เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] - เล่ม 6 บทที่ 248.1
เล่ม 6 บทที่ 248.1
ตอนที่ 248
นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน
จู่ๆ รูลลักก็โผล่มาถึงห้องบรรทมของโยบาเนสโดยไม่มีการติดต่อแจ้งมาล่วงหน้า
“มีธุระอะไรหรือครับ”
โยบาเนสเอ่ยถามรูลลัก ไม่คิดเก็บซ่อนความไม่พอใจแต่อย่างใด
นัยน์ตาที่จ้องอีกฝ่ายเขม็งดูดุดันยิ่ง แต่รูลลักไม่คิดสนใจ เขาเพียงแค่เหลือบสายตามองเตียงนอนที่ถูกบ่มด้วยยาสมุนไพรด้วย คิ้วขมวดเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปเสียงเรียบเท่านั้น
“กระหม่อมมาบอกลาครั้งสุดท้ายพ่ะย่ะค่ะ”
“บอกลาครั้งสุดท้าย”
“พรุ่งนี้กระหม่อมตั้งใจจะมอบตำแหน่งเจ้าตระกูลให้หลานสาวพ่ะย่ะค่ะ และนอกจากพระราชพิธีปลงพระศพของฝ่าบาทแล้ว กระหม่อมก็ไม่คิดที่จะย่างกรายมาเหยียบพระราชวังอีก ดังนั้นนี่จึงเป็นการบอกลาครั้งสุดท้ายอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“พิธีศพ”
คำกล่าวของรูลลักพานให้โยบาเนสที่ตระหนักได้ถึงความหมายแฝงในคำพูดประโยคนั้นโมโหเดือด
“นี่บอกว่าข้ากำลังจะตายงั้นหรือครับ”
“ดูเหมือนจะยังยอมรับความจริงไม่ได้สินะ ว่าพระองค์กำลังจะสิ้นใจ”
“เฮ้! เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย!”
โยบาเนสตะโกนเสียงดังด้วยความกราดเกรี้ยวจากโทสะที่พลุ่งพล่านขึ้นมา แต่ก็ได้แค่นั้น
“แฮก…แค็ก! โขลก!”
โยบาเนสเริ่มไออย่างรุนแรง กระทั่งหายใจก็ยังทำได้ลำบากอีกแล้ว
“จิ๊จิ๊”
รูลลักมองโยบาเนสที่ขดกายคู้ตัวด้วยความเจ็บปวด มือกำหน้าอกแน่นอย่างน่าสมเพช ก่อนจะส่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ให้
“โขลก โขลก!”
สุดท้ายก็ต้องรอจนแพทย์หลวงที่ปลีกตัวออกไปจากห้องวิ่งกลับเข้ามาดูอาการให้ โยบาเนสถึงค่อยหายใจหายคอได้คล่องขึ้นบ้าง
“แฮก แฮก”
โดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าน้ำลายไหลย้อยออกมาจากมุมปากสีเขียวซีดจนสกปรกเลอะเทอะไปหมด
โยบาเนสทิ้งกายลงนอนบนหมอนอย่างอ่อนแรง
“ทราบได้อย่างไรครับ”
อาการของโยบาเนสนับวันยิ่งมีแต่จะแย่ลง
ถึงแม้จะควานหาตัวแพทย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากทั่วอาณาจักร รวมถึงหมอหลวงให้ช่วยตรวจอาการให้แล้ว แต่ทุกคนต่างก็ได้แต่ส่ายหน้าจนปัญญา
ยาพิษที่จักรพรรดินีใช้เป็นพิษที่ร้ายแรงยิ่ง แค่ยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่บอกว่าให้ ‘เตรียมใจ’ ไว้เสียแต่เนิ่นๆ
ทว่าโยบาเนสกลับตอบแทนด้วยการทุบตีแพทย์หลวงเหล่านั้น แล้วจัดการขับไล่พวกเขาออกไปจากวัง ถึงแม้จะไม่ลงมือหนักจนถึงชีวิตก็เถอะ
‘ไอ้พวกต้มตุ๋น! ใครจะตายกัน!’
โยบาเนสไม่ยอมรับความจริง แต่ว่า
“ฝ่าบาทกับกระหม่อมแตกต่างกันมากมายหลายเรื่องก็จริง แต่พวกเราต่างก็มีจุดหนึ่งที่เป็นเช่นเดียวกัน”
รูลลักก้าวเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายโยบาเนส ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“มีผู้สืบทอดที่วางใจให้รับช่วงต่อได้”
“เหอะ”
โยบาเนสพ่นลมหายใจทางจมูกเสียงดังด้วยความไม่พอใจ
“ผู้สืบทอดที่วางใจให้รับช่วงต่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า”
มือกำผ้าปูเตียงชื้นเหงื่อแน่น
“ไม่มีข้า อาณาจักรก็ยังขับเคลื่อนต่อไปได้ พวกคนที่เคยสาบานว่าจะจงรักภักดีต่างก็หายหัวไปไม่โผล่มาให้เห็นหน้าสักคน”
โยบาเนสพึมพำเสียงแผ่ว กล่าวเย้ยหยันตัวเอง
ถึงแม้พระองค์จะเป็นถึงองค์จักรพรรดิของอาณาจักรแห่งนี้ก็ตาม แต่กลับถูกผู้คนลืมเลือนไปเสียแล้ว
“อย่างไรข้าก็กำลังจะตายอยู่แล้ว เรื่องหลังจากนั้นย่อมไม่ใช่ธุระกงการอันใดของข้า”
“เรื่องนั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”
รูลลักกล่าว
“มันเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง”
โยบาเนสเงยหน้าขึ้นมองรูลลักด้วยนัยน์ตาเหม่อลอย
รูลลักลอบเดาะลิ้นในใจด้วยความไม่พอใจอยู่หลายครั้ง
สมองของโยบาเนสที่เคยคิดคำนวณผลประโยชน์ที่เจ้าตัวจะได้รับอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจในยุคสมัยหนึ่ง กลับกลายเป็นทึ่มทื่อเสียจนประมวลผลอะไรไม่ได้เสียแล้ว
สังหารบิดาตัวเองด้วยยาพิษ มาตอนนี้ถึงคราวตัวเองถูกวางยาพิษหมายสังหารให้สิ้น มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วมิใช่หรือไง
แต่ถึงอย่างไรรูลลักเองก็ไม่อยากเห็นโยบาเนสที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่เล็ก ต้องมามีสภาพหายใจรวยรินราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกลูกธนูยิ่งเข้าใส่แบบนี้เลย
รูลลักเปิดปากพูดขึ้นด้วยความสงสารโยบาเนส
“จักรพรรดิที่สวรรคตไปแล้ว ย่อมไม่เหลืออำนาจใดๆ อีก”
“หากข้าตาย…”
ดูเหมือนจะตระหนักถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาโง่งมของโยบาเนสจึงเริ่มสั่นคลอน
“ตอนนี้ได้เวลายอมรับความตายได้แล้ว และเตรียมการสำหรับชีวิตหลังความตายเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ชีวิตหลังความตาย”
“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทสวรรคตเช่นนี้ จะเหลือสิ่งใดให้จดจำ ผู้คนจะตีค่าฝ่าบาทเช่นไร หากลองครุ่นคิดดู ไม่นานก็คงได้คำตอบ”
“ขะ…ข้า”
โยบาเนสรีบถามกลับไปด้วยความร้อนรน สายตาแสดงให้เห็นถึงความตื่นตระหนกอย่างชัดเจน
“ข้าเป็นจักรพรรดิที่ยอดเยี่ยมพอตัวมิใช่หรือครับ”
หลังจากที่รูลลักเข้ามาในห้องบรรทม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเลือกปิดปากแน่นไม่ยอมตอบ
ความเงียบที่เข้าครอบคลุมไปทั่วห้องทำให้โยบาเนสได้แต่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“ข้าต้องทำอะไรครับ”
* * *
“เงินพวกนั้น…จะให้เอาไปแจกจ่ายทั้งหมดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้รับผิดชอบด้านเงินคงคลังของราชวงศ์ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง
ตลอดระยะเวลาที่ขึ้นครองราชย์ โยบาเนสไม่เคยแบ่งปันหรือมีเมตตาใดๆ ต่อผู้คนที่ทำงานเพื่อองค์จักรพรรดิเลยสักครา
แต่นี่จู่ๆ กลับเรียกตัวเขามา สั่งให้ช่วยแจกจ่ายเงินงบประมาณสำหรับหนึ่งปีให้แก่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่ทำงานรับใช้ราชวงศ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังถึงกับมอบเงินรางวัลให้แก่เหล่าข้ารับใช้ชั้นต่ำที่ทำงานจิปาถะพวกนั้นด้วย
“ใช่แล้ว ที่ผ่านมาพวกเจ้าลำบากกันมามาก นี่เป็นของขวัญจากข้า”
โยบาเนสพยักหน้าลง สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกเสียดายเงินทองพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
“ทุกคนจะต้องซาบซึ้งในพระคุณของฝ่าบาทเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าหน้าที่ทิ้งโยบาเนสที่เอาแต่ยิ้มคล้ายพึงพอใจเอาไว้ตามลำพัง ก่อนจะปลีกตัวหลบออกมาจากห้องทำงานอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดว่า สงสัยจะต้องแวะไปขอพบแพทย์หลวงเสียหน่อยแล้ว เพื่อที่จะได้เรียกตัวให้มาตรวจเช็กอาการขององค์จักรพรรดิเสียหน่อย บางทีสมองของพระองค์อาจจะไม่อาจคิดประมวลผลได้อย่างถูกต้องแล้วหรือเปล่า