เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 72 ชายในชุดขาวปรากฏตัวอีกครั้ง
เป็นอะไร? เหตุใดถึงไม่กล้าแสดงตัว? เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำเช่นนี้กับผู้หญิงของข้า เจ้าจะต้องถูกข้าลงโทษ! เจียงเส้าปังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเจียงเส้าปัง แต่กลับถูกเจียงเส้าปังกระชากคอเสียงอย่างแรง
บอกข้ามาเสีย! ผู้ใดคือซูหวานหว่าน? น้ำเสียงถามออกมาอย่างหาเรื่อง
หาคนไม่พบจะไปหาเรื่องผู้ใดเช่นนี้ก็ได้งั้นหรือ? ดูเหมือนว่าคุณชายเจียงจะไม่ใช่คนที่สง่างามและสุภาพอ่อนโยนเสียแล้วสิ ซูหวานหว่านวางตะเกียบในมือลงเบา ๆ นางลุกขึ้นยืนพลางบิดตัวด้วยความเกียจคร้าน พร้อมกับมองไปที่เจียงเส้าปัง นางยกยิ้มเล็กน้อยจนเจียงเส้าปังถึงกับผงะไปชั่วครู่ และน้ำเสียงก็พลันอ่อนโยนลง
เจ้าคือซูหวานหว่านใช่หรือไม่?
อืม ซูหวานหว่านพยักหน้า นางยิ้มแกมประชดประชัน เจ้าไม่ใช่คนที่นี่ เหตุใดต้องมาหาเรื่อง?
แม้ว่าเจียงเส้าปังจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซูหวานหว่านกำลังสื่อถึง แต่เขาก็ยังได้ยินคำว่า ‘หาเรื่อง’ เจียงเส้าปังจึงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา เจ้าหมายถึงใครกันแน่ที่หาเรื่อง? หากเจ้าไม่ไปกลั่นแกล้งฉิงฉิง แม่หญิงผู้อ่อนโยนและแสนดีของข้า ข้าจะทำเช่นนี้หรือไม่?
เจียงเส้าปังก้าวเดินเข้าไปใกล้เตรียมดึงดาบเล่มยาวออกมาจากเอวของตนเอง
ซูหวานหว่านมองซูฉิงฉิงอย่างเย็นชา และคว้ามือเจียงเส้าปังเอาไว้ มือของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นก็ปล่อยดาบเก็บเข้าฝักเหมือนเดิมจนเกิดเสียงอันไพเราะดังขึ้น
ทั้งสองยืนสบตากันอยู่อย่างนั้น ทำให้บรรยากาศรอบด้านเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ซูฉิงฉิงเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี นางรีบแสร้งเข้าไปพูดกับเจียงเส้าปังด้วยความเสียใจ เส้าปัง… นี่ไม่ใช่ความผิดของน้องหวานหว่านจริง ๆ นะ
สรุปแล้วมันใช่หรือไม่ใช่ความผิดของข้ากันแน่? ซูหวานหว่านถามซูฉิงฉิงด้วยเสียงเยียบเย็น พี่ฉิงฉิง ท่านนี่สรรหาแต่เรื่องอยู่เรื่อย หากท่านอยากจะลงโทษข้า ท่านก็มาทำเองเสีย ไม่ต้องยืมมือของผู้อื่นมาช่วยแก้แค้นหรอก
เขาไม่ใช่ผู้อื่น! เขากับข้าคือคนคนเดียวกัน! ซูฉิงฉิงอยากจะเอ่ยเช่นนี้ ทว่ากลัวจะถูกเอาไปพูดนินทา นางกำลังคิดว่าควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี
เมื่อครู่นางเกือบจะตกหลุมพรางที่ซูหวานหว่านได้วางเอาไว้ ดูเหมือนว่าไม่ว่านางจะตอบกลับอย่างไร นางก็รู้สึกไม่พอใจในตัวซูหวานหว่าน!
ซูฉิงฉิงเอ่ยออกมาราวกับจะร้องไห้อีกครั้ง หวานหว่าน มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรบอกกับเขาอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ทำให้เจ้ารู้สึกอึดอัดใจแบบนี้…
เมื่อชาติปางก่อนนางเกิดเป็นนังจิ้งจอกหรืออย่างไร? ทำไมถึงเสแสร้งเก่งนัก!
เจียงเส้าปังรู้สึกปวดร้าวในหัวใจ เขาเตรียมดึงดาบออกมาอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนมาช้า ๆ และหยุดที่หน้าประตูหน้าบ้านของซูหวานหว่าน เขาก็ชะงักไป
ม่านของรถม้าค่อย ๆ ถูกยกขึ้น จากนั้นก็มีชายหนุ่มในชุดขาวเดินลงมา เจียงเส้าปังจำผ้าไหมที่ชายหนุ่มชุดขาวสวมใส่อยู่ได้ในทันใด นั่นเป็นผ้าไหมที่เขาต้องการมากแต่เขาไม่สามารถหาซื้อผ้าชนิดนี้ได้
สิ่งนี้ทำให้เขากระจ่างว่าชายหนุ่มผู้นี้ท่าทางจะร่ำรวยและมีฐานะดี! ทว่าเขาเป็นใครกันนะ? เหตุใดถึงมาที่หมู่บ้านแห่งนี้?
ชายหนุ่มชุดขาวเดินเข้ามา ทำให้ชาวบ้านต่างพากันกลั้นหายใจ ดูเหมือนพวกเขาจะลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไปเสียสิ้น
ซูหวานหว่านนำชามอาหารมาเพิ่มใหม่ พร้อมกับลุกจากที่นั่ง นางยกยิ้มพร้อมเอ่ยเบา ๆ ว่า คุณชายถัง เชิญนั่งก่อนสิเจ้าคะ
ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้คือเจ้าของร้านหยู่เซิงเหยียน อีกทั้งยังเป็นเจ้าของร้านอาหารเจวียเซ่อที่ขึ้นชื่อในเมืองอีกด้วย แค่ได้ยินว่าเขาแซ่ถังก็ทราบถึงฐานะ
นอกจากซูหวานหว่านแล้ว คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านคงไม่สามารถทำความรู้จักกับคนรวยเช่นนี้ได้
คุณชายถังก็ได้พยักหน้ายิ้มออกมา ทว่าเขาก็ยังไม่ได้นั่งลงไปแต่อย่างใด เขากลับมองไปที่เจียงเส้าปังที่กำลังจับดาบอยู่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา คุณชายเจียง ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เป็นอะไร? มาเที่ยวเล่นหรือ?
ชายผู้นี้รู้ชื่อของเขาได้อย่างไรกัน? เจียงเส้าปังชะงักไปชั่วครู่แล้วถามออกมา เจ้าเป็นใครกัน?
เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใคร สิ่งที่เจ้าควรรู้คือพ่อของเจ้ามาขอร้องให้ข้าช่วยเรื่องการค้าก็พอ อย่ามายุ่งกับข้าและอย่ามายุ่งกับสตรีผู้นี้ มิฉะนั้น…หึ คุณชายถังนั่งลงและหยิบชามพร้อมกับตะเกียบร่วมกินข้าวกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ส่วนเจียงเส้าปังที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ถูกคุณชายถังละเลยไปราวไร้ตัวตน
เจียงเส้าปังเก็บดาบเข้าฝักอย่างสั่น ๆ ทำให้ซูฉิงฉิงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
ซูหวานหว่านทำให้เขาหัวเสียไม่น้อย! ซูฉิงฉิงจับไปที่มือของเจียงเส้าปังให้เขาลงมือ แต่กลับเป็นนางที่ถูกเจียงเส้าปังจ้องมองเขม็ง
เจียงเส้าปังเป็นคนอย่างไรกัน? มันไม่ง่ายดายเลยที่จะกุมหัวใจของเจียงเส้าปังได้ นางจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มาทำลายความสัมพันธ์ของเขากับตัวเองเป็นอันขาด! ซูฉิงฉิงกัดฟันและเอ่ยออกมาด้วยความเขินอายว่า เส้าปัง พวกเรา… ไปที่บ้านของข้ากันเถอะ
อืม
เจียงเส้าปังเดินออกมาจากบ้านของซูหวานหว่าน ก้าวขึ้นไปบนรถม้าตัวสูง จากนั้นซูฉิงฉิงจึงขึ้นไปนั่งอยู่ข้าง ๆ เจียงเส้าปังจึงเอ่ยสั่งให้รถม้าออกตัวอย่างเย็นชาว่า ไปสิ!
เขาทำให้นางอับอายเหลือเกิน! แล้วเมื่อใดนางจะสามารถเอาคืนซูหวานหว่านได้? ความคับข้องใจของซูฉิงฉิงเอ่อล้นขึ้นมา จมูกของนางเริ่มแดงขึ้น น้ำตาเอ่อคลออีกครั้งทว่านางก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียงร้องไห้ออกมา นางต้องก้าวผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้
ทันทีที่เจียงเส้าปังและซูฉิงฉิงจากไป ภายในบ้านของหวานหว่านก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ชาวบ้านต่างพากันพูดกระซิบถามถึงตัวตนของคุณชายถังว่าคือผู้ใดมาจากไหน ซูหวานหว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพูดแนะนำออกมาว่า นี่คือจินจู่*[1] ของข้า…
นางยังไม่ทันได้พูดจบ พวกชาวบ้านต่างก็พากันพูดออกมาว่า ว่าอย่างไรนะ? ซูว่านหว่านเจ้าทำเรื่องเช่นนั้นจริง ๆ หรือ? รู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ คนสมัยนี้!
โอ๊ย! ข้าไม่แปลกใจเลยที่จู่ ๆ ครอบครัวนางจะรวยขึ้นมาได้! ที่แท้ก็เพราะว่าครอบครัวของนางเอานางไปขายให้คนรวยเลี้ยงนี่เอง!
…
ซูหวานหว่านถึงกับกลอกตาแล้วพูดออกมาว่า ข้ามักจะเอาของไปขายในเมือง ท่านป้า ท่านอาทุกท่านก็ทราบดี ส่วนที่ข้าขายอะไร ข้าไม่สามารถบอกให้ท่านรู้ได้เพราะว่าเรื่องนี้มันยังต้องเก็บเป็นความลับอยู่ เมื่อข้าหาผู้ร่วมลงทุนได้ข้าจะบอกทุกท่านเอง
ที่แท้ก็ทำการค้าด้วยกันนี่เอง!
ทุกคนต่างพากันตกใจ แต่ก็โล่งใจทันที จากนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาไร้สาระอันใดอีก พวกเขาไม่สามารถพูดจาใส่ร้ายซูหวานหว่านได้! มีแต่ต้องประจบประแจงครอบครัวของซูหวานหว่านต่อ!
คุณชายถังชิมอาหารไปหนึ่งคำ ชายหนุ่มพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดออกมาเป็นความจริง ข้าเป็นเจ้าของร้านอาหารเจวียเซ่อที่อยู่ในเมือง เหตุที่ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้เพราะซูหวานหว่านเตรียมของให้ร้านอาหารข้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อมาเตือนบอกนางเพียงเท่านั้น
แท้จริงชายหนุ่มผู้ร่ำรวยคนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารเจวียเซ่อที่อยู่ในเมือง!
เหล่าชาวบ้านพากันตื่นตระหนกพร้อมทั้งมองไปที่คุณชายถังราวกับว่าเขาคือชิ้นเนื้อขนาดใหญ่
คุณชาย ท่านบอกข้ามาว่าเถอะว่าท่านต้องการสิ่งใด? หากท่านต้องการอะไรแล้วของพวกเรามี ข้าจะนำมาให้ท่าน!
ใช่! ไม่ว่าครอบครัวของซูหวานหว่านจัดหาอะไรมาให้กับท่าน พวกเราก็สามารถทำได้! ถึงแม้จะจ่ายเงินในจำนวนที่น้อยลงก็ตาม!
…
ชาวบ้านพวกนี้ไม่ได้หูหนวกใช่หรือไม่? เมื่อครู่นางก็บอกอยู่ว่าไม่สะดวกที่จะพูดออกมา? ทว่าชาวบ้านยังไม่ยอมหยุด อีกทั้งยังเปลี่ยนไปซักถามคุณชายถังแทน พวกเขากำลังขโมยการค้าของนางไป มันจะมากเกินไปแล้ว! ซู หวานหว่านถึงกับขมวดคิ้ว
คุณชายถังก็พูดออกมานิ่งเฉย เกรงว่าคงจะไม่ได้ เพราะว่าร้านอาหารของเรานั้นได้ทำสัญญาทำการค้ากับแม่หญิงซูเพียงผู้เดียว
คนอื่นจะว่าอย่างไรเขาไม่สามารถทราบได้ ทว่าเขาสามารถรับรู้ได้ อีกทั้งเขาเองก็กล้าที่จะยืนยันว่าวัตถุดิบจากภูเขาที่ซูหวานหว่านนำมาขายให้กับเขามันแตกต่างจากของผู้อื่น
มีเพียงซูหวานหว่านเท่านั้นที่จะนำมาได้ เป็นเพราะว่าวัตถุดิบที่นางนำมาช่างเป็นอะไรที่วิเศษ ไม่ว่าจะนำไปผ่านการแปรรูปด้วยวิธีใด ทั้งการผัด นึ่ง หรือทอด รสชาติของวัตถุดิบนั้นก็ยังคงเลิศรส หาที่ใดมาเปรียบได้
ร้านอาหารไท่อันไม่ได้รับซื้อของซูหวานหว่าน ร้านอาหารไท่อันนั้นรับซื้อมาจากผู้ค้าคนอื่น ๆ และตอนนี้วัตถุดิบที่ร้านอาหารนั้นก็มีมากเกินไปจนขายไม่ออก
เมื่อคิดได้ดังนี้ คุณชายถังก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง ต้องขอบคุณแม่นางซูมาก ๆ ที่ทำให้ร้านอาหารของเรามีคนเข้ามากินอาหารมากมาย เนื่องจากตอนนี้ร้านอาหารของเราต้องการของเป็นจำนวนมาก ข้าเลยคิดว่าข้าจะส่งคนมารับของในทุก ๆ สองถึงสามวันเองจะดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเข้าไปในเมืองบ่อย ๆ
เช่นนี้ก็ดียิ่งขึ้นไปอีกนะสิ! ประหยัดค่าเดินทางไปด้วย!
ซูหวานหว่านพยักหน้าตกลงทันใด ตอนนี้พวกชาวบ้านยังคงพากันสงสัยว่าซูหวานหว่านนำอะไรมาขายให้ชายหนุ่ม ทว่าพอถามออกไปนางก็เอาแต่ปิดปากเงียบไม่ยอมบอก
หลังจากที่คุณชายถังกินอาหารเสร็จ เขาก็ถามกับซูหวานหว่านถึงเรื่องวัตถุดิบ เพราะเขาต้องการนำมันกลับไปด้วย สิ่งนี้ทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกเป็นกังวล ตอนนี้ในบ้านของนางมีชาวบ้านอยู่จำนวนไม่น้อย นางจะออกไปที่ใดได้? จะนำถุงสินค้าขนาดใหญ่ออกมาจากมิติฟาร์มในตอนนี้ได้อย่างไรกัน?
ทันใดซูหวานหว่านก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้คิดค้นปรุงแต่งน้ำปรุงรสเห็ดหอมเอง นางจึงพาคุณชายถังไปที่ห้องครัวเพื่อไปลิ้มลองรสชาติของมัน พอคุณชายถังได้ชิมถึงกับพูดชมเชยซูหวานหว่านไม่หยุด และเขาก็ได้ตัดสินใจซื้อน้ำปรุงรสทันที
ซูหวานหว่านพูดออกมาว่า ข้าสามารถขายมันให้แก่เจ้าได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข
เนื่องจากสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คิดค้นที่ยากมาก ๆ ดังนั้นนางจะต้องมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างเสียหน่อย!
[1]金主 จินจู่ แปลตรง ๆ คือเจ้าของทอง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าคนมีเงิน แปลอีกนัยหนึ่งแปลว่า สปอนเซอร์ หรือเสี่ยเลี้ยงดู