เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 148 - มันเริ่มแล้ว
เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย
Chapter 148 – มันเริ่มแล้ว
พิธีบูชาสวรรค์เป็นวันสําคัญของหยินซาง
เขาส่งคุนต่ําไปนําภาชนะที่สมบูรณ์แบบที่สุดกลับมา หยินซางต้องการเห็นว่าไป่เม่ยฝึกเขาได้ดีแค่ไหนและดูว่าแมลงภู่มีความก้าวหน้าใดๆบ้าง
เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้รับข่าวว่าทหารจากนรกขุม 19* ของเขาจะถูกทําลาย
(เปลี่ยนจากนรก19ชั้น นรกขุม 19 นะครับ)
นี่มันทําให้เขาโกรธมาก
มันเป็นความโกรธครั้งแรกของเขา
โกรธถึงที่สุด!
หยินชางโกรธซะจนตัวสั่น แม้กระทั่งแมลงที่หัวของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นและขดเป็นลูกบอลเนื่องจากความกลัว
“ข้าจะฆ่าเจ้าทั้งหมด เริ่มจากตอนนี้”
หยินซางตะโกน ขณะที่ร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงซึ่งประกอบด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย พลังงานสุดสพรึง
ที่เดือดพล่านนี้ให้ผู้เชียวชาญจากนิกายปีศาจต้องถอยห่างจากเขา ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวและดูน่าเกลียดอย่างมาก
นอกจากนี้ตอนนี้
ลั่วเทียน, เทียนเจว๋,ฉินหยู่เอ๋อและไป่เม่ย ได้ขึ้นมาบนพื้นดินและอยู่ห่างจากวังทมิฬไปไม่ไกล
เมื่อพวกเขาขึ้นมาบนพื้น หยินซางก็สัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของพวกเขา ดวงตาของเขาดูขึงขังก่อนที่จะโกนอย่างเย็นชาและดูถูกออกมา”เจ้าทั้ง 4 ต้องการที่จะออกไป?! ราชาคนนี้จะใช้เจ้าเป็นเครื่องสังเวยต่อสวรรค์!”
“ไอ้เวร!”
“ถ้าเจ้ากล้า ก็มาได้เลยตอนนี้! บิดาคนนี้ต้องการที่จะดูว่าเจ้าจะรอดออกไปได้อย่างไร!”ลั่วเทียนตะโกนอย่างเฉยเมย เนื่องจากเขาอยู่ในระดับพลังปราณวิญญาณขั้น 5 แล้วเขาจึงไม่กลัวหยินซางเลย แม้แต่ออร่าของเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าหยินซางเล็กน้อย!
แน่นอน…
แรงกดดันที่รุนแรงนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์นัก
หยินซางยิ้มเข็มขณะที่สายตาของเขาหัวไปมองลั่วเทียน การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนเป็นตะลึงทันที และหัวใจของเขาก็เต้นอย่างแรง เขาไม่คิดเลยว่าภายใน 2-3 วันความแข็งแกร่งของลั่วเทียนจะทะลวงมาถึงปราณวิญญาณแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเขาใน 7 วันที่ผ่านมานี้?
หยินชางมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าของไป่เม่ยซึ่งดูเหมือนจะ มีรอยยิ้มน้อยๆ การแสดงออกของหยินซางก็เปลี่ยนไปเป็นค วามน่าสะพรึง ขณะที่เขาดูอย่างน่ารังเกียจ”เจ้าจิ้งจอกเฒ่าสารเลว เจ้าคิดว่าการที่เขาฝึกฝนจนทะลวงผ่านมาเป็นปราณวิญญาณขั้น 5 ของเขาจะสามารถต่อกรกับข้าได้?”
“แม้ว่าจะมีปราณวิญญาณขั้น 5 อีก 10 คน พวกเจ้าก็ได้แต่ฝันที่จะสู้ข้าได้ นอกจากนี้เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้เจ้าอยู่ไหน?”
“นี่คือเมืองภูเขาซากศพทมิฬ ซึ่งเป็นที่เหนือหัวของเจ้าอ
ไป่เม่ยยังคงแสดงท่าที่ไร้เดียงสาขณะที่เขาพูดว่า”ข้าได้ทํา อะไรเลยจริงๆ แต่ถ้าเจ้าปัดความรับผิดชอบมาให้ข้า ข้าจะแสร้งว่าข้าเป็นคนทําแล้วกัน หยินซางเจ้าคนบาปหนาของเผ่าแก่นปฐพี!* เจ้าไม่อาจหลบเลี่ยงความตายของเจ้าได้ในวันนี้ ข้าขอแนะนําเจ้า ”
(เปลี่ยนจาก เผ่าหลักของโลก > เผ่าแก่นปฐพี)
หยินซางขัดคําพูดของไป่เม่ยอย่างกระวนกระวายและตะโกนว่า”เจ้าเฒ่าสารเลว ราชาคนนี้ไม่ต้องการที่จะสนทนากับเจ้าแล้ว เมื่อเจ้าอยากจะตาย ราชาคนนี้จะสนองความต้องการของเจ้าให้!”
“ยามไม่รู้จักตาย ฟังคําสั่งของข้า!”
“ฆ่าพวกเขาทั้งหมดให้ราชาองค์นี้และข้าจะมอบชีวิตอันเป็นนิรันดร์ให้เจ้า!”
เพียงไม่นาน
มีแสงวิบวับส่องสีดําวูบวาบในดวงตาของยามไม่รู้จักตายทั้ง 37,000 คนพวกเขาตะโกนพร้อมกันว่า”แด่องค์ราชาทมิฬ! แด่องค์ราชาทมิฬ! แด่องค์ราชาทมิฬ! ชีวิตนิรันดน์! ชีวิตนิรันดน์! ชีวิตนิรันดน์!”
“ฆ่าพวกเขาให้ข้า!”
” ฆ่า!”
นี่มันเหมือนกับน้ําทะเล ราวกับมีคลื่นขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา เพื่อทําลายเป้าหมาย
คลื่นยักษ์สีดําที่ซัดเข้าลั่วเทียนและกลุ่มของเขา!
“ดูเหมือนว่ายามไม่รู้จักตายที่นี่จะมีมากเกินไป”
“เราจะต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไร?”
“ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงวังราชาทมิฬ ข้ากลัวว่าเราจะตายกันก่อน น้องลั่วเจ้าคิดว่าเราควรจะทําอย่างไรกันดี?”
เทียนเจว๋นิ่วหน้าขณะที่เขามองดูยามที่วิ่งมาราวกับคลื่นซัดสาด หัวใจของเขาอดที่จะรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้
ทั้งฉินหยู่เอ๋อร์และไป่เม่ยต่างก็มองมาที่ลั่วเทียน
พวกเขามีมากเกินไป
ยามไม่รู้จักตายเหล่านี้ไม่เหมือนกับพวกระดับต่ําๆที่นรถขุม 19 ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาอยู่ที่ปราณเชี่ยวชาญ ขั้น 5 ขึ้นไป แมลงภู่ที่อยู่ในสมองต่างก็เป็นระดับ 2 หรือสูงกว่า ด้วยการที่มียามไม่รู้จักตายเหล่านี้หมายหมื่นคนพร้อมกับพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งของพวกเขา แม้กระทั่งผู้เชียวชาญปราณราชามาอยู่ที่นี่ เขายังต้องสะท้านหัวใจ
ที่ด้านหลังหยินซาง นิกายปีศาจต่างก็ไม่อาจคิดอะไรได้เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จินตนาการว่ามันจะยอดเยี่ยมแค่ไหนหากพวกเขามีกองทัพขนาดใหญ่นี้ในการจัดการคนอื่นๆ
ความจริง…
ด้วยการที่มียามไม่รู้จักตายมากมายขนาดนี้ ทั้ง 4 คนคงเบื่อหน่านและรนหาที่ตาย
ปริมาณพลังปราณที่พวกเขามีไม่เพียงพอที่จะต่อสู้ยืดเยื้อ นอกจากนั้นยามไม่รู้จักตายเหล่านี้ก็ไม่มีความเหนื่อยล้าและไม่รู้สึกเจ็บปวด คําสั่งเดียวในหัวใจของพวกเขาคือการฆ่าพวกเขาทั้ง 4 คนและไม่ว่าพวกเขาจะทําสําเร็จหรือไม่พวกเขาก็ต้องลอง!
การแสดงออกของไป่เม่ยเริ่มแปรปรวน
ทั้ง 3 มองไปที่ลั่วเทียนเพื่อหาคําตอบอย่างไม่รู้ตัว
จริงๆแล้วลั่วเทียนมีการแสดงออกที่เขินอายและดูแคลน ขณะที่เขาดึงป้ายมิติหลายแผ่นออกมา
ป้ายมิติถูกพิจารณาว่าเป็นสินค้าระดับต่ํา
มันเป็นอุปกรณ์จัดเก็บที่ถือว่าเป็นขยะที่สุดที่ทุกคหนรู้จัก ไม่ว่าใครก็ตามสามารถซื้อหามันได้ตามตลาดด้วยเงินไม่กี่เหรียญ ทั้ง 3 คนงุนงงเมื่อเห็นลั่วเทียนเอาพวกมันออกมามากมาย
หยินซางเริ่มหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อเห็นอย่างนี้”เจ้าต้องการกําจัดยามไม่รู้จักตายของราชาคนนี้ด้วยป้ายมิติเหล่านี้งั้นหรอ? ตอนนี้ราชาคนนี้กลัวเจ้าจริงๆ 5555..”
” 5555…”
” ข้าคิดว่าในสมองเขาต้องมีแต่ขี้แน่ๆ”
“ข้าเดาว่าพวกเขาคงจะกลัวจนกลายเป็นคนโง่งม”
“นี่เด็กน้อย เรายังไม่ได้ทําอะไรเลยนะ เจ้าจะร้องหาแม่สักหน่อยไหม 5555..”
มีคําพูดเยาะเย้ยอย่างไม่รู้จบจากยามไม่รู้จักตายที่กําลังวิ่งเข้ามา
ลั่วเทียนได้ยินทุกอย่างชันเจน แต่เขาก็ยังคงดูถูก จากนั้น เขาก็พูดอย่างเย็นชา” หัวเราะไปเถอะ หัวเราะให้เต็มที่ ไอ้พวกสวะทั้งหลาย บิดาคนนี้จะทําให้พวกเจ้าทุกคนร้องไห้ในไม่ช้า”
กองทัพยามไม่รู้จักตายใกล้พวกเขาเข้ามาแล้ว
ทั้ง 4 คนเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่เข้มข้น และเริ่มรู้สึกกดดันมาทางพวกเขา
ในเวลานี้ลั่วเทียนยังคงดึงป้ายมิติขึ้นมาและโยนพวกมันเล่นอยู่ที่มือ เขากําลังพยายามทําอะไรบนโลกใบนี้?
เทียนเจว๋ไม่ได้ถาม
ปราณจักรพรรดิก็พุ่งออกมาจากเขา เขาเข้ามาปกป้องลั่วเทียนอยู่ข้างๆทําให้เขารู้สึกพอใจ
อีกด้านของลั่วเทียนคือฉินหยู่เอ๋อร์ คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเนื่องจากจิตใจของนางเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา นางก็เหมือนกับเทียนเจว๋เข้ามาปกป้องข้างๆลั่วเทียนอีกด้านหนึ่งด้วยท่าทางที่แน่วแน่
พวกเขาไม่รู้ว่าลั่วเทียนกําลังทําอะไร แต่พวกเขาเชื่อว่ามันต้องเป็นอะไรที่สําคัญอย่างมาก
เหมือนกับไป่เม่ย
ลั่วเทียนทําให้พวกเขาตกใจมากมาย แม้ว่าเขาจะทําให้สิ่งแปลกๆที่คนอื่นไม่ทํากัน แต่สําหรับเขาดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลก มองดูลั่วเทียนที่กําลังเล่นกับป้ายมิติอยู่ พวกเขาก็รู้สึกในใจว่ายามไม่รู้จักตายเหล่านี้จะต้องกลัวในไม่ช้า
เหงื่อเย็นๆ ปรากฏบนหน้าผากลัวเทียนขณะที่เขาบ่มในใจอย่างขมขื่น” พับผ่าสิ! ถ้าข้ารู้อย่างนี้ในเทือกเขาวิญญาณ ข้าจะซื้อแหวนมิติที่ดีกว่านี้ ตอนนี้ดูท่าว่าข้าจะต้องเอาป้ายมิติทั้งหมดนี้ทิ้งไปซะแล้ว”
เทียนเจว๋และอีกสองคนไม่มีความกังวล แต่ลั่วเทียนกังวล
มองไปที่ร่างสีดําที่กําลังใกล้เข้ามา หัวใจของลั่วเทียนก็สั่นเทา เขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นขณะที่เขาพูดกับตัวเอง” ดูสิ! มีค่าประสบการณ์มากมายแค่ไหนที่กําลังวิ่งเข้ามา!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ทันใดนั้น
ยามไม่รู้จักตายที่อยู่ด้านหน้าของกลุ่มก็พุ่งเข้ามา
ลั่วเทียนไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ยกเว้นหยิบป้ายมิติออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้านหน้าของเขามีป้ายมิติที่ดูเหมือนกับไม้ไผ่เก่าๆที่มาจากโบราณ
เทียนเจว๋และฉินหยู่เอ๋อร์เดินขึ้นหน้ามา ดาบพวกเขาแทงออกไปก่อนที่จะกลับไปยังที่เดิม.
เมื่อพวกเขากลับมาที่เดิม ศพทั้งสองก็ตกลงมาจากอากาศ
หัวของพวกเขาถูกฟันและน้ําสีดําก็ไหลจนกลายเป็นแอ่ง ในน้ําสีดํามีแมลงภู่ที่ไม่ไหวติง
การแสดงออกของหยินชางเปลี่ยนไป เขาตะโกนว่า” ฆ่าพวกเขาซะ!”
ในเวลาเดียวกัน
ลั่วเทียนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาก่อนที่จะยิ้มอย่างชั่วร้าย”ในที่สุดข้าก็เตรียมเสร็จสักที!”