เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 246.1
เล่ม 6 บทที่ 246.1
ตอนที่ 246
หญิงชรานางหนึ่งกับชายหญิงวัยหนุ่มสาว บุคคลสามคนซึ่งไม่ได้เข้ากับบรรยากาศรอบกายพวกเขาเลยแม้แต่น้อยกำลังเดินไปยังงานเลี้ยงซึ่งจัดอยู่บริเวณสวนหย่อมของคฤหาสน์ลอมบาร์เดีย
พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าแตกต่างจากชนชั้นสูงของอาณาจักรที่มักจะแต่งกายอย่างหรูหราโดยสิ้นเชิง
แดง ฟ้า เหลือง เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดที่ไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย แต่จุดพิเศษคือชายกระโปรงของหญิงสาวยาวเสียจนลากพื้น
และเครื่องประดับที่ใช้ก็ไม่ใช่อัญมณีแต่อย่างใด กลับเป็นเพียงเครื่องประดับที่ทำจากไม้แกะสลัก ทำให้พวกเขากลายเป็นที่สนใจของผู้คนในพริบตา
ทว่าตัวต้นเหตุทั้งหลายกลับทำท่าราวกับไม่รับรู้ถึงสายตาพวกนั้น เพียงแค่ก้าวเดินไปทีละก้าวอย่างเชื่องช้าคล้ายออกมาเดินเล่นเที่ยวชมงานเลี้ยงไปเรื่อย
“โหว สุดยอดไปเลย”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงเข้ม ผิวสีคล้ำเอ่ยขึ้น
“ก็รู้อยู่หรอกว่าอาณาจักรแห่งนี้ต่างจากพวกเรามาก แต่ได้เห็นของจริงนี่มันต่างจากที่เห็นในหนังสือจริงๆ นะ!”
ผ้าสีขาวเนียนละเอียดที่ใช้คลุมโต๊ะ ต้นไม้เขียวชอุ่มถูกตัดแต่งเป็นทรงงดงาม ชายหนุ่มหลุดเสียงอุทานออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยความตื่นตาตื่นใจในทุกสิ่ง แม้กระทั่งหนวดเคราบนใบหน้าของบรรดาผู้ชายทั้งหลายที่เดินผ่านไปผ่านมา
จากนั้นเขาจึงเอ่ยพูดกับหญิงชราที่เดินนำอยู่หน้ากลุ่ม
“ท่านผู้เฒ่า ร่างกายเป็นเช่นไรบ้างครับ”
ถึงแม้จู่ๆ จะเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่นัยน์ตายามเอ่ยเรียกหญิงชราที่ถูกขนานนามเป็น ‘ท่านผู้เฒ่า’ นั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความเทิดทูนอย่างล้นหลาม
“ข้ามิเป็นอันใด”
“เอาแต่บอกว่าไม่เป็นอะไรอยู่เรื่อยไม่ได้สิครับ อย่างไรข้าก็ได้ชื่อว่าเป็นหมอประจำตัวท่านผู้เฒ่า หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะมีหน้ากลับไปมองคนในเผ่าของพวกเราได้อย่างไรล่ะครับ”
หมอหนุ่มบ่นพึมพำ มือเอื้อมไปหยิบเอาน้ำผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะแถวนั้นขึ้นมาถือไว้แก้วหนึ่ง
ทันใดในแววตาก็ปรากฏประกายบางอย่างที่คนอื่นไม่อาจมองเห็นได้ หลังจากนั้นมันขยับคล้ายกับกวนน้ำผลไม้ในแก้วจนเป็นน้ำวน ก่อนจะจางหายไป
“อืม ปลอดภัยดี ดื่มนี่สิครับ ท่านผู้เฒ่า”
“ขอบใจนะ อนทาร์”
ระหว่างที่หญิงชราดื่มน้ำผลไม้ หญิงสาวที่คอยเฝ้าระวังอยู่ด้านหลังก็เอาแต่มองสำรวจไปรอบๆ
ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกนิ่งไม่ขยับหากไม่มีเรื่องจำเป็น ทำเอานึกถึงต้นไม้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
“เจ้าพูดถูกจริงๆ อนทาร์”
“เรื่องอะไรหรือครับ ท่านผู้เฒ่า”
“ที่บอกว่าอาณาจักรแห่งนี้แตกต่างจากเผ่าของพวกเรามาก”
“ใช่มั้ยล่ะครับ ข้าละไม่เข้าใจเอาเสียเลย”
อนทาร์เหลือบมองเหล่าขุนนางสวมเสื้อผ้าหรูหราที่เดินผ่านไปมาด้านข้าง คิ้วเข้มขมวดลงเล็กน้อยคล้ายกับไม่พอใจนัก
“มีเหตุผลอะไรกันให้ต้องโลภมากถึงเพียงนั้น หากแบ่งปันด้วยกันกับทุกคนจะมีความสุขมากกว่าแท้ๆ”
“แต่ละคนก็คงจะมีวิธีใช้ชีวิตที่แตกต่างกันไปนั่นแหละ”
“แต่ดูสิครับ ท่านผู้เฒ่า ในบรรดาคนมากมายที่อยู่ที่นี่ จะมีสักกี่คนกันที่มีความสุขได้จากใจจริง”
พออนทาร์ชี้ไปยังฝูงชนด้วยความไม่พอใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยริ้วรอยของหญิงชราก็เหลือบขึ้นมองสำรวจคนพวกนั้นอย่างช้าๆ
มันเป็นเพียงแค่งานเลี้ยงนอกอาคารทั่วไป แต่หญิงชราทำท่าราวกับมองเห็นบางสิ่งที่คนอื่นไม่อาจมองเห็นได้
หญิงชราเหม่อมองคนเหล่านั้นอยู่ครู่ใหญ่
“คราวนี้เจ้าก็พูดถูกอีกแล้วนะ อนทาร์”
“ก็ดูสิครับ”
อนทาร์ตอบอย่างแง่งอน ก่อนจะพูดต่อ
“อาณาจักรน่ะ ถ้าแค่เที่ยวเล่นก็เป็นที่ที่ดีอยู่หรอก แต่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมในการอาศัยอยู่เป็นเวลานานเลยสักนิด รีบๆ ทำธุระให้เสร็จแล้วกลับเผ่ากันดีกว่าครับ ท่านผู้เฒ่า”
“ที่พวกเราเดินทางมาครั้งนี้ก็เป็นการตัดสินใจจากสัญญาณที่เจ้าได้รับมิใช่หรือไร อนทาร์”
สุดท้ายอนทาร์ก็โดนหญิงสาวที่ยืนคุ้มครองอยู่ด้านหลังตำหนิจนได้ ชายหนุ่มเบ้ปากตอบกลับไป
“ข้าทราบครับ ไม่สิ แต่ถึงยังไงก็เถอะ การอยู่ในเขตหนาวเย็นแบบนี้นานๆ มันก็ไม่ดีต่อสุขภาพของท่านผู้เฒ่าอยู่ดีนี่ครับ”
“อืมมมม”
ถึงแม้อานาอีจะยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้ได้ แต่นางก็ยังสั่นคลอนกับคำพูดเกี่ยวกับสุขภาพของท่านผู้เฒ่าอยู่ดี
“พ่อบ้านคนนั้นคงไปแจ้งการมาถึงของพวกเราแล้ว รอสักหน่อยก็คงได้รู้กัน”
“เฮ้อ งั้นข้าขอตัวไปเดินเล่นดูรอบๆ …”
“ไม่ได้”
ท่านผู้เฒ่ากล่าวพลางชี้นิ้วไปยังตึกขนาดใหญ่
“มาโน่นแล้ว”
อานาอีกับอนทาร์หันศีรษะไปทางด้านที่ว่าอย่างพร้อมเพรียง
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล สวมเดรสสีแดงกำลังเดินตรงมาทางด้านนี้อย่างรีบร้อนจนผมพลิ้วสะบัด
“บุตรสาวของชาห์น”
ริมฝีปากเหี่ยวย่นเอ่ยพลางแย้มรอยยิ้มกว้าง
* * *
“จู่ๆ ก็มีคนโผล่มาเป็นท่านยายเฉยเลย”
เธอเดินตรงไปยังบริเวณที่พ่อบ้านบอกด้วยใจที่เต้นโครมครามอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อทราบเรื่องนี้อยู่แล้วหรือเปล่านะ”
จู่ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ แต่เพียงไม่นานก็มั่นใจว่าต้องไม่รู้แน่
เพราะถ้ารู้ละก็ ยังไงท่านพ่อก็ต้องบอกให้เธอรู้ก่อนแล้ว
“สวนหย่อมใช่มั้ย”
เธอเดินออกมาจากคฤหาสน์หลัก แล้วมุ่งตรงไปยังสวนหย่อม มันเป็นทิศทางที่ต้องเดินตัดผ่านงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่จัดเตรียมไว้ด้านนอก
“ท่านเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย!”
“สวัสดีครับ!”
“ยินดีด้วยนะครับ!”
เหล่าชนชั้นสูงมากมายต่างก็หันมาทักทายเธอคนละประโยคสองประโยค เธอเลยไม่มีเวลาให้ตั้งสติได้ แต่ก็ยังเดินต่อไปโดยยิ้มแย้มพยักหน้าทักทายทุกคนไปด้วย