เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 205 โจวหมิ่นคลอดลูกสาว
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 205 โจวหมิ่นคลอดลูกสาว
ขณะจ้าวเหวินเทายุ่งอยู่กับเรื่องที่จะนำภาพยนตร์และการแสดงงิ้วเข้าไปในหมู่บ้าน กล่าวทางเมืองหลวงฝั่งนี้ เย่หมิงเป่ยก็กลับมาดูแลภรรยาของเขาหลังวางสายโทรศัพท์แล้ว
โจวหมิ่นกำลังประคองเอวเดินไปมาอยู่ด้านในลานบ้าน
ตอนนี้ครบเก้าเดือนกว่าแล้ว อีกไม่นานก็จะคลอด หล่อนจึงใช้เวลานี้เพื่อออกกำลังกาย เพื่อหวังว่าตอนที่คลอดจะทรมานน้อยลงหน่อย
ทำไมถึงกลับมาแล้วล่ะคะ? โจวหมิ่นเห็นเขากลับมาแล้ว จึงทักด้วยรอยยิ้ม
เย่หมิงเป่ยยิ้มขณะตอบกลับ ธุระเสร็จแล้ว ก็เลยกลับมาก่อนน่ะครับ
คุณไม่ต้องกังวลเรื่องในบ้านหรอกค่ะ ยังมีคุณน้าอยู่ทั้งคน โจวหมิ่นเดินกลับมานั่งในบ้านพร้อมกับเขาพลางกล่าว
หล่อนท้องแล้ว แน่นอนว่าต้องจ้างคนให้มาช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นคนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างหล่อนจะวางใจได้อย่างไร? หากมีใครสักคนมาช่วยก็จะได้ช่วยชี้แนะได้สักหน่อย
เย่หมิงเป่ยกล่าว ยังไงผมก็ต้องกลับมาดูอยู่ดี คุณดูสิ ตอนนี้น้าเขาก็ไม่ได้อยู่บ้าน เหลือคุณแค่คนเดียว
คุณน้าออกไปซื้อผักน่ะค่ะ ก่อนที่จะออกจากบ้านก็บอกฉันแล้ว โจวหมิ่นกลอกตาใส่เขา พอหล่อนตั้งครรภ์ทีเขาก็ระมัดระวังยิ่งกว่าตัวหล่อนเสียอีก
แต่อย่าว่าอย่างนั้นเลย ความรู้สึกที่ถูกสามีดูแลแบบนี้มันดีมากจริง ๆ และเป็นเพราะการดูแลด้วยความรักของเขาที่มีต่อหล่อนในช่วงตั้งครรภ์ หล่อนก็รู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ ภายในใจก็รู้สึกปลอดภัยมากด้วย
สามีคนนี้คือท่าเรือของหล่อน เมื่อใดที่หล่อนต้องการ เขาก็จะให้ที่พักพิงและท่าเรือไว้จอดตามที่หล่อนต้องการ
เย่หมิงเป่ยพูดถึงเรื่องที่น้องเขยโทรศัพท์มาหา รวมถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากน้องสาว
ฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าฉันสบายดี แล้วก็ข้ามปีนี้ในหมู่บ้านของเราก็คงจะสบายแล้ว ฉูฉู่กับคนอื่น ๆ ก็จะได้ข้ามปีแบบสว่างไสวกันแล้ว โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เรื่องที่ได้ติดตั้งไฟฟ้า หล่อนย่อมทราบอยู่แล้ว
รอพวกเรากลับไปคราวหน้า บ้านก็สว่างไสวแล้วล่ะครับ เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กลับไปครั้งหน้าก็พาลูกกลับไปให้คนในหมู่บ้านดูด้วยสิคะ ให้พวกเขาได้เห็นว่าพวกเราสามคนใช้ชีวิตมีความสุขกันขนาดไหน ดูสิว่าจะกล้าหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังว่าภรรยาของคุณหนีคุณไปอีกหรือเปล่า! โจวหมิ่นลูบท้องของหล่อนขณะแค่นเสียงเอ่ย
เย่หมิงเป่ยยิ้ม อื้อ ถึงเวลานั้นถ้าพวกเราพาลูกกลับไปด้วย พ่อกับแม่ต้องดีใจแน่นอน คนในหมู่บ้านก็คงอิจฉาผมด้วย
โจวหมิ่นทำให้เขาปวดหัวใจทั้งชีวิตในชาติที่แล้ว ดังนั้นหากมีโอกาส หล่อนต้องชดเชยให้เขาให้ได้
เพิ่งพูดจบ ท้องของหล่อนก็เจ็บแปลบกะทันหัน ทำให้หล่อนส่งเสียงร้อง ‘โอ๊ย’ อย่างห้ามไม่อยู่
เย่หมิงเป่ยตกใจจนหน้าขาวซีด เป็นอะไรหรือเปล่า?
หมิงเป่ย ดูเหมือนว่าฉันจะคลอดแล้วค่ะ โจวหมิ่นยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าท้องของหล่อนมีบางอย่างตกลงมาอย่างรุนแรง
หมินหมิ่น คุณอดทนไว้นะ ผมจะไปเรียกรถเดี๋ยวนี้แหละ! เย่หมิงเป่ยพูดรัวเร็ว จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานลมกรด
เรื่องที่โจวหมิ่นจะคลอด เย่หมิงเป่ยโทรบอกคนในบ้านเป็นอย่างแรกทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล
ตระกูลเย่ได้รับแจ้งข่าวจากทีมใหญ่ คุณพ่อเย่มีท่าทางแอบเป็นกังวล ส่วนคุณแม่เย่เก็บของเสร็จแล้วจึงรีบรุดมาที่เมืองหลวงทันที นางคิดว่าคงอีกหลายวันกว่าจะคลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะปวดท้องคลอดเร็วขนาดนี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าจะมาทันหรือไม่
นางนึกถึงลูกชายที่คอยช่วยภรรยาอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาไปรับนางหรือเปล่า ถ้าถึงที่นั่นแล้วจะทำอย่างไร?
ตอนนี้การสื่อสารคมนาคมก็ไม่สะดวก จึงทำได้เพียงแค่รีบไป
ส่วนพ่อแม่ของโจวหมิ่นทางฝั่งนั้นไม่ได้ดีกับหล่อนเท่าไรนัก เพราะโจวหมิ่นคือลูกบุญธรรมของพวกเขา ตอนที่ไปอยู่ในชนบทครั้งนั้น หล่อนก็ไปด้วยตัวเองไม่ได้ปรึกษาใคร ดังนั้นจึงไม่ได้ติดต่อพ่อแม่บุญธรรมมาหลายปีแล้ว เย่หมิงเป่ยเองก็ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้
เย่หมิงเป่ยทราบว่าแม่ของเขาเดินทางมาที่นี่แล้ว ภายในใจจึงเกิดความมั่นใจ แต่ก็เป็นกังวลว่าแม่ของเขาออกจากบ้านครั้งแรก กลัวว่าจะนั่งผิดสถานี
โจวหมิ่นมีความเชื่อใจแม่สามีของหล่อนมาก ตอนนี้หล่อนก็ไม่ได้ปวดท้องมากแล้ว และมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างแล้วด้วย
แม่แข็งแกร่งกว่าคุณเยอะเลยนะ คุณหาไม่เจอแต่แม่ต้องหาเจอแน่นอน โจวหมิ่นกล่าว
เย่หมิงเป่ยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาด ๆ มาซับเหงื่อบนใบหน้าให้โจวหมิ่น หมินหมิ่น คุณเข้าใจแม่ดีกว่าผมอีกนะ
แหงอยู่แล้ว คุณแม่เป็นคนฉลาดและรู้หนังสือ แถมมีประสบการณ์ด้วย เก่งกว่าคุณเยอะเลย! โจวหมิ่นพูดอย่างแง่งอน
เย่หมิงเป่ยยิ้ม ก่อนหอมภรรยา ใช่ ผมเป็นคนโง่งม ภรรยาผมฉลาดก็ดีแล้ว หลังจากนี้ให้ลูกเหมือนแม่ของเขาก็พอ ไม่ต้องมาเหมือนพ่อแบบผมหรอก
โจวหมิ่นไม่ได้พูดอะไร เพราะหล่อนรู้สึกปวดท้องอีกแล้ว
หลังจากทรมานแบบนี้ไปเจ็ดชั่วโมงกว่า โจวหมิ่นก็คลอดลูกสาวอวบอ้วนออกมาได้อย่างราบรื่น!
เย่หมิงเป่ยอุ้มลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งคลอดด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก
ในตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่าตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลง คล้ายกับว่าบนร่างกายมีบางอย่างเพิ่มเข้ามา คาดว่าคงเป็นพันธนาการทางสายเลือด
โจวหมิ่นมีร่างกายแข็งแรง เพราะเย่หมิงเป่ยและน้าพี่เลี้ยงก็ดูแลหล่อนในช่วงที่ตั้งครรภ์เป็นอย่างดี
หล่อนคลอดลูกได้อย่างราบรื่น ตอนนี้จึงดูมีชีวิตชีวาไม่น้อยเลย ครั้นมองเย่หมิงเป่ยอุ้มลูกด้วยท่าทางเงอะงะ ภายในใจก็อ่อนยวบ
ชาติที่แล้วหล่อนเสียสามีคนนี้ไป ไม่มีทั้งลูกชายและลูกสาว แม้ตอนแก่จะได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง แต่นั่นก็เป็นช่วงบั้นปลายของชีวิตแล้ว
ตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนนั้นอีกแล้ว เบื้องบนได้ให้โอกาสหล่อนอีกครั้ง ดังนั้นครั้งนี้หล่อนย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือ
หล่อนอยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเย่หมิงเป่ยจนกว่าชีวิตจะหาไม่
โจวหมิ่นพูดถูก แม่สามีของหล่อนเป็นคนที่ฉลาดมากจริง ๆ
คุณแม่เย่มาถึงเมืองหลวงแล้ว นางไม่ได้ลงผิดสถานี จากนั้นก็เรียกรถสามล้อถีบ(1)หนึ่งคัน
ในยุคหลังไม่มีรถสามล้อถีบให้เห็นแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีเยอะมาก เป็นรถสามล้อที่ใช้แรงคน ผู้โดยสารนั่งอยู่ในเกวียนด้านหน้า ส่วนคนขับออกแรงปั่นจักรยานอยู่ด้านหลัง
จากนั้นรถสามล้อถีบก็พานางมาถึงสถานที่ที่เย่หมิงเป่ยเช่าไว้
เย่หมิงเป่ยบอกกับเพื่อนบ้านที่อยู่ในบ้านเดียวกันแล้วว่าภรรยาของเขาจะคลอดลูกและไปที่โรงพยาบาลไหน ถ้ามีคนมาถามถึงพวกเขาก็ช่วยบอกให้ด้วย
ตอนนี้เพื่อนบ้านก็กระตือรือร้นมาก เมื่อคุณแม่เย่มาถึงที่นี่และเอ่ยถาม พวกเขาก็บอกข้อมูลกับนางแล้ว
มีลุงใหญ่ที่มีน้ำใจคนหนึ่งช่วยเป็นธุระพาคุณแม่เย่มาส่งที่โรงพยาบาล ตอนที่เย่หมิงเป่ยได้ยินเสียงเคาะประตูและประตูห้องถูกเปิดออก ก็พบว่าคนที่มาถึงคือคุณแม่เย่
แม่ มาได้ไงครับเนี่ย? เย่หมิงเป่ยเพิ่งตื่น เขายกมือขึ้นมาขยี้ตา ทั้งยังสงสัยมากว่าเขาฝันอยู่หรือไม่
คุณแม่เย่เห็นใบหน้าอิดโรยของลูกชาย นางจึงตระหนักได้อย่างดี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ลุงจ้าวเพื่อนบ้านของแกพาแม่มาส่งน่ะสิ เขาเป็นคนดีที่มีความกระตือรือร้นจริง ๆ เลย จริงสิ หมิ่นหมิ่นล่ะ? ลูกแกล่ะ?
ระหว่างที่พูดคุณแม่เย่ก็ดึงเขาออกไป ก่อนจะเดินไปที่เตียงคนป่วย
โจวหมิ่นกำลังนอนหลับ ส่วนลูกก็นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้าง ๆ หล่อน คุณแม่เย่ไม่ได้รบกวนลูกสะใภ้แต่อย่างใด ระหว่างนั้นก็มองดูหลานด้วยความระมัดระวัง
ทารกเพิ่งคลอดได้สองวัน หน้าตาจึงดูเหี่ยวย่นน่าเกลียด แต่คุณแม่เย่กลับรู้สึกว่ามองอย่างไรก็ไม่เคยพอ
เย่หมิงเป่ยทางฝั่งนี้ก็ต้องไปขอบคุณลุงใหญ่ที่เป็นเพื่อนบ้านก่อนอยู่แล้ว หลังจากส่งอีกฝ่ายกลับไป จึงกระซิบว่า แม่ หมินหมิ่นบอกว่าแม่ต้องหาเจอแน่นอน ผมยังไม่เชื่อเลย แต่แม่กลับเจอจริง ๆ!
คุณแม่เย่กลอกตาใส่เขาด้วยรอยยิ้ม มีที่อยู่ ใต้จมูกก็ยังมีปาก จะไม่เจอได้ยังไง? หมินหมิ่นเป็นยังไงบ้าง?
สบายดี คลอดลูกได้อย่างราบรื่นมากเลยครับ เย่หมิงเป่ยรินน้ำร้อนให้แม่ของเขา กระซิบว่า พวกเราจ้างคุณน้าพี่เลี้ยงไว้คนหนึ่งให้ช่วยดูลูกให้ หล่อนเพิ่งจะกลับไป ตอนนี้ก็ไปซื้อผักแล้ว ถ้าแม่มาช้าอีกนิดคงได้เจอกันที่บ้านแล้ว
คุณแม่เย่พยักหน้า จ้างไว้สักคนก็ดีนะ พวกลูกจะได้สบายขึ้นอีกหน่อยด้วย!
นางทราบดีว่าลูกชายและลูกสะใภ้มีฐานะ ดังนั้นการจ้างคนมาก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
ระหว่างที่กำลังคุยกัน ทารกก็เริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ จากนั้นจึงแผดเสียงร้องออกมา
โจวหมิ่นเองก็ตื่นแล้ว ครั้นเห็นคุณแม่เย่ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง คุณแม่มาถึงแล้วเหรอคะ?
คุณแม่เย่ยิ้ม แม่มาแล้ว คิดไม่ถึงสินะว่าจะมาเร็วขนาดนี้? เป็นยังไงบ้าง?
โจวหมิ่นยิ้ม สบายดีค่ะ คลอดได้อย่างราบรื่นเลย ไม่ได้ทรมานอะไร ลูกก็แข็งแรงดี แถมยังมีคุณน้าคอยช่วยดูแล ตอนนี้คุณแม่มาแล้ว ยิ่งหมดห่วงเลยค่ะ ระหว่างที่พูด หล่อนก็เริ่มป้อนนมลูก
คุณแม่เย่ได้ยินคำพูดที่ฟังดูเหมาะสมนี้ของลูกสะใภ้ก็รู้สึกพึงพอใจมาก นางมองหลานที่กำลังดื่มนมพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า น้ำนมมีเยอะเลยนะ มีพอให้ลูกกินด้วย
เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม พออยู่แล้วครับ ลูกกินไม่ไหวหรอก
ลูกสาวกระเพาะเล็กนิดเดียวเอง โจวหมิ่นหัวเราะ ระหว่างที่พูดก็ให้ความสนใจกับท่าทีของแม่สามีด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………
รถสามล้อที่ติดเกวียนไว้ด้านหน้าจักรยาน (ภาพจาก https://zh.wikipedia.org/wiki/%E5%80%92%E9%AA%91%E9%A9%B4)
สารจากผู้แปล
ฝั่งฉูฉู่ได้ลูกชาย ฝั่งนี้ได้ลูกสาว เหมาะสมกันดีนะคะ
คุณแม่เย่เก่งมากที่มาเมืองหลวงคนเดียวได้โดยไม่หลงทางอะค่ะ
ไหหม่า(海馬)