เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 6.1 มุมมองของ อายานะ
- Home
- เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด
- ตอนที่ 6.1 มุมมองของ อายานะ
ฉัน โอโตนาชิ อายานะ
มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันสนิทด้วยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ชื่อของเขาคือ ซาซากิ ชู และเขาเป็นเด็กประเภทที่ตัวติดฉันตลอด
ฉันกับชูคุงใช้เวลาไม่นานนักในการเป็นเพื่อนกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแม่ของเราสนิทกันมาก
[อายานะ มาเล่นด้วยกันเถอะ!]
[ได้จิ]
ตอนนั้น ฉันคิดว่าชูคุงน่ารักเมื่อเขาเดินตามฉัน และฉันก็สงสัยว่าการมีน้องชายจะให้ความรู้สึกอย่างงี้ไหม
ในช่วงประถมต้นที่ฉันเริ่มตระหนักว่าโลกที่มีแค่ฉัน แม่ ชูคุง และครอบครัวของเขา ……ช่างเป็นโลกที่เล็กมาก
ฉันไม่รังเกียจที่จะดูแลชูคุง และถ้าฉันไม่มีแผนทำอะไรเป็นพิเศษมันก็กลายเป็นเรื่องปกติที่ฉันดูแลชูคุง ฉันก็เลยไม่รังเกียจถ้ามันไม่ได้ดำเนินเป็นแบบนี้ตลอดไป
[ลูกกำลังจะไปไหน? ลูกทำไม่ได้รู้ไหม แม่คุยกับแม่ของชูคุงแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกจะไปหาเขา]
[เอ๊ะ? แต่หนูสัญญาว่าจะเล่นกับเพื่อน……]
[ลูกค่อยไปเล่นกับเพื่อนครั้งหน้าก็ได้นิ เพื่อนสมัยเด็กของลูก ชูคุง สำคัญกว่าใช่ไหม]
[แต่ ……]
[ลูกเข้าใจไหม?]
[……ค่ะ]
ฉันไม่ได้วางแผนจะไปหาชูคุง ฉันจึงสัญญากับเพื่อนๆไว้ว่าจะไปเล่นด้วยกัน
แต่แม่บอกให้ฉันยกเลิกนัดแล้วไปหาชูคุง และสุดท้ายฉันก็ไม่เชื่อฟังเธอ
เพื่อนๆของฉันหัวเราะกันและบอกว่ามันคงช่วยไม่ได้ แต่ฉันเสียใจจริงๆ
[….. เพื่อนสมัยเด็กคืออะไร?]
แม้ว่าฉันจะอยู่ชั้นประถม แต่ฉันก็ยังหาคำตอบของมันอยู่
ผู้คนรอบตัวฉันพูดหลายอย่างเกี่ยวกับตัวฉันที่เติบโตเร็วกว่าเด็กทั่วไป
และที่นี่เอง……ที่ฉันเริ่มตั้งคำถามถึงการมีอยู่ของเพื่อนสมัยเด็ก
[อายานะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของชูคุง ดังนั้นให้ความสำคัญกับเขาก่อน]
[ชูคุงเป็นเด็กดีใช่ไหม? นั่นเป็นเหตุผลที่อายานะควรอยู่กับเขา]
ทุกๆ วันฉันจะไปบ้านของชูคุงเพื่อใช้เวลากับเขาและน้องสาวของเขา และกลับบ้านนั้นคือหนึ่งวันของฉัน
ในวันที่โรงเรียนเปิด ฉันจะไปบ้านชูคุงเพื่อปลุกเขา แล้วเราก็ไปโรงเรียนด้วยกันและเดินเคียงข้างกัน
ถ้าฉันลองคิดดู สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งที่ฉันทำตามที่แม่บอกให้ทำโดยไม่ต้องสงสัยมัน
[ฉันดีใจที่เธออยู่ที่นี่อายานะจัง เธอจะมาเป็นภรรยาของชูคุงใช่ไหม]
[พี่อายานะ เอาสิ! มาเป็นภรรยาของโอนี่จัง!]
(พวกคุณสองคนอย่าพูดอะไรไร้สาระนะ!)
ฉันเฝ้าดูฉากการพูดคุยอย่างมีความสุขของพวกเขาด้วยอารมณ์ที่ด้านชา ซึ่งแม่ของฉันก็เข้าร่วมและพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของฉันอย่างมีความสุข
[….ฉัน]
ฉันเบื่อหน่ายกับแม่ที่มักจะพูดว่า “ชูคุง ชูคุง” ในทุกการกระทำของเธอ
ฉันยังรู้สึกหดหู่ใจที่แม่และน้องสาวของเขามักจะชมฉันที่ดูแลชูคุง……และเหนือสิ่งอื่นใด ฉันเริ่มคิดว่าแม้แต่ชูคุงที่ฉันคิดว่าน่ารักเมื่อไม่นานนี้ก็ยังเป็นตัวกวนใจฉัน
ใช่ ฉันเริ่มคิดว่าสิ่งรอบตัวฉันเริ่มน่ารำคาญขึ้น
[ฉันคือ โอโตนาชิ อายานะ …หรืิอ โอโตนาชิ อายานะ คือฉัน?]
ฉันคือใคร? ฉันอยากจะตะโกนแบบนั้นกับใครสักคน
ฉันอยากให้ใครสักคนบอกฉัน……ฉันอยากจะถามใครก็ตามที่จะฟังเกี่ยวกับการมีอยู่ของ โอโตนาชิ อายานะ
แต่ในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันสามารถเก็บพวกมันไว้แค่ในขวดเท่านั้น และก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ฉันก็ยิ้มให้พวกเขา
[ฉันกับอายานะสนุกกันมาก]
[ฉันรู้แล้ว] [ฉันด้วย]
[เฮ้ เฮ้ อายานะจัง มาเล่นกับฉันด้วยสิ!]
[ใช่ มาเล่นกับพวกเราไหม?]
[อายานะ เธอกำลังเรียนทำอาหารอยู่แล้วใช่ไหม? น่าตื่นเต้นจัง]
[ขอบคุณ……]
เมื่อฉันต้องรับมือกับพวกเขา ฉันรู้สึกสบายใจเมื่อเริ่มคิดถึงตัวเองราวกับเป็นเรื่องของคนอื่น
ฉันสามารถเล่นบทบาทของ โอโตนาชิ อายานะ ที่พวกเขาต้องการให้ฉันเป็นได้โดยไม่ต้องนึกถึงสิ่งอื่น
ถ้าฉันพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาพูดและไม่ได้ทำอะไรที่ไม่เชื่อฟังพวกเขา พวกเขาจะไม่บ่นฉัน
มีเพียงฉันเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองคิดอย่างไร และถ้าฉันสร้างกำแพงทั้งภายในและภายนอกแบบนี้ จะไม่มีใครสามารถก้าวเข้ามาข้างในตัวฉันได้……และโลกของฉันก็ได้รับการปกป้องในลักษณะนั้น
[เธอชอบมังงะเรื่องนี้ด้วยเหรอ!]
[ใช่ๆ! มันตลกมากเลย!]
[ฉันอยากมีเด็กเจ๋งๆ แบบนั้นอยู่ข้างๆบ้างจัง!]
[พวกเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันเหรอ? เจ๋งสุดๆไปเลยนี่หน่า!]
ตอนนั้นมีการ์ตูนเด็กผู้หญิงดังๆอยู่เรื่องหนึ่ง แต่ฉันจำไม่ได้ว่าชื่อเรื่องอะไร
เพื่อนของฉันเคยบอกฉันว่าเธอไม่สามารถรับประสบการณ์อันแสนหวานอมเปรี้ยว และน่าตื่นเต้นที่ได้จากแฟนหนุ่มที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กได้
[ว้าว เป็นอย่างงั้นเหรอ? ฟังดูน่าสนใจจัง]
สุดท้ายแล้ว ฉันไม่เคยได้ยืมมังงะจากเพื่อนเลยหลังจากนั้น แต่มันสะดวกกว่าสำหรับฉัน — ฉันไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับมังงะที่พวกเขาพูดถึงเลย
(…… เพื่อนสมัยเด็กไม่ใช่สิ่งที่ดีขนาดนั้น)
ฉันไม่ชอบการ์ตูนที่บรรยายเรื่องความรักเกี่ยวกับเพื่อนสมัยเด็ก
สิ่งเดียวที่ฉันเห็นได้เกี่ยวกับการอุทิศตนให้กับเพื่อนสมัยเด็กก็คือพวกเขาเป็นเพียงตุ๊กตาที่ไม่มีเจตจำนงในการมีชีวิตเป็นของตัวเอง และฉันไม่เคยรู้สึกดีกับเพื่อนสมัยเด็กสุดเท่ที่ใครๆต่างชอบเลย
เมื่อฉันอ่านเรื่องราวเหล่านั้น ฉันคิดว่าเธอถูกล้างสมองตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อชอบเพื่อนสมัยเด็กของเธอ
[เพื่อนสมัยเด็กคืออะไร?]
นั่นเป็นคำถามในชีวิตของฉันมาโดยตลอด
และถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถพูดเกี่ยวกับเพื่อนสมัยเด็กของฉันได้ เพื่อนสมัยเด็กของฉันคือ “คำสาป” สำหรับฉัน…..
อย่างไรก็ตาม มีวันหนึ่งเมื่อความอดทนของฉันถึงขีดจำกัดแล้ว
[อายานะ วันนี้ก็ไปที่บ้านของชูคุง—]
[ไม่! หนูจะไม่ฟังแม่แล้ว!]
[อายานะ!?]
ฉันพยายามไม่แยแสและคิดว่าฉันสามารถอยู่กับกำแพงในใจได้
แต่ใจฉันไม่เข้มแข็งเท่าที่คิดและฉันก็ต่อต้านแม่เป็นครั้งแรกในชีวิตโดยไม่สนใจว่าแม่จะโกรธฉันด้วยซ้ำ
สาเหตุที่ผมวิ่งหนีไปร้องไห้ที่สวนสาธารณะใกล้ๆ อาจเป็นเพราะผมกลัวที่จะไปไกลๆ ด้วยตัวเอง
[ฮือ..ฮื..อ…ฉัน……ไม่อยาก……ฉัน……ไม่อยากทำแล้ว!]
ฉันนั่งบนชิงช้าและเอาแต่ร้องไห้คนเดียว
แม้ว่าฉันจะร้องไห้ต่อไปแบบนี้ น้ำตาก็จะแห้งไปในไม่ช้า และฉันจะต้องกลับไปหาคนเหล่าด้วยตัวฉันเอง……การต่อต้านเล็กน้อยของฉันเป็นเพียงการยื้อเวลาเท่านั้น และหัวใจของฉันก็กลับมาเฉยชาอีกครั้งเมื่อฉันคิดว่าฉันจะยอมแพ้และยอมรับว่าวันคืนเหล่านั้นจะคงอยู่ตลอดไป
[เธอมาทำอะไรคนเดียวที่นี้เนี่ย? อะ นั้นตาของเธอแดงมากเลย นี่เธอร้องไห้อยู่เหรอ……?!]
แต่วันนั้นแตกต่างออกไป
วันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของฉันที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างสำหรับฉัน วันที่ฉันจะไม่มีวันลืม
[อืม……ฉันต้องทำไงดีเนี่ย?]
แสงอันสดใสส่องมาสู่โลกของฉัน ซึ่งฉันคิดว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ใช่ นั้นเขาเอง……โทวะคุงปรากฏตัวต่อหน้าฉัน
[……เธอค-……คือ!!]
[ฮือ..ฮื..อ…..!!]
นี่เป็นการพูดคุยครั้งแรกระหว่างฉันกับโทวะคุง และฉันแน่ใจว่าฉันทำให้เขารู้สึกสับสนเป็นแน่
ฉันอยู่ในสวนสาธารณะที่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นยกเว้นฉัน และจากมุมมองของโทวะคุง เขาคงกำลังมีปัญหาเพราะเขากังวลเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ตามลำพังที่นั่น และเริ่มร้องไห้มากยิ่งขึ้นเมื่อเขาเข้าใกล้เธอ .
[อืม……อะ นี่คือสิ่งที่ฉันทำในตอนที่ฉันรู้สึกเศร้า!]
[ฮือ..ฮื..อ…..!]
ขณะที่ฉันยังคงร้องไห้ โทวะคุงก็ลูบหัวฉันอย่างงุ่มง่าม
ฉันไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ฉันบอกได้ว่าเขาพยายามให้กำลังใจฉันในแบบที่เขานึกได้ ดังนั้นฉันจึงหยุดร้องไห้ แม้ว่าฉันจะแปลกใจอยู่ก็ตาม
[เกิดอะไรขึ้นละ?]
[จริงๆแล้ว……]
ฉันบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าเกิดอะไรขึ้น
มันคงเป็นเรื่องราวที่ยากมากสำหรับโทวะคุง มันเป็นเรื่องแย่มากที่ต้องพูดคุยเรื่องนี้กับผู้ชายในวัยเดียวที่เจอกันครั้งแรก
เมื่อโทวะคุงได้ยินสิ่งที่ฉันจะพูด เขาก็กอดอกแล้วถอนหายใจราวกับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะทำเช่นนั้นได้
[….สิ่งที่เธอทำมันยากมากเลยนะ]
ตอนนั้นถ้าฉันโตกว่านี้ฉันคงจะหัวเราะไปแล้ว แต่ตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่ ฉันเลยอยากจะร้องไห้อีกครั้ง
โทวะคุงตื่นตระหนกมากเมื่อเห็นฉันน้ำตาไหลอีกครั้ง และเขารีบวิ่งไปรอบๆ เพื่อดูว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง
จากนั้นเขาก็มองดูบางอย่างที่ทำให้เขาเหมือนนึกอะไรออก นั่นคือลูกฟุตบอลที่เขาใช้เท้ากลิ้งไปมาขณะเดินเข้ามาในสวนสาธารณะ
[เฮ้ ดูนี้สิ]
[เอ๊ะ?]
โทวะคุงพูดและเริ่มยกลูกบอล
ฉันเคยเห็นมันตามทีวี ดังนั้นฉันจึงรู้ว่าสิ่งที่เขาทำคือการเดาะบอลไม่ให้มันตกลงพื้น
แต่ฉันเคยเห็นแค่ในทีวีที่มีแต่คนดังๆเท่านั้น และฉันไม่เคยเห็นมันใกล้ๆแบบนี้มาก่อน
[ฮะ! โฮ! เป็นไง!]
[ว้าว! น่าทึ่งมากเลย]
ฉันไม่รู้เกี่ยวกับฟุตบอลมากนัก แต่สิ่งที่โทวะคุงทำมันดูน่าทึ่งสำหรับฉัน และฉันรู้ว่าเขาพยายามให้กำลังใจฉันในแบบของเขา ฉันก็เลยมีความสุขมาก
โทวะคุงไม่เคยทำบอลตกลงพื้นเลยหลังจากนั้น และเมื่อเขาจบการเดาะบอลด้วยท่าทางเท่ๆในช่วงท้าย ฉันก็ปรบมือโดยไม่รู้ตัว
[เจ๋งเลย! มันสุดยอดมาก!]
จากนั้นเขาก็มองดูบางอย่างที่ทำให้เขาเหมือนนึกอะไรออก นั่นคือลูกฟุตบอลที่เขาใช้เท้ากลิ้งไปมาขณะเดินเข้ามาในสวนสาธารณะ
[เฮ้ ดูนี้สิ]
[เอ๊ะ?]
โทวะคุงพูดและเริ่มยกลูกบอล
ฉันเคยเห็นมันตามทีวี ดังนั้นฉันจึงรู้ว่าสิ่งที่เขาทำคือการเดาะบอลไม่ให้มันตกลงพื้น
แต่ฉันเคยเห็นแค่ในทีวีที่มีแต่คนดังๆเท่านั้น และฉันไม่เคยเห็นมันใกล้ๆแบบนี้มาก่อน
[ฮะ! โฮ! เป็นไง!]
[ว้าว! สุดยอด]
ฉันไม่รู้เกี่ยวกับฟุตบอลมากนัก แต่สิ่งที่โทวะคุงทำมันดูน่าทึ่งสำหรับฉัน และฉันรู้ว่าเขาพยายามให้กำลังใจฉันในแบบของเขา ฉันก็เลยมีความสุขมาก
โทวะคุงไม่เคยทำบอลตกลงพื้นเลยหลังจากนั้น และเมื่อเขาจบการเดาะบอลด้วยท่าทางเท่ๆในช่วงท้าย ฉันก็ปรบมือโดยไม่รู้ตัว
[เจ๋งเลย! ฉันพึ่งเห็นอะไรแบบนี้กับตาเป็นครั้งแรกเลย!]
[ฮ่าฮ่าขอบคุณนะ! แต่ฉันก็เทียบพวกผู้ใหญ่ไม่ได้หรอกนะ]
[ไม่ ไม่ใช่! มันเจ๋งจริงๆนะ!]
[…..ฮิฮิ ขอบคุณนะ!]
เมื่อนึกย้อนกลับไป นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พูดคุยแบบนี้กับเด็กผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ชูคุง
ความสดชื่นจากเขาแผ่ซ่านไปทั่วหน้าอกของฉัน และบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็เติมเต็มหัวใจของฉัน
[อะ ฉันนึกที่ดีๆออกแล้ว เธออยากไปกับฉันไหม?]
[ได้สิ! ฉันไปด้วย!]
ฉันพยักหน้าตามคำแนะนำของโทวะคุง ฉันก็เลิกคิดถึงชูคุงหรือแม่ของฉันอีกต่อไป
โทวะคุงจับมือฉันแล้วพาฉันไปสถานที่ต่างๆ แต่ที่ๆทำให้ฉันประทับใจที่สุดคือเกมเซนเตอร์
[เฮ้ โทวะนั้นเพื่อนหรือแฟนนายเหรอ?]
[ลุง อย่าพึ่งมาขัดจังหวะน่า!]
[ฮาฮา โทษที โทษที….!]
ฉันสงสัยว่าคนที่ดูแลร้านอาร์เคดนั้นเป็นคนรู้จักของโทวะหรือเปล่า และตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันพบเขา ฉันสัมผัสได้ว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีมากถึงขนาดล้อกันเบาๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ
ให้ความรู้สึกเป็นกันเองราวกับเป็นพ่อลูกกัน บรรยากาศรอบๆพวกเขาสนุกสนานกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ และฉันก็หยุดหัวเราะไม่ได้
[เห็นมะ เธอหัวเราะเยาะลุงเพราะลุงมันงี่เง่า]
[ฉันไม่อยากถูกเรียกว่าคนงี่เง่าโดยเด็กตัวกะเปี๊ยกเหรอนะ?]
[แม่ผมก็เรียกลุงว่าไอ้โง่เหมือนกัน]
[มีมิจัง เธอนี่แย่จริงๆ!]
[ฟุฟุ…..อ๊ะ!]
เป็นการคุยกันที่น่าทึ่งจริงๆ
โทวะคุงล้อเลียนเขา และเขาก็โต้ตอบ และฉันก็หัวเราะพวกเขา และโทวะคุงก็หน้าแดงราวกับเขินอาย……และมันก็สนุกจริงๆ
[…….ที่นี่มีตู้เกมอยู่เยอะเลย]
เกมอาร์เคดเป็นสถานที่ที่ฉันไม่รู้จัก
ฉันเชื่อว่ามีนักเรียนชั้นประถมและเด็กผู้หญิงไม่มากนักที่มาที่นี่
มีหลายสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ แต่ฉันเล่นอย่างสุดกำลังประมาณหนึ่งชั่วโมงในขณะที่โทวะคุงสอนฉันหลายอย่าง
[…..อา]
แต่เวลาแห่งความสนุกกำลังจะสิ้นสุดลง
เมื่อฉันเห็นนาฬิกาบนผนัง ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องไปแล้ว เลยบอกโทวะคุงว่าฉันต้องกลับบ้าน
ฉันมีความสุขมากที่ได้พบเขา และเขาบอกว่าเขาจะพาฉันกลับบ้านเพื่อเป็นการขอโทษที่พาฉันมาที่นี่
[….อุ่นจัง]
ความอบอุ่นจากมือของโทวะคุงที่จับมือฉันไว้ถูกส่งมาให้ฉัน ฉันไม่อยากปล่อยมือเขาเลย
[…..]
ในเวลานี้ฉันสังเกตเห็นด้วยว่าความอบอุ่นที่มาจากมือของเขาทำให้ฉันเริ่มรู้สึกกังวล
บ้านของฉันอยู่ใกล้ๆนี้แล้วและในเวลานั้น โทวะคุงก็หยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฉัน
มันคือพวงกุญแจหมี……ซึ่งขอพูดเลยนะมันน่าเกลียดมาก
[ฉันไปเอาเจ้านี้ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอมัวสนใจอยู่กับเกม เธอเอามันไปทิ้งได้นะถ้าเธอไม่ต้องการ]
[ฉันไม่ทิ้งมันไปหรอกนะ!]
ฉันรับพวงกุญแจแล้วถือไว้ที่หน้าอก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้รับของขวัญแบบนี้ แต่ถึงกระนั้น ของขวัญที่ฉันได้รับจากโทวะคุงก็อบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใดที่ฉันเคยได้รับมาก่อน
[ขอบคุณนะโทวะคุง!]
[….อ-โอ้]
โทวะคุงน่ารักมากและดูเขาจะอายเขาเลยเอามือเกาแก้ม และฉันก็ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเขาแบบนั้น
เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่คิดว่าเวลาของฉันกับเขาซึ่งพบกันเป็นครั้งแรกในวันนี้จะต้องจบลงในไม่ช้า และแม้ว่าฉันอยากให้เวลานี้ยาวนานกว่านี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้
บ้านของฉันอยู่ใกล้ๆนี้แล้วและในเวลานั้น โทวะคุงก็หยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฉัน
มันคือพวงกุญแจหมี……ซึ่งขอพูดเลยนะมันน่าเกลียดมาก
[ฉันไปเอาเจ้านี้ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอมัวสนใจอยู่กับเกม เธอเอามันไปทิ้งได้นะถ้าเธอไม่ต้องการ]
[ฉันไม่ทิ้งมันไปหรอกนะ!]
ฉันรับพวงกุญแจแล้วถือไว้ที่หน้าอก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้รับของขวัญแบบนี้ แต่ถึงกระนั้น ของขวัญที่ฉันได้รับจากโทวะคุงก็อบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใดที่ฉันเคยได้รับมาก่อน
[ขอบคุณนะโทวะคุง!]
[….อ-โอ้]
โทวะคุงน่ารักมากและดูเขาจะอายเขาเลยเอามือเกาแก้ม และฉันก็ตื่นเต้นมากที่ได้เห็นเขาแบบนั้น
เป็นเรื่องน่าเศร้ามากที่คิดว่าเวลาของฉันกับเขาซึ่งพบกันเป็นครั้งแรกในวันนี้จะต้องจบลงในไม่ช้า และแม้ว่าฉันอยากให้เวลานี้ยาวนานกว่านี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้
[….]
แม่ของฉันและชูกำลังตื่นตระหนกอยู่หน้าบ้านของฉัน
ฉันแน่ใจว่าเธอกำลังมองหาฉัน แต่เธอคงจะโกรธแน่นอนถ้าฉันมุ่งหน้าไปที่นั่นตอนนี้ ……โทวะคุงจับมือฉันเบาๆอีกครั้ง เพราะฉันไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
[มันจะต้องโอเค ไปกันเถอะ]
[……จ้ะ]
ฉันพยักหน้าให้โทวะคุงซึ่งยิ้มให้ฉันและบอกว่าไม่เป็นไร แล้วมุ่งหน้าไปหาแม่ของฉัน
ชูคุงและโคโตเนะจังวิ่งมาหาฉันเมื่อเห็นฉัน และบรรดาแม่ๆที่คอยดูพวกเขาก็เดินตามหลังมา
[ผมขอโทษครับ ผมพาอายานะไปแถวๆนี้ เราเล่นกันเพลินไปหน่อยเลยไม่ได้ดูเวลา ขอโทษจริงๆครับ ผมผิดเองครับ]
โทวะอธิบายสถานการณ์
จริงๆมันควรจะเป็นความผิดของฉันทั้งหมด แต่คำพูดเหล่านี้ของโทวะคุงเหมือนกับบอกว่าเป็นความผิดของเขา และแม่ของฉันก็จ้องมองเขาราวกับว่าทั้งหมดเป็นความผิดของโทวะคุงที่ฉันหายตัวไป
[คือ…….]
ฉันพยายามพูดเสียงดังว่าฉันเองก็ผิด แต่โทวะคุงก็หยุดฉันไว้
เขากระซิบบอกฉันอีกครั้งว่าไม่เป็นไร แล้วมองย้อนกลับไปที่บรรดาแม่ๆ ที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขามาก
อย่างที่คาดไว้ พวกแม่ๆ ไม่อยากตะโกนใส่โทวะคุงซึ่งเรียนอยู่ชั้นประถม และตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลย แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน พวกเขาก็สั่งไม่ให้ฉันเจอโทวะคุงหรือเล่นกับเขาอีกเลย
[โทวะคุง…..เขาเจ๋งมาก]
ตอนที่โทวะคุงปกป้องฉันต่อหน้าแม่ ฉันคิดว่าเขาเท่มาก
ฉันกำลังจะจบวันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากปกติเมื่อฉันแตะพวงกุญแจที่โทวะคุงมอบให้ฉัน และนึกย้อนกลับไปถึงการเผชิญหน้าในวันนี้
ชูคุงและโคโตเนะจังดูเหมือนจะพูดอะไรกับฉัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใจฉันเย็นลง
[โทวะคุง ฉันจะได้เจอนายอีกเมื่อไหร่กัน?]
ฉันลากับโทวะคุงโดยไม่ได้ขอข้อมูลติดต่อไว้ เราจะพบกันอีกไหม?
ฉันสงสัยว่าเราจะได้พบกันอีกหรือไม่ แต่ทั้งหมดกลับเป็นความกลัวที่ฉันคิดไปเอง
[เอ๊ะ? อายานะจัง?]
[โทวะคุง?!]
ฉันไม่รู้ว่าเราเรียนโรงเรียนประถมเดียวกัน
เรื่องราวของโทวะคุงและฉันจึงเริ่มต้นจากจุดนี้ เราใช้เวลาในโรงเรียนร่วมกันบ่อยขึ้น
และชูคุงก็มาร่วมกับเรา และเราสามคนก็จะใช้เวลาร่วมกันเสมอ