เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย - ตอนที่ 157 – นี่คือพลังทั้งหมดที่เจ้ามี?
เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย Chapter 157 – นี่คือพลังทั้งหมดที่เจ้ามี?
หากเขาไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ ทุกคนจะต้องตาย!
ยิ่งกว่านั้น
ครึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปแล้ว ลั่วเทียนรู้สึกตัวว่าเขาผิด
พูดให้ถูกก็คือตอนนี้หลังจากที่ลั่วเทียนทะลวงไปอยู่ขั้นปราณเชียวชาญ ขั้น 8 แถบExpของเขาก็แทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย
ตอนแรกเมื่อเขาฆ่าทหารอมตะจะได้ประมาณ 100-200Exp แต่ตอนนี้มันได้แค่ 1020Expเท่านั้น หากมันขึ้นอยู่แค่นี้ มันก็ไม่อาจทําให้เขาเลเวลอัพได้เร็วขึ้นเท่าไรนัก
มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย แม้ว่าเขาจะฆ่าพวกมันทั้งหมด!
เมื่อเห็นว่าถังจิ๋วกระเด็นออกไป ฉินหยู่เอ๋อกองอยู่ที่พื้นและไม่รู้ว่าไปเม่ยยังคงปลอดภัยอยู่ไหม ลั่วเทียนก็ไม่อาจเฝ้ามองต่อไปได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
อย่างเลวร้ายที่สุดเขาต้องสู้ด้วยการเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้าย!
เขาพูดกันว่า ถ้าเป็นเจ้า มันก็เป็นของเจ้า หากไม่ใช่ของเจ้า เจ้าก็จะไม่ได้แม้ว่าจะบังคับก็ตาม!
เมื่อนึกสิ่งนี้ริมฝีปากของลั่วเทียนก็ยกยิ้ม มองไปหยินซางที่อยู่ห่างไกล เขาสถบออกมาว่า “ไอ้น่าเกียจ มาให้พ่อฆ่าซะดีๆ!”
เสียงของเขาสะเทือนไปถึงฟากฟ้า
และคําพูดของเขาก็รุนแรง
ทุกคนในเมืองนิ่งเงียบ เมื่อมองไปที่ลั่วเทียนที่ลอยอยู่กลางอากาศและหยินซางผู้ซึ่งกําลังเคลื่อนไหว ดวงตาของพวกเขาไม่อาจขยับเขยื้อนเพราะว่าพวกเขาจ้องมองลั่วเทียนอยู่
ฉินซูเอ๋อหันกลับมาพร้อมกับน้ําตาที่ไหลออกมาจากดวงตา จากนั้นนางก็กรีดร้องออกมาว่า “อย่ามาเสียเวลากับเรา รีบๆทะลวงผ่านซะ!”
จิตใจของไปเม่ยดิ่งลง เพราะสิ่งที่เขาได้ยินคือสิ่งที่เขาคิดในใจ “เฮ้อ…”
ทันใดนั้น…
หยินซางหยุดอยู่กับที่และเริ่มหัวเราะ ยิ่งเขามองลั่วเทียนมากเท่าไรเขาก็ยิ่งหัวเราะมากเท่านั้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยการดูถูก จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ลั่วเทียนและพูดเยาะเย้ยว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ปราณวิญญาณขั้น 8! เจ้ายังอยู่แค่ปราณวิญญาณขั้น 8 เท่านั้น!”
“ปราณวิญญาณขั้น 8 ก็ยังเป็นขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าบิดาคนนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าราชาคนนี้เป็นอมตะภายใต้ขอบเขตปราณราชันย์?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เด็กน้อย ถ้าเจ้ามีเวลามากพอที่จะทะลวงถึงขั้นปราณวิญญาณขั้น 8 มันแค่ต้องใช้ความพยายามนิดหน่อยในการฆ่าเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ายังถือว่าเป็นมดที่ไม่อาจสร้างคลื่นลมใดๆได้ การฆ่าเจ้าด้วยมือของราชาคนนี้นั้นง่ายพอๆกับเหยียบแมลงสักตัว!”
ปราณวิญญาณขั้น 8
มันยังไม่เพียงพอ
ถ้าลั่วเทียนมีการบ่มเพาะอยู่ที่ปราณวิญญาณขั้น 9 หยินซางอาจจะระวัง แต่เพราะการบ่มเพาะของเขาอยู่แค่ปราณวิญญาณขั้น 8 ลั่วเทียนไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา สําหรับเขาลั่วเทียนไม่ได้มีพิษมีภัยใดๆเลย!
นิกายปีศาจที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มหัวเราะเยาะ
“เกือบทําให้ข้ากลัวแทบตาย! ข้าคิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะทะลวงไปถึงปราณวิญญาณขั้น 9 ในครึ่ึงชั่วโมง แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นตลกซะงั้น ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ราชาทมิฬเป็นคนไร้พ่ายในขอบเขตปราณราชันย์และเพียงแค่เขาสํานึกรู้เพียงเล็กน้อย เขาก็ก้าวไปถึงมันแล้ว แม้ว่าเด็กคนนี้จะขึ้นมาเป็นปราณวิญญาณขั้น 9 แต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้กับราชาทมิฬ ราชาทมิฬเป็นคนที่แข็งแกร่งโครตๆ!”
“ราชาทมิฬแข็งแกร่งโครตๆ!”
ในความเป็นจริงมีเหงื่อเย็นๆอยู่ภายในใจของพวกเขา
ลั่วเทียนผิดปกติอย่างมาก หากเขาไม่เห็นสิ่งนี้เขาจะเชื่อว่าใครก็ตามที่สามารถทะลวง 3 ขั้น ในครึ่งชั่วโมง? ใครจะเชื่อว่าเมื่อ 2 วันก่อนลั่วเทียนมีระดับแค่ปราณเชียวชาญขั้น 9 ได้ทะลวงมาถึงปราณวิญญาณขั้น 8 ใครจะเชื่อเรื่องเหล่านี้?
เขาเป็นคนตื้นด้านและแหกหลักการจริงๆ!
ดังนั้นนิกายปีศาจเหล่านี้ก็กลัวว่าลั่วเทียนจะฆ่าราชาทมิฬและก็ตามด้วยพวกเขา โชคดีที่สถานการณ์นี้จะไม่ปรากฏอีกแล้ว
เพราะลั่วเทียนกําลังจะตาย!
คนที่อยู่ในระดับปราณวิญญาณขั้น 8 ไม่ใช่คู่ต่อสู้กับใครบางคนที่อยู่ในขั้น 9 ไม่ต้องพูดถึงในเมืองราชาทมิฬที่เป็นสถานที่ใกล้เคียงกับนรกที่สุด มีกลิ่นอายแห่งความตายที่รุนแรง เมื่อรวมทหารอมตะกว่าหมื่นคน ไม่มีทางที่ลั่วเทียนจะชนะแน่นอน!
ในใจของพวกเขา ลั่วเทียนเท่ากับตายไปแล้ว!
ความจริง…
การทะลวงขอบเขตปราณวิญญาณอย่างกระทันหันและต่อสู้กับคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่าเป็นเรื่องยากอย่างมาก
ลั่วเทียนมีพลังแค่ปราณวิญญาณขั้น 8 เท่านั้น เป็นไม่ได้แม้กระทั่งใครสักคนที่อยู่ในระดับปราณวิญญาณขั้น 9
อย่างไรก็ตามลั่วเทียนรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของฉินหยู่เอ๋อและไปเม่ยที่จะยอมตายในไม่ช้า หากเป็นอย่างนั้นการที่เขาทะลวงไปยังถึงขั้น 9 เพื่ออะไร? ถ้าเขาไม่อาจสังหารหยินซางลงได้?
ยิ่งกว่านั้น
ฉินหยู่เอ๋อได้ให้สัญญากับลั่วเทียนว่าหลังจากที่พวกเขาออกจากเมืองภูเขาซากศพ พวกเขาจะต่อสู้บนเตียงสามพันกระบวนท่า ลั่วเทียนรอคอยสิ่งนี้จริงๆ เขาพูดกับตัวเองว่า “มันถึงเวลาที่ข้าต้องสละซิงซะแล้ว.”
“ราชาทมิฬไปฆ่ามัน!”
“ราชาทมิฬ ท่านต้องเอาหัวของเขามาเช่นให้ได้”
“ราชาทมิฬ ฆ่ามันให้หมด…”
เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วเมือง เพราะเขากลัวลั่วเทียนอย่างลับๆ
ทหารอมตะเหล่านั้นกลัวเป็นพิเศษและหัวใจของพวกเขาก็สั่นเท่าเมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นลั่วเทียนใกล้เข้ามา มันคล้ายกับการเฝ้ามองกริมริปเปอร์น่ากลัวและความรู้สึกที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย.
หยินซางยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่มือของเขาเริ่มเคลื่อนไหว กลิ่นอายแห่งความตายสีรุ้งเริ่มหลอมรวมอยู่บนฝ่ามือของเขาทั้งสองข้างก่อนที่เขาจะพูดอย่างรังเกียจ “มันช่างเป็นเรื่องที่โชคร้ายจริงๆ เฮ้อ… มันโชคร้ายที่เจ้ากําลังจะตายในไม่ช้า สบายใจได้ เจ้าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของข้า เพราะข้ากําลังให้ชีวิตนิรันดร์แก่เจ้า ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ขณะที่เสียงหัวเราะหายไป…
หยินซางกลายเป็นอารมณ์ที่กลับขั้วทันที ความสําแดงความโกรธขณะที่เขาสถบ “เจ้าสุนัขสารเลว เจ้ากล้าที่จะยุ่งกับอาณาเขตของบิดา?! เจ้าคิดว่าเพียงได้ร่ําเรียนการกลั่นกู่แค่เล็กน้อย เจ้าจะสามารถทําลายเมืองซากศพทมิฬของข้าได้? เจ้าคิดว่าการรวมกลุ่มกับทหารอมตะสารเลวเหล่านี้จะทําให้ข้าพ่ายแพ้? เจ้าคิดว่าเจ้าร่วมกลุ่มกับเศษขยะสองตัวนั้นจะทําให้เจ้าฆ่าข้าได้??”
“ตื่นซะ!”
“ราชาคนนี้จะกลายเป็นราชาทมิฬไร้เทียมทาน ที่มีกายอมตะตลอดไป! ไม่มีใครสามารถสังหารราชาคนนี้ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ลั่วเทียนปิดหูและพูดอย่างหงุดหงิด “ไอ้แม่เย็ดเอ้ย เจ้าจะหยุดตะโกนได้หรือยัง? เจ้าเป็นเหมือนกับหญิงเฒ่าที่คอยช้ําจี้จําไซเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่หยุด เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าได้ใช้ทักษะกลั่นจนกลั่นตัวเองให้เป็นอย่างนี้?”
“น่ากลัวจริงๆ! หยิงตง เจ้าคงต้องรายงานเจ้าเมืองเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศซะแล้ว!”
ใบหน้าของหยินซางเปลี่ยนเป็นสีม่วงและร่างของเขาก็ใหญ่ขึ้นจนเป็นเหมือนยักษ์แมลงภู่บนหัวของเขา ก็อ้าปากและน้ําลายก็เริ่มหยดลงใบหน้าที่น่ารังเกียจของหยินซาง ภาพเหล่านี้ทําให้เกิดความน่าขยะแขยงอย่างมาก
การแสดงออกของหยินซางเปลี่ยนเป็นเป็นตื่นเต้น
“ว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะของเขาเหมือนกับปีศาจที่ร่ําไห้สะท้อนไปทั่วเมือง กลิ่นอายแห่งความตาย ภายในตัวหยินชางก็พลุ่งพล่านออกมารวมกับทะเลกราด เขาตะโกน “ราชาคนนี้จะทําให้เจ้าเป็นพ ยายานว่าอาณาจักรนิรันดร์เป็นอย่างไร!”
“โถมคลื่น!”
ทันที…
รัศมีแห่งความตายที่เป็นสีดําที่ลอยอยู่เพียงรางๆเหนือเมืองเริ่มที่จะสั่นไหว แมลงภู่ตัวใหญ่ที่อยู่บนหัวของหยินซางก็สั่นพร้อมๆกับกลิ่นอายแห่งความตาย.
เพียงไม่กี่วินาที กลิ่นอายแห่งความตายที่เริ่มหนาก็เปลี่ยนเป็นสีรุ้ง
สีรุ้งที่ส่องสว่างได้ปกคลุมทั่วเมือง ใบหน้าของทหารอมตะทั้งหมดเริ่มตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
“อาณาจักรนิรันดน์!”
“อาณาจักรนิรันดน์!”
“อาณาจักรนิรันดน์!”
เสียงตะโกนสรรเสริญของคนกว่าหมื่นคนดังทั่วเมือง
ไปเม่ยกําหมัดของเขาและพูดเพียงสองคํา “เราแย่แล้ว!”
ในเวลานั้น
ลั่วเทียนโคจรพลังปราณของเขาและพลังปราณขั้น 8 ของเขาก็ระเบิดขึ้น ร่างกายของเขาปล่อยจิตสังหารที่น่ากลัวและด้านหลังของเขาก็ปรากฏปีศาจที่ถือเคียวขนาดใหญ่พร้อมกับรอยยิ้มแห่งความตาย
ลั่วเทียนชูนิ้วกลางขึ้นฟ้าพร้อมตะโกน “เข้ามา!”
“ตายซะ!”
“แต่ชีวิตนิรันดร์!”
หยินซางลอยอยู่บนอากาศและท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายสีรุ้งที่หลิมรวมจนกลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่ จากนั้นก็เริ่มดิ่งลงไปโจมตีลั่วเทียน!
“ตูมมม!”
จิตสํานึกของลั่วเทียนสั่นอย่างรุนแรง พื้นที่รอบๆร่างกายของเขารู้สึกว่ามันหนักเป็นแสนๆเท่า มันอึดอัดมากเขากู่ร้องอยู่ข้างในอย่างบ้าคลั่ง!
“แกร็ก-, แกร็ก”
ร่างกายลั่วเทียนถูกกดทับอย่างต่อเนื่องเพราะแรงกดดันนี้มันเกินกว่าที่เขาจะต้านทานได้
“ตูมมม !”
ภูเขากลิ่นอายแห่งความตายบดขยี้ร่างกายของลั่วเทียนจนพื้นยุบลงไป นอกจากวังราชาทมิฬ แล้วคลื่นกําทับได้ทําให้อาคารรอบด้านใกล้ๆเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ไม่รู้ว่าตอนนี้ลั่วเทียนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
หยินชางพูดอย่างพอใจ “สู้กับข้า? มันก็แค่รนหาที่ตาย!”
“นั่นคือพลังทั้งหมดที่เจ้ามี?”
เสียงที่ดังออกมาท่ามกลางฝุ่นควันรอบ ลั่วเทียนตบเศษดินออกจากเสื้อขณะที่เขามองไปที่หยินชางอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ตะโกน “Level 3 Berserk”