้ว
“…ใช่ค่ะ”
เธอเอ่ยตอบกลับไป พยายามบังคับเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ดูสิ!”
ประธานคิลเลียนส่งสายตาเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นมาทางเธอ
“รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียของพวกเราไม่ใช่คนที่จะไขว้เขวด้วยอารมณ์ส่วนตัวหรอก!”
ถึงแม้เรื่องที่ประธานคิลเลียนพูดมาจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ แต่ทุกคำ ทุกประโยคนั่น มันเริ่มจะระคายหูเธอแล้วนะ
ล้ำเส้นกันเกินไปแล้ว
ต่อหน้าเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นถึงรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย แต่กลับเอาแต่พูดพล่ามเรื่องเธออย่างสนุกปากราวกับพูดถึงอาหารจานโปรด
“ว่าแล้วเชียวลอมบาร์เดียน่ะ…”
“หยุด”
เธอขัดประธานคิลเลียนเสียงกดต่ำ
พอละสายตาจากเฟเรสเหลียวกลับไปมองประธานคิลเลียน ก็พบว่าเขามีสีหน้าตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
เธอไม่ได้ยิ้มอีกต่อไปแล้ว
เพียงแค่มองประธานคิลเลียนด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์
แค่นี้ก็คงจะเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อได้แล้วละมั้ง
เธอยกยิ้มตามมารยาท ในขณะที่เอ่ยพูดอีกครั้ง
“จะมามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่กันทำไมล่ะคะ รีบไปที่ภัตตาคารกันดีกว่าค่ะ และเจ้าชายเองก็…”
เธอมองราโมนากับเฟเรสที่ยังคงเดินสนทนาเคียงคู่กันไป ก่อนจะพูดขึ้น
“น่าอายออกไม่ใช่หรือคะ ถ้าทราบว่าพวกเรายืนจ้องกันอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ”
“อา ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เหล่าขุนนางหัวเราะกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็พยักหน้าตอบรับคำของเธอ
“ใช่แล้วละครับ”
“จริงด้วยครับ พวกเรารีบๆ หลบฉากกันดีกว่า!”
เธอกับเหล่าขุนนางเลี้ยวหลบไปบนเส้นทางอื่น เพื่อหลบเลี่ยงทิศทางที่ราโมนากับเฟเรสกำลังเดินมา
ในตอนที่เริ่มขยับกายเดินกันอีกครั้ง ใจมันก็ยังเจ็บปวดเหมือนมีรูโหวงเกิดขึ้นกลางหัวใจแต่เธอก็พยายามเมินเฉยหัวใจที่รวดร้าว
อย่างไรก็ต้องทำตัวให้ชินให้ได้
เธอเลือกลอมบาร์เดียแล้ว ส่วนเฟเรสก็จะขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิ
จักรพรรดิย่อมต้องมีจักรพรรดินีอยู่เคียงข้าง
ดังนั้นอย่างไรสักวันหนึ่ง ที่ข้างกายของเฟเรสก็จะต้องถูกใครบางคนเติมเต็มอยู่ดี
ใครคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
และราโมนาก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
ตระกูลบราวน์เป็นตระกูลที่จงรักภักดียิ่งจนไม่มีใครกล้าโต้แย้ง พวกเขากลับคืนสู่ฐานะชนชั้นสูงได้อย่างสง่าผ่าเผย ดังนั้นจะต้องคอยชี้แนะเฟเรสที่ยังอ่อนด้านการเมืองอยู่มากได้อย่างแน่นอน
ราโมนาเองก็เป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่แล้วด้วย
เป็นคนที่แข็งแกร่งและยึดมั่นในความถูกต้อง อีกทั้งมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าชอบเฟเรสมาก
‘ต้องทำตัวให้ชินได้แล้ว’
เธอย้ำกับตัวเองอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง ก็พลันนึกถึงคำพูดทั้งหลายที่เฟเรสเลยกระซิบข้างหูเธอในห้องทำงานที่กองกำลังอัศวินขึ้นมา
“จุมพิตรักษาการเจ้าตระกูลแบบนี้ สัมผัสแนบชิดผิวกายเช่นนี้ หากไม่ใช่ข้าไม่ว่าใครก็ห้ามทั้งสิ้น”
ยังรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิอบอุ่นของเฟเรสที่โอบกอดเธอเอาวันแน่น ราวกับจะไม่มีวันยอมปล่อยมือไปจากเธอได้อยู่เลย
“ฮู่ว”
เธอแสร้งทำเป็นยกมือขึ้นลูบผมในขณะที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
กลัวว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ ความรู้สึกในใจที่แตกสลายเป็นเสี่ยงมันจะเผยออกมาให้เห็นทางสีหน้า
โล่งอกที่สายลมเย็นพัดเข้ามาปะทะใบหน้า ช่วยให้ใจที่หม่นหมองค่อยผ่อนคลายลงได้บ้าง
ดูสิ ก็ทำได้ไม่ใช่เหรอไง
จู่ๆ ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ต่อไปทุกครั้งที่เสียใจแบบนี้ ก็แค่สูดลมหายใจเข้าลึก เอาชนะมันให้ได้ก็พอแล้ว เพราะอย่างไรเธอก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยเห็นหน้าเฟเรสไปตลอดแบบนี้นี่นะ
เธอเหลือบมองไปทางด้านนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เส้นทางเดินของพวกเรากับเฟเรสจะต่างกันไปคนละทิศ
ก็แค่ใช้ชีวิตต่อไป
อืม อย่างไรสักวันหนึ่งก็จะต้องดีขึ้นแน่ เวลาจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง…
ตึก
เธอหยุดชะงักฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
นิ่งไปอย่างนั้นเมื่อได้เห็นหน้าของเฟเรส
นี่เขากำลังยิ้มงั้นเหรอ
* * *