เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 344 กู้เงินเพื่อทำเงิน
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 344 กู้เงินเพื่อทำเงิน
ตอนที่ 344 กู้เงินเพื่อทำเงิน
ตอนที่ 344 กู้เงินเพื่อทำเงิน
“งั้น ฉันขอปรึกษากับพี่สี่ของนายอีกทีแล้วกันนะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวยังไม่ได้ตัดสินใจ
“ได้ ถึงยังไงก็ยังไม่ได้สรุป พวกพี่ไปปรึกษากันก่อนแล้วกัน” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยท่าทางสบายๆ
หลังจากนั้นพี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและจ้าวเหวินเทาก็คุยกันเรื่องข้าวสาร ตั้งแต่ต้นจนจบพี่รองจ้าวเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว กินกับข้าว ไม่ได้ถามอะไร และไม่ได้ตอบอะไร ทำตัวเป็นแขกรับเชิญคนหนึ่ง
หลังจากจบเรื่อง พี่สะใภ้สี่จ้าวก็บ่นไม่หยุด พี่สี่จ้าวจึงกล่าว “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะออกเงินหรือไม่ออกก็ขึ้นอยู่กับคุณ ผมก็ร่วมมือแล้วนี่ไง ยังจะพูดอะไรได้อีก!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับโกรธเคือง
จ้าวเหวินเทากลับมาถึงบ้าน เย่ฉูฉู่ก็ยังไม่นอน เธอกำลังวาดรูปอยู่โดยมีลูกลิงนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ อย่างซื่อสัตย์ มันง่วงจนนั่งสัปหงกแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมไปนอน มีแต่เสี่ยวไป๋หยางที่นอนอยู่บนเตียงเตา หลับปุ๋ยสบายใจกว่าใคร ๆ
จ้าวเหวินเทาหอมลูกชาย แล้วเดินเข้ามาหอมภรรยา เย่ฉูฉู่ได้กลิ่นเหล้าจึงผลักเขาออกไป “ไปแปรงฟันเลยค่ะ! คุณดื่มเยอะขนาดไหนเนี่ย!”
“ดื่มไม่เยอะหรอก เน้นกินข้าว” จ้าวเหวินเทาไปอาบน้ำครู่หนึ่ง ตอนที่กลับมาก็พบลูกลิงที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ จึงพูดอย่างขบขันว่า “ไฉไฉ ทำไมไม่ไปนอน?”
ลูกลิงส่งเสียงเจี๊ยก ๆ สองเสียง ก่อนจะนั่งสัปหงกต่อ
เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ ยื่นมือออกไปลูบหัวของมัน “ไฉไฉไปนอนเถอะ” จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเก็บปากกา
ลูกลิงจึงยอมขึ้นไปนอนบนเตียงเตา
“เจ้านี่มีมโนธรรมมากจริง ๆ!” จ้าวเหวินเทายื่นมือออกไปขยี้หัวลูกลิง
ลูกลิงสะบัดหัวของมันอย่างไม่สบอารมณ์
“เป็นยังไงบ้าง พวกพี่ชายของคุณว่ายังไงคะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม
จ้าวเหวินเทาถอดชุดแล้วมุดเข้าไปนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม “พี่สะใภ้รองกับพี่รองตัดสินใจออกสามร้อยหยวน ส่วนพี่สามก็สามร้อยเหมือนกัน แต่พี่สี่ยังตัดสินใจไม่ได้ ผมคิดว่ามากสุดก็คงจำนวนเท่านี้แหละ”
เย่ฉูฉู่ขึ้นเตียงถอดชุดไปพลางพูดด้วยรอยยิ้มไปพลาง “พี่สะใภ้สี่ไม่ได้พูดเรื่องที่จะให้คุณสำรองเงินไปก่อนเหรอคะ?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “หล่อนต้องมีโอกาสที่จะได้พูดด้วยสิ!” ระหว่างที่พูดก็หยิบเรื่องเงินกู้มาเล่าให้ฟัง
“คุณนี่หลอกคนเก่งจริง ๆ” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ผมไม่ได้หลอกใครสักหน่อย ผมพูดเรื่องจริง”
“หา นี่คุณไปกู้เงินจากธนาคารมาจริง ๆ เหรอคะ!” เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “ในบ้านไม่มีเงินหรือไง”
“มีเงินสิ แต่ผมไม่อยากใช้” จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สะใภ้สามของคุณบอกว่าใช้เงินคนอื่นเพื่อหากำไรนี่แหละถึงจะดี”
“พูดอย่างกับว่าไม่ต้องคืนงั้นแหละ” เย่ฉูฉู่ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ
“แต่ก็ยังคุ้มค่านะ ผมลองคำนวณดูแล้วดอกเบี้ยก็ไม่ได้สูงเท่าไร แค่คืนให้ทันเวลา หลังจากนี้จะกู้อีกก็ไม่ยากแล้ว ที่สำคัญก็คือต้องรักษาเครดิตไว้ หลังจากนี้ถ้าต้องใช้เงินก้อนใหญ่ จะได้กู้ธนาคารได้ง่าย ๆ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยอย่างมีแผนเป็นของตัวเอง
“ฉันไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้นัก แต่ฟัง ๆ ดูแล้วดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลมากเลยนะคะ” เย่ฉูฉู่ครุ่นคิดพลางกล่าว
จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิ้ม กอดภรรยาไว้ในอ้อมกอด “ก็ต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว สามีของคุณเป็นคนไม่มีเหตุผลตั้งแต่เมื่อไรกัน!”
“หลงตัวเองให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะค่ะ!” เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา
เรื่องที่จ้าวเหวินเทาจะซื้อขายข้าวสารแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้ว ทำเอาพวกคนหนุ่มซาบซึ้งเพราะตนเองก็มีโอกาสได้เข้าร่วมด้วย ดีมากจริง ๆ!
คนแรกคือชุยต้าที่นำเงินเก็บทั้งหมดออกมา นอกจากนี้ยังมีเมิ่งต้า จ้าวเหวินจื้อ และพวกคนหนุ่มอีกสี่ห้าคน พวกเขาต่างก็ถึงอายุที่สามารถหาภรรยาได้แล้ว จึงคิดอยากใช้โอกาสนี้เพื่อหาเงินสักก้อนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็ได้มาอีกสองพันหยวน หนึ่งในนั้นมีพี่สะใภ้สี่ที่ในที่สุดก็ยอมควักเงินออกมาสองร้อยหยวน
หลังจากนั้นก็ทำสถิติว่าใครจะไปบาง หากไปกันหมดก็หลายสิบคน กินดื่มขับถ่าย ทั้งหมดนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ไม่คุ้มราคา พี่สะใภ้สี่จ้าวจึงบอกว่าพี่สี่จ้าวต้องไปให้ได้ เพราะหล่อนไม่วางใจเงินสองร้อยหยวนนั้น
พี่สามจ้าวไม่ไป เพราะยังต้องจับตามองเต้าหู้ที่บ้าน ส่วนพี่รองจ้าวเมื่อเห็นว่าพี่สี่จ้าวไปแล้ว เขาจึงไม่ได้ไปด้วย เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ต่ำลงและได้กำไรมากขึ้นอีกหน่อย พี่สะใภ้รองจ้าวจึงเห็นด้วย
พี่ใหญ่เย่และพี่รองเย่ไม่มีเวลาไป ส่วนพี่เขยใหญ่และพี่เขยห้าย่อมไม่มีเวลาไปเช่นเดียวกัน ท้ายที่สุดคนที่ไปจึงมีแค่จ้าวเหวินเทา พี่สี่จ้าว ชุยต้า และเมิ่งต้า มีแค่สี่คนเท่านั้น ส่วนจ้าวเหวินจื้อยังไม่ปิดเทอมจึงไปไม่ได้
“พวกเราสี่คน ไม่น้อยไปเหรอ?” พี่สี่จ้าวถาม “เดินทางไกลขนาดนี้ รถคันใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีคนไปช่วยดูเยอะหน่อยจะไหวเหรอ?”
จ้าวเหวินเทาไม่คิดว่าพี่สี่จ้าวที่ไม่ได้สนใจอะไรจะเอ่ยปากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน จึงกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “พวกเราดูแลแค่รถคันเดียว ส่วนอีกสองคนผลัดเวรกันดูก็ได้แล้ว มีคนเยอะขึ้นค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นด้วย”
จ้าวเหวินเทาพูดว่าได้ พี่สี่จ้าวจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
วันนี้จ้าวเหวินเทาและอีกสามคนที่เหลือก็ขับรถไปในเมือง ถึงเวลานั้นจะได้จอดรถไว้ที่บ้านของจางหมิง ตอนกลับมาก็จะได้ขนข้าวสารของแต่ละบ้านกลับมา สถานที่แห่งนี้ยังขาดแคลนข้าวสาร ทุกคนต่างก็อยากลองชิม ดังนั้นจึงตกลงกันว่าจะลดข้าวสารส่วนหนึ่งเพื่อนำมาทำกำไรส่วนนี้
จ้าวเหวินเทาและคนอื่น ๆ มาอยู่ในเมืองเพื่อมารวมตัวกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่จะซื้อขายข้าว วันรุ่งขึ้นจึงออกเดินทาง ตอนที่กำลังจะออกเดินทางเขาได้โทรศัพท์ไปหาเย่ฉูฉู่แล้ว
แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะทราบดีว่าจ้าวเหวินเทาไปกับอีกหลายคน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ไม่ว่าจะทำอะไรก็แอบจิตใจฟุ้งซ่าน ประกอบกับเฮ่อซงจือมาพอดี จึงวางงานทั้งหมดลง
ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ทั้งสองคนไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ จึงนั่งอยู่บนเตียงเตาอุ่น ๆ แทะเมล็ดทานตะวันพร้อมกับพูดคุยไปพลาง ๆ
“จ้าวเหวินเทากับคนอื่น ๆ ไปกันแล้วใช่ไหม?” เฮ่อซงจือถาม
“ไปกันแล้ว ออกเดินทางเมื่อเข้า ใช้รถบรรทุกสองคัน” เย่ฉูฉู่กล่าว “ทางฝั่งพวกเรามีสี่คน รวมคนขับสองคน ทางฝั่งนู้นมีอีกสองคนแล้วก็คนขับอีกสองคน”
“ฝั่งนู้นมีแค่สองคนเองเหรอ” เฮ่อซงจือประหลาดใจ “สองคนไม่น้อยไปเหรอ?”
“จ้าวเหวินเทารู้จักกับคนขับ ไปไม่ต้องเยอะหรอก” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ฝั่งนั้นออกเงินเท่าไร? เยอะกว่าพวกเราทางฝั่งนี้สินะ?” เฮ่อซงจือพูดด้วยความสงสัย
“สองหมื่น” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม
เฮ่อซงจือถึงกับตบหน้าอกตัวเองในทันที “แม่เจ้า ออกเงินทีหนึ่งสองหมื่นเลยเหรอ! รวยจริง ๆ!”
“ยืมมา” เย่ฉูฉู่พูดจบก็หัวเราะร่า
เฮ่อซงจือกลับไม่ได้ผิดหวังแม้แต่น้อย “ยืมแล้วยังไงล่ะ ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน ต่อให้คนอื่นเอาเงินมาให้ฉันยืมฉันก็ไม่กล้า เพราะไม่มีปัญญาคืนหรอก!”
เย่ฉูฉู่กล่าว “เธอไม่ต้องไปอิจฉาพวกเขา เหวินเทาบอกแล้ว คนที่ทำค้าขายต่างก็มีหนี้เสียกันทั้งนั้น เธอเป็นหนี้ฉันฉันเป็นหนี้เธอ ยืมเงินพูดเพราะกว่าร้องเพลงเสียอีก แต่ตอนทวงเงินนี่อย่างกับเป็นหลาน ไม่ได้เป็นเรื่องดีแม้แต่น้อย!”
“แต่ก็ยังมีคนยืมเงินนี่” เฮ่อซงจือไม่เข้าใจ “ไม่คืนเงินใครจะให้ยืม”
“คนนี้ไม่ให้ยืมก็ไปยืมคนนั้นสิ ยังไงก็ต้องมีคนโง่อยู่แล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว
“จริงด้วย” เฮ่อซงจือพยักหน้า “ไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นพวกเราจะได้ส่วนแบ่งเท่าไหร่เนอะ”
จ้าวเหวินจื้อออกเงินไปห้าร้อย ส่วนหล่อนออกเองอีกหนึ่งร้อย ส่วนอื่นเป็นเงินของทั้งบ้าน
“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เย่ฉูฉู่ไม่อยากพูดถึงหัวข้อนี้ จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องลูกแทน
“น้ำนมของฉันใกล้หมดแล้ว” เฮ่อซงจือกล่าว
“ทำไมล่ะ?” เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “เธอไปกินอะไรมา?”
เฮ่อซงจือถอนหายใจ “ก็ไม่ได้กินอะไรสักหน่อย ฉันจะไปกินอะไรได้ ก็กินของธรรมดา ๆ พวกนั้นนั่นแหละ แต่ไม่มีน้ำนมแล้ว ตอนนี้ลูกสาวของฉันกินข้าวเป็นหลัก ดีหน่อยที่อายุขวบกว่าแล้ว เธอล่ะ?”
“ฉันยังได้อยู่ เธอลองตุ๋นไก่หรือไม่ก็ตุ๋นขาหมูกินสิ น้ำนมจะได้ไหล?”
“ฉันกินแล้ว ไม่มีประโยชน์ ยังกู้น้ำนมไม่ได้อยู่ดี” เฮ่อซงจือกล่าว “แม่ของฉันบอกว่า ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็ให้หย่านมไปเลย”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เชื่อว่าอย่างเหวินเทาน่าจะหาเงินมาใช้หนี้ได้หมดในไม่นานแหละค่ะ
ในที่สุดก็หาแนวร่วมได้เยอะกว่าเดิมแล้ว รอดูตอนขนข้าวกลับมาเลย
ไหหม่า(海馬)