เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 23 ทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับในผลกรรมที่ตามมา
- Home
- เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田
- ตอนที่ 23 ทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับในผลกรรมที่ตามมา
บทที่ 23 ทำอะไรไว้ก็ต้องยอมรับในผลกรรมที่ตามมา
เลวร้ายมากเสียขนาดต้องทุบตีกันเลยหรือ!?
ฮวงชุนหยวนรีบเข้าไปหมายช่วยพยุงน้องสาวของตนให้ลุกขึ้น ทว่ากลับถูกตาเฒ่ายกไม้เท้าขึ้นมาขว้างเอาไว้ หากเจ้าคิดที่จะให้ความช่วยเหลือแก่นาง ข้าจะให้นางหย่ากับลูกชายของข้า!
นี่มัน… ฮวงชุนหยวนมองน้องสาวของตนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาหดหู่ แผ่นหลังของนางยังเต็มไปด้วยบาดแผลและคราบเลือดแห้งเกรอะกรัง เสียงของชาวบ้านที่มุงดูอยู่พากันพูดถึงเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างออกรส
ไหนท่านลองบอกข้ามาเถิดว่ามันเกิดอันใดขึ้น เหตุใดจึงมาทุบตีน้องสาวข้าเช่นนี้!
ก็นางขโมยอาหารของบ้านข้าไป! เสียงของพ่อเฒ่าซูดังขึ้นมาพร้อมกับฟาดไม้เท้าของตนเข้าที่กลางหลังของฮวงชุ่นเจินอย่างรุนแรง
แค่ขโมยอาหารไปเล็กน้อยก็ไม่ถึงกลับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยหรือเปล่า?
ท่านก็ใจเย็นก่อนแล้วค่อยสั่งสอนนางอีกครั้ง เพียงไม่กี่วันทุกอย่างก็จะดีขึ้น
…
แท้จริงแล้วหากฮวงชุ่นเจินเพียงแค่ขโมยอาหารไปเล็กน้อยนางคงไม่โดนด่าทอทั้งยังโดนทุบตีถึงขนาดนี้ ทว่านี่นางกลับขโมยมันไปทั้งหมด! อาหารที่นางขโมยมาซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในห้องนอนของนางเอง รวมถึงที่ซ่อนด้านหลังบ้านด้วย ช่างน่าอายเสียจริง ๆ
แม้พ่อเฒ่าซูจะใช้ไม้เท้าทุบตีฮวงชุ่นเจินจนเลือดอาบหลังขนาดไหน ความโกรธของเขาก็ยังไม่จางหาย เขาจึงชี้หลักฐานที่บ่งบอกว่าฮวงชุ่นเจินเป็นขโมยให้ชาวบ้านได้เห็น ทั้งยังพาชาวบ้านไปดูหลักฐานในห้องของฮวงชุ่นเจินอีกด้วย เมื่อชาวบ้านได้เห็นหลักฐานก็ไม่มีผู้ใดเห็นใจหรือสงสารฮวงชุ่นเจินอีกต่อไป
ลูกสะใภ้เช่นนี้ พวกเขาควรทำอย่างไรกับนางดี?
หากนางขโมยมันไปเพียงเล็กน้อยพ่อเฒ่าซูคงทำเพียงดุด่าตำหนิฮวงชุ่นเจินเพียงเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าในครั้งนี้กลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ความผิดครั้งนี้ของนางคือการขโมยอาหารของบ้านตระกูลซูไปทั้งหมด ความผิดครั้งนี้มันใหญ่หลวงเกินไป!
ในขณะที่ทุกคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปากในเรื่องของบทลงโทษ ฮวงชุ่นเจินที่ยังพอมีสติอยู่เล็กน้อยก็โต้ตอบมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ข้าไม่ได้เป็นคนขโมยมันไปจริง ๆ ข้าไม่ได้เป็นคนขี้ขโมย จู่ ๆ ของพวกนั้นก็มาอยู่ในห้องของข้าเอง!
แม้ฮวงชุ่นเจินจะปฏิเสธ แต่หลักฐานที่มีมันรัดกุมนางเสียแน่นหนา ดังนั้นจะให้ทุกคนเชื่อได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้มีเพียงแค่ผู้เป็นพี่ชายของนางเท่านั้นที่เชื่อคำพูดของนาง น้องสาวของข้าก็บอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่านางไม่ได้เป็นคนทำ! พวกเจ้าพูดจาไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว! น้องสาวของข้าไม่ได้ต้องการได้อาหารพวกนั้นมาครอบครองเสียด้วยซ้ำ!!
เมื่อฮวงชุนหยวนหันไปเห็นสภาพที่น่าเวทนาของน้องสาว เขาจึงร้องไห้โอดครวญอย่างรวดร้าว โถ…น้องผู้น่าสงสารของพี่ เจ้าช่างมีช่วงชีวิตที่ขมขื่นเสียจริง… หากเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าไปกับพี่เถิด มาใช้ชีวิตที่สุขสบายและดีกว่านี้กัน
สิ้นเสียงโอดครวญของฮวงชุนหยวน ชายชราที่ยังคงอยู่ในโทสะอยู่ก็หันมาพูดใส่ทั้งสอง งั้นดี! ไปใช้ชีวิตของเจ้าให้มีความสุขเสีย! ครอบครัวของเราคงเลี้ยงเจ้ามาไม่ดีเองถึงทำให้เจ้ากลายเป็นคนขี้ขโมยเช่นนี้ และนับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลของข้าจะไม่มีลูกสะใภ้อย่างฮวงชุ่นเจินอีกต่อไป!! หากลูกชายของข้ากลับมา ข้าจะให้เขาส่งจดหมายหย่าไปให้ก็แล้วกันนะ…
เช่นนั้นก็ย่อมได้! ฮวงชุนหยวนตอบรับแทนน้องสาวของเขา
ฮวงอี๋ฮวนที่เพิ่งมาถึงได้ยินคำกล่าวของชายชราและคำตอบที่มั่นใจของผู้เป็นพ่อ ความรู้สึกบางอย่างก็พลันแล่นเข้ามาในหัว นางไม่อยากให้ผู้เป็นอากลับมาอยู่ที่บ้านเดียวกันกับนางเลยสักนิด ไม่! ไม่! ข้าไม่เห็นด้วย!!
ยังไงข้าก็ไม่เห็นด้วย! เด็กสาวกล่าวย้ำเมื่อเห็นว่าทุก ๆ คนกำลังดูตกใจกับคำพูดของนาง
ถึงเจ้าจะไม่เห็นด้วยมันก็ไม่มีประโยชน์อันใดหรอก! ตั้งแต่นางอยากกลับบ้านนางก็ไม่ใช่คนของตระกูลซูอีกต่อไปแล้ว! เรื่องหย่าไม่ต้องห่วงข้าให้ลูกชายของข้าหย่าแน่นอน พ่อเฒ่าซูที่กำลังโกรธจัดพูดพร้อมมองไปที่ฮวงชุ่นเจินด้วยสายตารังเกียจ
ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าหมายความว่า… ฮวงอี๋ฮวนพยายามหาข้ออ้างที่ดีเพื่อตอบกลับพ่อเฒ่าซู ข้าแค่ไม่เห็นด้วยที่จะให้อาของข้ากลับมาอยู่ที่บ้านด้วยก็เท่านั้นเอง!
แม้ว่าการหย่าร้างของท่านอาของนางจะเป็นเรื่องน่าเจ็บปวด แต่อย่างไรก็ตามนางทำใจให้ฮวงชุ่นเจินกลับมาอยู่ที่บ้านไม่ได้จริง ๆ ก็ดูขนาดตัวของน้าสิ! ทั้งอ้วนท้วม ทั้งกินจุ แน่นอนว่านางจะต้องแย่งอาหารที่บ้านของฮวงอี๋ฮวนเป็นจำนวนมากแน่!!
อี๋ฮวนเจ้าพูดจาไร้สาระอันใดของเจ้า! อาของเจ้าก็คือน้องสาวของข้านะ!! เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงไม่อยากให้นางมาอยู่ที่บ้านของเรา!? ฮวงชุนหยวนถามพร้อมเข้าไปกระชากผ้าคลุมหน้าของฮวงอี๋ฮวนออก ก่อนจะตบหน้าลูกสาวเตือนสติไปทีหนึ่ง ซึ่งทำให้ใบหน้าของฮวงอี๋ฮวนที่เดิมทีก็บวมอยู่แล้วตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นอีก รอยแดงบนหน้าเด่นชัดจนผู้คนรอบข้างพากันหัวเราะเยาะ
ท่านพ่อไม่เคยตบข้าสักครั้งเลย!
มันเป็นเพราะฮวงชุ่นเจินแท้ ๆ เลย!
ฮวงอี๋ฮวนรีบใช้มือปิดบังใบหน้าหลังจากได้ยินชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์เริ่มซุบซิบกันถึงใบหน้าของนาง ความเสียใจและความผิดหวังถาโถมเข้ามาจนฮวงอี๋ฮวนไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป
ฮึก นางร้องไห้ออกมา ท่านพ่อ ก็ข้าบอกว่า! ข้าไม่อยากให้ท่านอากลับไปอยู่บ้านของเราไง หากนางกลับมาแล้วจะ…จะ…
ฮวงชุนหยวนฉุกคิดและนึกถึงเหตุผลสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าจะให้อาของเจ้าไปอยู่ที่ใดกัน!
ฮวงชุนหยวนไม่ได้สนใจหรือใส่ใจกับเหตุผลที่ลูกสาวของเขาคิดเท่าใดนัก น้องสาวของข้ามีชีวิตที่หดหู่และโดนทำร้ายมามากแล้วจากบ้านหลังนี้ ข้าควรพานางกลับบ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงจะโดนทุบตีจนตายเอาเข้าสักวัน
เมื่อฮวงชุนหยวนพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปหาฮวงชุ่นเจินและพยายามจะแบกน้องสาวขึ้นมาจากพื้น เขานั่งลงและทำท่าเหมือนจะให้น้องสาวปีนหลังขึ้นมา ทว่าสักพักสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในพลันใด ด้วยต่อให้จะออกแรงเท่าใดก็ดูเหมือนฮวงชุ่นเจินจะไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย!
เขาต้องหาวิธีพานางกลับไปให้ได้
ชาวบ้านที่กำลังมุงดูอยู่แทบจะหลุดขำออกมาพร้อม ๆ กันเมื่อเห็นชายวัยกลางคนกำลังหาทางแบกหญิงอ้วนราวกับหมูขึ้นหลังของเขา
เจ้าคิดว่าเจ้าจะแบกนางไปคนเดียวไหวงั้นเหรอ? ขนาดข้ายังต้องเรียกคนมาสองถึงสามคนมาเพื่อจับนางเลย! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! พ่อเฒ่าซูไม่วายที่จะหลุดหัวเราะให้กับภาพตรงหน้า ชายชราใช้ไม้เท้าเคาะพื้นอย่างแรงพลางเอ่ยว่า หากเจ้ายังหาวิธีพาน้องสาวของเจ้ากลับไปไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นแล้วเรามาดูกันไหมว่าเจ้าจะชดเชยในสิ่งที่ฮวงชุ่นเจินได้ทำลงไปกับครอบครัวเราได้อย่างไร
โอ๊ย… ฮวงชุนหยวนที่พยายามแบกฮวงชุ่นเจินขึ้นหลังแต่ไม่สำเร็จ ส่งผลให้เขาละความพยายามที่จะแบกน้องสาว และทิ้งหล่อนไว้ตรงนั้นก่อนที่จะหันมาตอบคำถามของชายชรา แล้ว…พวกท่านต้องการเท่าไรล่ะ?
10 ตำลึงเงิน พ่อเฒ่าซูพูดด้วยใบหน้าขึงขังพร้อมกับจ้องไปที่ฮวงชุ่นเจินด้วยสายตารังเกียจ ความผิดที่นางได้ทำไปมันมากมายเกินกว่า 10 ตำลึงเงินด้วยซ้ำไป!
แท้จริงแล้วที่ฮวงชุ่นเจินแต่งงานเข้าตระกูลซูไปนั่นเท่ากับว่านางเป็นคนของตระกูลซูแล้ว นางไม่ควรถูกเรียกเงินชดเชยจากพวกเขามากถึงเพียงนี้! คนตระกูลนี้นี่มันเห็นแก่ตัวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าตระกูลซูจะต้องเป็นคนแบกความรับผิดชอบของฮวงชุ่นเจินไว้เองหรอกเหรอ?
ฮวงอี๋ฮวนเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนางเห็นฮวงชุนหยวนจ้องมองนางกลับมาด้วยสายตาตำหนิติเตียน จึงทำให้นางกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ กระทั่งน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างน่าสงสาร
เมื่อได้ยินคำว่า 10 ตำลึงเงิน ฮวงชุนหยวนถึงกับหน้าเสีย
แม้ว่าครอบครัวของเขาจะเคยคุยโวไว้ว่ามีเงินมากกว่า 100 ตำลึง แต่ที่จริงแล้วพวกเขามีอยู่เพียงแค่ไม่เกิน 10 ตำลึงเงินเท่านั้น! ถ้าหากพวกเขามอบมันให้กับตระกูลซู พวกเขาจะไม่มีอะไรเหลือเก็บเหลือไว้ใช้เลย นั่นมันถูกต้องแล้วงั้นหรือ?
สีหน้าย่ำแย่ของฮวงชุนหยวนนั้นถึงกับแย่ลงไปอีก เขาตัดสินใจหันกลับไปลากฮวงชุ่นเจินถูลู่ถูกังไปกับพื้น โดยที่ไม่สนใจพ่อเฒ่าซูที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหยิบเหรียญมาสองสามเหรียญเพื่อใช้เรียกเกวียนวัว แล้วจึงลากฮวงชุ่นเจินขึ้นเกวียนวัวไปอย่างทุลักทุเล เขาผลักน้องสาวขึ้นไปอย่างรุนแรง ซึ่งทำให้ฮวงชุ่นเจินที่มีสติอยู่กึ่งหนึ่งร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นฮวงชุนหยวนก็กระโดดขึ้นเกวียนวัวอย่างไม่รีรอ รวมถึงฮวงอี๋ฮวนด้วย นางจ้องไปยังอาสาวของตัวเองด้วยความโกรธเคือง และรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างมากที่จะต้องอยู่กับนังหมูนี่ต่อไปหลังจากนี้
ทางด้านซูหวานหว่าน
ขณะนี้พระอาทิตย์ขึ้นมาได้สักพักหนึ่งเท่านั้น ทว่าก็นับว่าเป็นเวลาที่สายแล้วสำหรับครอบครัวของเด็กสาว เพราะปกติพวกเขาต้องตื่นมาทำงานในเวลาเช่นนี้เสมอ
ซูหวานหว่านที่ตื่นก่อนเป็นคนแรกก็เหลือบเห็นเงาดำ ๆ ที่เคลื่อนผ่านไปทางหน้าต่าง และมีเสียงร้องจี๊ด ๆ ดังลอดออกมาจากมุมกำแพง นางตัดสินใจคลายอ้อมกอดจากแม่และน้องสาวก่อนจะยันตัวลุกขึ้น จากนั้นนางจึงเดินลงจากเตียงไปหาหนูตัวนั้น
แม่เจิ้นรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของลูกสาว จึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ
ข้าว่าข้าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อยน่ะท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก นอนต่อเถอะ พูดจบเด็กสาวก็รีบผละตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เงาดำ ๆ นั้นตามซูหวานหว่านออกไปด้วยเช่นกัน เมื่อเดินมาถึงที่ลับตาคนเด็กสาวจึงหยุดเดิน เงาดำจึงหยุดอยู่ข้างเท้าของนาง
อันที่จริงซูหวานหว่านเพียงแค่อยากจะสั่งสอนฮวงชุ่นเจินให้รู้ซึ้งกับสิ่งที่เคยทำกับตนเพียงเท่านั้น ทว่านางไม่มีเจตนาที่จะให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงขึ้นถึงขั้นนี้!
อย่างไรเสียซูหวานหว่านยังรู้สึกว่าไม่มีทางที่ฮวงชุ่นเจินจะยอมเซ็นใบหย่า และการที่ฮวงชุนหยวนพาน้องสาวของตนกลับบ้านก็คงเพราะอารมณ์โมโหที่มีในตอนนั้น ซึ่งฮวงชุ่นเจินอาจจะโดนเขาไล่ออกจากบ้านในขณะที่อยู่บ้านเขาไม่ถึง 10 วันแน่ ๆ
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ซูหวานหว่านก็หยิบเมล็ดแตงโมแห้งออกมากำหนึ่งและโยนให้กับหนู จากนั้นก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที นางรู้ว่าแม่เฒ่าเจี๋ยและพ่อเฒ่าซูคงหัวเสียกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ณ เวลาเดียวกัน
พ่อเฒ่าซูปลุกแม่เฒ่าเจี๋ยขึ้นมาและเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟังอย่างละเอียด นั่นทำให้ภรรยาของเขาโกรธจัดอีกครั้ง ฮวงชุ่นเจิน นังสารเลว! มันออกไปก็ดีแล้ว อย่าได้เสนอหน้ากลับมาที่นี่อีกแล้วกัน! หากมันกลับมาข้าจะฆ่ามันให้ตาย
ทั้งสองคนลุกออกจากเตียงและเถียงกันจนเดินไปถึงห้องของฮวงชุ่นเจิน และเมื่อมองไปยังพื้นที่มีเศษธัญพืชและข้าวหกเลอะเทอะเต็มไปหมดก็พาลเกิดความสงสัยขึ้นว่า พวกเขาต้องจัดการดีกับของพวกนี้ยังไงดี…