เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 127 โอรสแห่งสวรรค์
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 127 โอรสแห่งสวรรค์
ตอนที่ 127 โอรสแห่งสวรรค์
“ชีวิตสุขสบายน่ะฉันไม่กล้าคิดหรอก ทำให้พวกเรากังวลใจให้น้อยหน่อยก็พอ” คุณแม่จ้าวแค่นเสียงกล่าว
“พ่อกับแม่เอาแต่เป็นห่วงอยู่นั่นแหละ ผมโตขนาดนี้แล้ว มีเหรอที่จะไม่มีแผนในใจ? จะให้ผมเอาแต่กังวลที่ดินเล็ก ๆ นั่น ต่อให้การเก็บเกี่ยวหนึ่งปีจะเป็นไปอย่างดีก็จริง แต่การทิ้งอาหารไปหนึ่งปีเพื่อเก็บเงินห้าสิบหยวนทั้งปีแค่นี้ก็เจ๋งแล้วเหรอ? ผมออกไปข้างนอกเที่ยวนี้ได้เงินมาห้าสิบหยวนแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว
คำพูดประโยคสุดท้ายเป็นการกระซิบบอก
เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจที่เขาจะพูดเรื่องรายได้ให้พ่อแม่ฟัง เพราะทราบดีว่าพ่อกับแม่เอนเอียงมาที่ครอบครัวของพวกเขา
คุณแม่จ้าวเห็นว่าลูกสะใภ้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ นางจึงกลอกตาใส่ลูกชายพลางกล่าวว่า “แต่ก็ไม่ควรจ้างคนอื่นให้มาปรับที่ดินให้ อีกเดี๋ยวเรื่องนี้คงแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน พูดว่าแกคงเดินตามรอยเดิมของคุณตา”
“คุณตาของผมก็แค่เกิดมาผิดเวลา ไม่งั้นคงได้เป็นบุคคลมีชื่อเสียงคนหนึ่งแน่ ๆ ตอนนี้ผมอยู่ในเวลาที่ดีแล้ว ผมเรียนรู้จากคุณตาแล้วจะทำไม?” จ้าวเหวินเทากล่าว “ในเลือดของผมก็มีส่วนหนึ่งมาจากคุณตาเหมือนกัน”
คุณแม่จ้าวกลอกตาเคล้ารอยยิ้มใส่ลูกชาย
“แม่ พ่อก็คงไม่ได้โกรธใช่ไหม? ผมจำได้ว่าพ่อสนับสนุนให้ผมออกไปข้างนอกมากกว่าแม่เสียอีก” จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม
“ไม่โกรธ ก็แค่ไม่ชอบที่แม้แต่ปรับที่นาแกก็ยังจัดการเองไม่ได้” คุณแม่จ้าวกล่าว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปคุยกับพ่อเอง” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ให้ภรรยาอยู่คุยกับแม่ ส่วนตนเองเดินไปหาคุณพ่อจ้าว
คุณพ่อจ้าวเห็นท่าทางเช่นนี้ของลูกชาย จึงกล่าวว่า “กลับมาแล้วเหรอ?”
“กลับมาแล้ว พ่อ ผมออกไปครั้งนี้ได้ประสบการณ์มาจริง ๆ นะ” จ้าวเหวินเทารีบแย้มยิ้ม
คุณพ่อจ้าวเอ่ยถาม “คุยกับแม่ของแกหรือยัง?”
“คุยแล้ว แม่ไม่ได้เป็นห่วงผมแล้ว แม่เองก็รู้ความสามารถของลูกชายแม่ดี” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ไอ้เด็กบ้า” คุณพ่อจ้าวด่าเคล้ารอยยิ้ม ถามไปว่า “พวกแกเข้าไปทำอะไรถึงในจังหวัด? ในอำเภอยังไม่พอให้แกเดินทางไปกลับอีกเหรอ”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้ปิดบังพ่อของเขา เขาพูดเรื่องจริงไปหนึ่งรอบ ครั้งนี้คุณพ่อจ้าวจึงไม่ได้พูดอะไร จะว่าไปแล้วหัวคิดแบบนี้คงไม่มีใครสู้ลูกชายคนนี้ของเขาได้
ระหว่างที่มองลูกชายก็อ้าปากหาว กล่าวว่า “กลับห้องไปนอนสักหน่อยเถอะ”
“ได้ พ่อ งั้นผมไปนอนก่อนนะ ตอนบ่ายผมจะไปดูที่นาสักหน่อย ถึงแม้ว่าผมจะทำไม่ค่อยเป็นจริง ๆ แต่ลูกชายของพ่อก็มีแผนอยู่ในใจนะ” จ้าวเหวินเทากล่าวพลางหมุนตัวกลับ
คุณแม่จ้าวเองก็ไม่ได้รบกวนลูกชาย นางเดินกลับมาจากที่ห้อง คุณพ่อจ้าวเห็นสีหน้าของนางจึงกล่าวว่า “รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วสินะ?”
คุณแม่จ้าวรู้สึกดีมากแล้ว นางกระซิบ “ไปเที่ยวหนึ่งได้ตั้งห้าสิบหยวนแน่ะ”
คุณพ่อจ้าวไม่ได้พูดอะไร ลูกชายคนนี้ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันที่สุด และไม่ชอบทำงานมากที่สุด แต่ชีวิตของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ ออกไปเที่ยวเดียวได้เงินมาห้าสิบหยวนแล้ว
ผ่านไปสองวันก็ยังต้องออกไปอีก ถึงเวลานั้นคาดว่าคงได้เงินไม่น้อย
ปรับหน้าดินที่นาหนึ่งผืนยังได้เงินไม่มากเท่านี้ อย่าว่าปรับหน้าดินที่นาเลย ข้าวที่อยู่ในทุ่งนาเหล่านั้นเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วแบ่งไว้ให้ตัวเองกินส่วนหนึ่ง ขายส่วนที่เหลือออกไปก็อาจจะไม่ได้เงินจำนวนนี้ด้วยซ้ำ
อีกอย่างการจ้างชุยต้าก็ยังต้องให้ข้าวอีกนิดหน่อย ข้าวเพียงเล็กน้อยนั้นก็มีราคาไม่มากเท่าไรนัก
ถึงเวลานั้นเจ้าลูกชายคนเล็กคนนี้ก็คงเป็นเหมือนพ่อตาของเขา จิตใจนั้นไม่ได้เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
เนื่องจากลูกชายทำเงินได้ คุณแม่จ้าวก็รู้สึกดีอยู่ในใจ เป็นธรรมดาที่จะไร้กังวล หลังได้ยินคำพูดเหล่านั้นข้างนอกนางก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่ปากนางก็ร่วมประณามลูกชายของตนเองกับคนอื่น กล่าวว่าโกรธเสียจนเจ็บอก เป็นเด็กชั่วจริง ๆ เกิดมาเพื่อทวงหนี้แท้ ๆ
ส่วนลูกชายของนางได้เงินมาเท่าไร นางไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว
หลังจากกินอาหารเที่ยงอันโอชะที่ภรรยาเป็นคนทำ จ้าวเหวินเทาก็นอนหลับสบาย หลังจากตื่นขึ้นมาก็รู้สึกสดชื่น
เขาแบกพลั่วเหล็กที่ซื้อมาใหม่ขึ้นไปบนที่นาบนเขา
“อ้าว เหล่าจ้าวหก นี่จะไปไหนเนี่ย?” ภรรยาของเหล่าหวังสามเห็นจึงถามด้วยความสงสัย
ไม่ใช่ว่าหล่อนแสดงเป็นปีศาจหรอก แต่น้อยครั้งมากที่จ้าวเหวินเทาจะปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นด้วยภาพลักษณ์คนใช้แรงงาน
“ผมจะไปปรับหน้าดินในที่นาผมไงครับ” จ้าวเหวินเทาพูดโดยที่ไม่หยุดก้าวเดิน
“นายจ้างชุยต้าไปปรับหน้าดินแล้วไม่ใช่เหรอ?” ภรรยาของเหล่าหวังสามรีบซักไซ้ไล่เรียง เรื่องนี้ถูกแพร่งพรายทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว
“ใช่ไง แต่ผมก็ต้องไปดูว่าเขาปรับหน้าดินเป็นยังไงบ้าง” จ้าวเหวินเทาพูดขณะที่เดินไปไกลแล้ว
ภรรยาของเหล่าหวังสามแสดงสีหน้าดูแคลน “จ้างชุยต้าไปปรับหน้าดินจริง ๆ ด้วยสินะ หมอนี่ ขี้เกียจไม่มีใครเกินเลยจริง ๆ เฮ้อ เสียดายสะใภ้เล็กฉูฉู่คนนั้น นี่ต่างหากล่ะที่เรียกว่าบุรุษดี ๆ ได้แต่งงานกับภรรยาไม่ดี บุรุษขี้เกียจได้แต่งงานกับสตรีเพียบพร้อม!”
จ้าวเหวินเทาย่อมไม่รู้ถึงคำพูดประเมินจากภรรยาเหล่าหวังสาม ต่อให้รู้เขาก็ไม่สนใจอยู่ดี ระหว่างทางเขาได้ทักทายกับชาวบ้านที่กำลังปรับหน้าดินในแปลงนาจำนวนมาก
ท่ามกลางสายตา ‘คิดไม่ถึงเลยว่านายจะมา’ ของทุกคน เขาไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร แต่มุ่งตรงเดินทางมายังที่ดินของครอบครัวตนเอง
เขาเรียกให้ชุยต้ามาปรับหน้าดินในแปลงก่อน หลังใช้ความพยายามหนึ่งวันครึ่ง ชุยต้าก็ปรับหน้าดินจนเสร็จ ฝีมือถือว่ายอดเยี่ยมมาก อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าเขา
เมื่อเห็นว่ายังเป็นเวลาเช้าอยู่ จ้าวเหวินเทาจึงเดินทางไปยังที่ดินบนเขา แปลงนาที่อยู่บนเขาไม่ได้มีพื้นราบเรียบ ของชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีหน้าดินที่เรียบเช่นกัน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับที่ดินติดแม่น้ำ เพราะอีกไม่นานจำเป็นต้องรดน้ำลงบนที่ดินแล้ว บนภูเขาไม่สามารถรดน้ำได้ ผ่านไปอีกสักหน่อยค่อยมาปรับหน้าดินก็ยังได้
ไหน ๆ ก็มาแล้ว ทำอะไรสักหน่อยแล้วกัน?
ถึงเวลานั้นพ่อกับแม่ถามก็จะได้ตอบได้ จ้าวเหวินเทาจึงเริ่มปรับหน้าดินในแปลงนา
แปลงนาผืนนี้ถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการแบ่งที่ดิน นอกจากนี้ที่ดินก็ไม่พอแล้ว จึงขยายออกมาหนึ่งผืน ต่อให้แปลงนานี้จะอยู่ด้านใน แต่ก็ต้องปรับหน้าดินให้เรียบ ถึงเวลานั้นจะได้ไถพรวนดินได้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นถ้าคันนาสูงเกินไปก็จะไม่สามารถพลิกหน้าดินได้
จ้าวเหวินเทาถอนหายใจอยู่ในใจ ดูที่ดินแล้วแบ่งเส้นกั้น ช่างเป็นการแหกตาคนอื่นจริง ๆ
ถ้าบ้านหนึ่งได้พื้นที่ขนาดใหญ่ ให้พี่ใหญ่ลิ่วขับรถแทรกเตอร์มาพลิกหน้าดินก็ลดความยุ่งยากไปได้ตั้งเยอะแล้ว?
ครอบครัวหนึ่งได้ที่ดินเล็ก ๆ จะให้รถแทรกเตอร์เข้ามาก็ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าหลายบ้านจะใช้รถแทรกเตอร์พลิกหน้าดินด้วยกัน แต่ทำแบบนั้นก็ต้องใช้เงิน ไม่ต้องคิดหรอก คงไม่มีใครยินดีที่จะจ่ายเงินนี้แน่ ๆ
เอ๋? นี่มันอะไรกัน?
ตอนที่จ้าวเหวินเทากำลังบ่นอยู่ในใจ จู่ ๆ เขาก็อึ้งกับอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้เท้า
เขาถอดรองเท้าไว้ข้าง ๆ ตอนนี้จึงเดินเท้าเปล่า เมื่อขยับเท้ามองดู ก็พบว่าเป็นหินสีเขียว ๆ จึงโน้มตัวลงหยิบขึ้นมาดู มันคือแหวนเหรอ?
บนหัวแหวนฝังด้วยหินสีเขียวเม็ดเขื่องเท่านิ้วหัวแม่มือ
ตัวหินเขียวยังมีสภาพดีมาก ส่วนอื่นแอบดูเก่าและผุพังไปหน่อย จ้าวเหวินเทาถึงกับคิดในใจว่าในที่ดินนี้ของเขามีของพรรค์นี้ได้อย่างไร?
เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามีสร้อยข้อมืออีกหนึ่งเส้น ทำมาจากเงิน
หลังจากจ้าวเหวินเทาสำรวจมอง ก็พบกับแหวนสีทองหนึ่งวงและหินสีแดงอีกสองก้อน
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ใบหน้าของจ้าวเหวินเทาปรากฏความฉงน เขาทราบดีว่าโชคของเขาไม่เลวเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ยกตัวอยากเช่นการแบ่งได้ที่ดินแห่งนี้ คนอื่นมองดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไร แต่มีเพียงเขาที่ทราบว่าที่ดินแห่งนี้อยู่ใกล้บ้าน แค่นี้ก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจแล้วจริง ๆ
สวรรค์ยังคงรักเขามาก ตอนที่เขามาปรับหน้าดินในแปลงนา สวรรค์ก็ยังเตรียมของล้ำค่าให้เขาอีกหนึ่งกอง? ดูเหมือนเขาจะเป็นโอรสแห่งสวรรค์เชียวนะ
จ้าวเหวินเทาผู้หลงตัวเองยิ้มด้วยความปีติยินดี
อย่าไปสนใจเขาเลย ไปดูกันดีกว่ามีของล้ำค่ามากเท่าไร!
เขาไม่ได้ปรับหน้าดินในแปลงนาแล้ว แต่หยิบพลั่วเหล็กเดินตามคันนาเส้นนี้
ยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็ยังเจอแหวนทองและสร้อยข้อมือเงินรูปแบบต่าง ๆ อีก!
รวมถึงก้อนหินเล็กใหญ่สีแดง สีเขียวเหล่านั้นด้วย แม้ว่าจะเป็นของเล็ก ๆ แต่มันก็มีจำนวนไม่น้อยเลยจริง ๆ เพียงพอที่จะใส่จนเต็มกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างแล้ว!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สะใภ้สามบ้านหวังระวังหน้าแตกนะคะ ที่ดินของเหวินเทานี่มันขุมทรัพย์ชัด ๆ เอาของพวกนี้ไปขายก็สบายไปทั้งชาติแล้ว
ไหหม่า(海馬)