เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 6.3 มุมมองของ ชู
- Home
- เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด
- ตอนที่ 6.3 มุมมองของ ชู
“……?”
“มีอะไรเหรอ?”
หลังเลิกเรียน วันนี้ฉันก็มาช่วยรุ่นพี่อิโอริทำงานที่ห้องสภานักเรียนอีกครั้ง
ฉันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อฉันรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่สุดท้ายฉันก็นึกไม่ออกว่ามันคืออะไร
อิโอริเอาหน้ามาใหล้ฉัน แต่ไม่นานเธอก็ละสายตาไปจากฉันเพื่อมุ่งความสนใจไปที่งานที่เหลือของเธอ
หลังจากเงียบไปสักพัก เราทั้งคู่ก็ทำงานของเราในวันนี้เสร็จ
“ฟู่ ทำได้ดีมาก ชูคุง”
“ม-ไม่หรอกครับ….ขอบคุณที่เหนื่อยนะครับรุ่นพี่อิโอริ”
“….ฟุฟุ♪”
เมื่อฉันบอกเธอเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง รุ่นพี่อิโอริก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ขณะที่ฉันคิดว่ารุ่นพี่อิโอริยังคงเป็นคนที่ยิ้มสวยเหมือนเดิม รุ่นพี่อิโอริก็มองตรงมาที่หน้าฉันแล้วพูดกับฉันว่า
“ตอนฉันตามนายมาดูเหมือนตอนแรกนายจะลำบากใจเล็กน้อย แต่เมื่องานเริ่มนายมุ่งความสนใจไปที่มันและช่วยเหลือฉันจนถึงที่สุด ฉันคิดว่านายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“…….ขอบคุณ”
ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มเมื่อเธอบอกฉันว่าฉันเป็นคนยอดเยี่ยมแค่ไหน
เป็นอย่างที่รุ่นพี่อิโอริว่ามาจริงๆ ก็จริงที่ฉันรู้สึกลำบากใจ เพราะฉันก็ไม่ชอบที่เธอพึ่งพาฉันแบบนี้……แต่ฉันค่อนข้างมีความสุขที่ฉันมีประโยชน์กับเธอและสามารถทำตามความคาดหวังของเธอได้
(……ถึงแม้ฉันจะมีความรู้สึกอยู่เหนือกว่าบ้างก็เถอะ)
รุ่นพี่อิโอริได้รับความชื่นชอบจากนักเรียนหลายคนในฐานะประธานสภานักเรียนสุดสวยของโรงเรียนแห่งนี้
ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะได้รับความรักจากผู้ชายมากมาย และฉันได้ยินจากเธอว่าเธอได้รับการสารภาพรักจากผู้ชายหลายคน
แม้ว่าหลายๆคนจะสนใจรุ่นพี่อิโอริในลักษณะนี้ แต่ฉันรู้สึกถึงความเหนือกว่าที่เธอต้องพึ่งพาฉัน
“วันนี้กลับบ้านกันเถอะ”
“ครับ”
ฉันออกจากห้องสภานักเรียนพร้อมกับรุ่นพี่อิโอริแล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูทางออก
ตอนนี้มืดพอสมควรแล้ว และคนในโรงเรียนมีเพียงบางกลุ่มที่จะอยู่จนเย็นขนาดนี้คือนักเรียนที่อยู่ทำกิจกรรมชมรมและครูที่ยังอยู่ในห้องพักครู
อายานะกับโทวะน่าจะกลับไปแล้ว ดังนั้นวันนี้ฉันจึงกลับคนเดียว……
“ชูคุง เรามาจับมือกันเถอะ”
“……เอ๊ะ?”
ทำไม? ก่อนที่ฉันจะตอบคำถามนั้น มือของฉันก็ไปอยู่ในมือเธอเสียแล้ว
ฉันทนไม่ได้ที่จะละสายตาจากรุ่นพี่อิโอริที่จับมือฉันและจ้องมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ แต่รุ่นพี่อิโอริกลับมองมาที่ฉันและหัวเราะคิกคัก
คนๆนี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอ…..มันมักจะมากวนใจฉัน…แต่ฉันไม่รังเกียจเลยที่เธอจะปฏิบัติกับฉันแบบนี้
“นายใจเต้นบางหรือเปล่า?”
“…….”
“ฟุฟุ….นั่นหมายความว่าฉันมีโอกาสสินะ?”
รุ่นพี่อิโอริมักจะพูดสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกกังวลอยู่เสมอ
พูดตามตรงฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงพูแบบนี้กับคนอย่างฉัน นั้นเป็นเพราะฉันไม่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างรุ่นพี่อิโอริ
ฉันเคยถามเธอว่าทำไมเธอถึงใส่ใจฉันมากขนาดนี้และเธอก็พูดออกมาว่า
[ถ้านายยอมไปกับฉัน ฉันจะบอกนาย แต่นายต้องการไปกับฉันไหมละ?]
ฉันต้องการไปเที่ยวกับรุ่นพี่อิโอริไหม? เธอน่าจะหมายความอย่างงั้น ฉันจำได้ว่าฉันชอบคำพูดของเธอที่ดูเป็นธรรมชาติแต่จากที่เธอมองฉัน ฉันคิดว่าเธอพูดล้อเล่น ฉันก็เลยบอกโอเคไป
(ฉันก็แค่มนุษย์ธรรมดา…ที่ไม่มีความกล้าพอที่จะแก้ไขความผิดพลาดในอดีต)
โทวะมักจะบอกฉันว่าอย่าดูถูกตัวเองเกินไป แต่ถึงอย่างนั้น…ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถแก้ไขบุคลิกของตัวเองได้
ฉันรู้ว่าตัวเองมีความภูมิใจในตัวเองต่ำและดูถูกตัวเองมากเกินไป แต่ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด เลยแก้ไขมันไม่ได้ง่ายๆ
(จริงอยู่ที่รุ่นพี่อิโอริเป็นผู้หญิงที่สวย…… แต่ฉันชอบอายานะ เธออยู่เคียงข้างฉันเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันไม่สามารถมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับรุ่นพี่อิโอริได้)
ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน บางครั้งฉันก็เลยรู้สึกประทับใจกับคำพูดหวานๆ ของรุ่นพี่อิโอริ แต่ฉันก็ยังรักอายานะ
ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องเธอ เธออยู่เคียงข้างฉันมาตลอด และฉันจะทำให้เธอมีความสุขต่อจากนี้ไป …… ใช่! ฉันจะทำให้เธอมีความสุข!
“รุ่นพี่อิโอริ เราควรรีบกลับนะ”
“ได้สิ”
ฉันกำลังคิดถึงอายานะ และฉันก็อยากเจอเธอเหลือเกิน
ขณะที่ฉันกำลังคิดจะแวะบ้านของอายานะก่อนจะกลับบ้าน ฉันก็ได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ของฉันและรุ่นพี่อิโอริอยู่ข้างหลังเรา
“โอ้ รุ่นพี่ชู!”
“เอ๊ะ? มาริ?”
“ฉันว่าแล้วรุ่นพี่จริงๆด้วย!”
เป็นมาริที่เรียกชื่อฉันแล้ววิ่งเข้ามาหาฉัน
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นพี่อิโอริที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว มาริเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูมีหุ่นเพรียวและน่ารัก ซึ่งเธอมักถูกมองว่าน่ารักมากกว่าสวย
“รุ่นพี่ก็จะกลับตอนนี้เหมือนกันเหรอ? ฉันขอกลับกับพวกรุ่นพี่ได้ไหม?”
“ได้สิ ชูคุง เธอโอเคไหม?”
“ครับ เรากลับบ้านกันเลยไหม?”
“ไปกันเลย!”
มาริตอบอย่างมีความสุขและร่าเริง และเธอก็เข้ามาข้างๆฉัน แต่แล้วเธอก็รีบปิดระยะห่างระหว่างเราด้วยการจับมือฉันไว้
ราวกับจะโต้ตอบรอยยิ้มขี้เล่นของมาริ รุ่นพี่อิโอริก็ปล่อยมือของฉันที่จับมือเธอไว้และเปลี่ยนมากอนแขนฉันไว้แทน
(……นุ่มจัง)
ฉันเกือบจะรู้สึกว่าจมูกของฉันจะมีเลือดไหลออกมาเมื่อถูกสัมผัส
ราวกับต้องแสดงท่าทีต่อต้าน อย่างน้อยฉันก็สามารถแก้ไขสีหน้าของตัวเองได้
“อุชิดะซัง คุณไม่ได้เข้าใกล้เกินไปหน่อยเหรอ?”
“รุ่นพี่ฮอนโจ คุณไม่ดูสนิทกันกับรุ่นพี่ชูเกินไปหน่อยเหรอ? ช่วยถอยห่างจากรุ่นพี่ชูเถิดค่ะ”
ทั้งสองคนพูดเหน็บแนมกันไปมาราวกับว่าพวกเธอกำลังแข่งขันกันเพื่อแย่งความสนใจของฉัน
ถ้าอายานะเห็นฉันในตอนนี้ เธอคงจะเข้าใจฉันผิด และฉันรู้สึกขอบคุณที่เธอไม่ได้อยู่กับฉันในตอนนี้
“ฉันไม่อยากให้พวกเธอสองคนทะเลาะกันเพราะฉันหรอกนะ”
“…….ค่ะ รุ่นพี่”
“ได้จะชูคุง”
ฉันพูดอย่างนี้แล้วทั้งสองก็หยุดทะเลาะกัน
ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ เพราะพวกเธอไม่เพียงหยุดทะเลาะกัน แต่ยังปล่อยแขนที่จับฉันไว้ด้วย
ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอสองคนมีความรู้สึกแบบไหนกับฉัน แต่ฉันสงสัยว่านี่คือความรู้สึกที่มีคนทะเลาะกันเพื่อแย่งฉันหรือเปล่า และฉันคงต้องกังวลเกี่ยวกับมันสินะ
(…..ฉันรู้สึกดีจัง!)
ฉันรู้สึกละอายใจกับตัวเองที่มีความคิดแบบพระเอกฮาเร็มจริงๆ
ไม่ว่ารุ่นพี่อิโอริและมาริจะชอบฉันหรือดึงดูดใจฉันมากแค่ไหน แต่ฉันก็ยังมีอายานะอยู่……ดังนั้นอย่าคาดหวังอะไรแปลกๆ จากฉัน ซาซากิ ชู คนนี้!
เมื่อฉันอยู่ระหว่างการทดสอบจิตใจของตัวเองอยู่นั้น อิโอริมองมาริแล้วพูดอะไรประมาณนี้
“แล้วนายกับอุชิดะซังมีความเกี่ยวข้องกันยังไงล่ะ?”
ฉันกำลังจะตอบแต่มาริแย่งฉันตอบก่อน
“หนูมักจะวิ่งในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุด หนูได้เจอกับรุ่นพี่อายานะตอนที่วิ่งอยู่ และเธอก็แนะนำให้หนูรู้จักกับรุ่นพี่ชู ที่จริงหนูทุ่มเทให้กับกิจกรรมของชมรมมาโดยตลอด ดังนั้นหนูจึงสนุกกับการพูดคุยกับพวกเขาสองคนมาก…… เอะเฮะเฮะ”
“ออ เป็นอย่างงั้นนี้เอง”
ขณะที่ฉันฟังคำพูดของมาริ ฉันก็นึกถึงวันเหล่านั้นเช่นกัน
วันนั้นเป็นวันหยุดธรรมดา ฉันแค่พักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่อายานะติดต่อมาและถามว่าตอนนี้ฉันอยากเจอเธอไหม
ฉันรู้สึกกังวลมากเมื่อพบมาริครั้งแรกจนบทสนทนาของเราดูอึดอัดมาก
“ฉันบอกนายแล้ว ชูคุง มาริเป็นเด็กดีมาก”
การที่ได้อายานะแนะนำมาริให้กับฉันในตอนนั้นทำให้ฉันรู้จักเธอเหมือนในตอนนี้
เราสองคนพบกันบ่อยขึ้นโดยไม่มีอายานะ และบางครั้งฉันก็มาวิ่งกับมาริ…… แน่นอนว่าฉันไม่สามารถตามความแรงของเธอได้และยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ
“โอ้ บังเอิญจัง โอโตนาชิซังก็แนะนำชูคงให้ฉันรู้เหมือนกัน ต้องขอบคุณโอโตนาชิซังที่ทำให้ฉันได้พบกับชูคุง”
“เป็นอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ใช่”
เป็นเรื่องจริงที่ต้องขอบคุณอายานะที่ทำให้ฉันได้รู้จักรุ่นพี่อิโอริเช่นกัน
เมื่อเราสนทนากันในชั้นเรียน อายานามักจะริเริ่มเป็นผู้นำการสนทนาและจัดระเบียบความคิดเห็นของทุกคน
อายานะพาฉันไปที่ห้องสภานักเรียน และที่นั่นฉันได้พบกับรุ่นพี่อิโอริ
(ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับรุ่นพี่อิโอริมาแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่เย็นชาและน่ากลัว)
ตอนนั้นฉันกลัวเพราะเรื่องนั้นแต่ต้องขอบคุณอายานะที่เข้ากับคนเก่ง เธออยู่เคียงข้างฉัน เราจึงกลายเป็นเพื่อนกันแบบเดียวกับที่ฉันทำกับมาริ
นั่นทำให้ฉันเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่อิโอริได้เช่นกัน
“งั้น ฉันเดาว่าโอโตนาชิซังคือคิวปิดระหว่างเรา คิดเหมือนกันไหมชูคุง”
“อะ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน!……ใช่ไหมรุ่นพี่ชู”
ฉันไม่อยากให้พวกเธอสองคนจ้องมาที่ฉันแบบนี้เลย
พวกเธอมองมาที่ฉันอย่างสับสน ฉันไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไง…..และทั้งคู่ก็ถอนหายใจ
“……ไม่ดีเลยนะคะ”
“ใช่ไม่ดีเลย”
“ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า!”
ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปเสียงดัง
พวกเธอทั้งสองขอโทษที่ล้อฉันมากเกินไป……….
ฉันได้รู้จักพวกเธอทั้งสองผ่านอายานะและฉันก็เป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเธอ และฉันสามารถพูดได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเธอเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน
(ฉันไม่ได้ไม่ชอบมันจริงๆ)
วันที่ฉันอยู่กับอายานะและโทวะ และวันที่ฉันอยู่กับอิโอริและมารินั้นสำคัญสำหรับฉันมาก
ท้ายที่สุดฉันรู้สึกสบายใจที่สุดเมื่อได้อยู่ข้างๆ อายานะ……ฉันเดานะ?
จากนั้นฉันก็สงสัยว่ามันผิดหรือเปล่าที่ฉันจะคิดถึงอายานะ และฉันก็สังเกตเห็นว่ารุ่นพี่อิโอริและมาริจ้องมองฉันอย่างอธิบายไม่ถูก
“…..อ-อะไร?”
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าโอโตนาชิซังเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวจริงๆ”
“จริงค่ะ รุ่นพี่อายานะจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ทำไมชื่อของอายานะถึงโผล่ออกมาได้……
แม้ว่าฉันจะรู้สึกราวกับว่าพวกเธออ่านใจฉันได้ แต่ก็ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าฉันจะคิดถึงอายานะอยู่เสมอ
เธอเข้าใจฉันเป็นอย่างดีเพราะเราใช้ชีวิตมาด้วยกันทั้งชีวิตในฐานะเพื่อนสัยเด็ก
เธอยิ้มอยู่ข้างๆฉันเสมอ และรอยยิ้มของเธอคือสมบัติของฉันอย่างแท้จริง
“……ฉันรักอายานะ”
ฉันพึมพำจนทั้งสองไม่ได้ยินฉัน
พูดแบบนี้อาจจะโดนหัวเราะเยาะแต่บอกได้เลยว่าแม่ของเราสนิทกัน
อายานะอยู่เคียงข้างฉันตลอดเวลา ดังนั้นฉันมั่นใจว่าความคิดนี้จะไปถึงเธอ ……ดังนั้นฉันแน่ใจว่ามันจะไม่เป็นไร
“อา จริงด้วย รุ่นพี่ชู!”
“มีอะไรเหรอ?”
“รุ่นพี่โอโตนาชิก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน แต่รุ่นพี่ยูกิชิโระก็น่าทึ่งมากเลย ใช่ไหม!”
ฉันพยักหน้า
เมื่อนึกย้อนกลับไป นี่เป็นครั้งแรกที่มาริถามฉันเกี่ยวกับโทวะ และฉันก็กำลังจะตอบทุกอย่างที่เธอถาม ตราบใดที่ฉันรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร
“หนูมีโอกาสได้คุยกับเขามาวันก่อน แต่มีบางอย่างที่หนูไม่สามารถถามเขาได้ในตอนนั้น รุ่นพี่ยูกิชิโระเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมากเลยใช่ไหม?”
“อารา เป็นอย่างนั้นเหรอ?”
ต่างจากรุ่นพี่อิโอริที่โต้ตอบราวกับว่าเธอสนใจ ฉันรู้สึกราวกับว่ามีเงาปกคลุมหัวใจของฉัน
โทวะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน……แต่ถึงอย่างนั้น หัวข้อเรื่องฟุตบอลระหว่างเราก็ยังถือเป็นเรื่องต้องห้าม
“ตอนที่หนูอยู่มอต้น หนูเรียนกับเขาคนละโรงเรียน แต่หนูยังจำได้ว่ามีข่าวลือว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมาก อย่างไรก็ตามหนูได้ยินมาว่าเขาประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเลิกเล่นฟุตบอลไป”
แม้ว่าเธอจะถามฉันว่าฉันรู้รายละเอียดเกี่ยวกับมันหรือไม่ แต่ฉันก็ไม่สามารถตอบคำถามของมาริได้ในทันที
เพราะเหตุการณ์นั้นฉัน……ไม่ มันจบลงแล้ว
แม้แต่โทวะก็ยกโทษให้ฉัน และมันก็จบลงแล้ว!
[เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอน่า นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก ฉันดีใจจริงๆที่นายไม่เป็นไร]
ดูสิ แม้แต่โทวะในความทรงจำของฉันก็พูดแบบนั้น……ไม่เป็นไร
แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะบอกมาริเกี่ยวกับ……
“จริงๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะ……พูดเรื่องนี้ได้หรือเปล่า ฉันแน่ใจว่าโทวะจะต้องหงุดหงิดแน่ๆ และฉันไม่คิดว่าเธอควรจะพูดเรื่องนี้กับโทวะนะ”
ฉันสรุปได้ว่านี่น่าจะดีกว่าสำหรับโทวะ
ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้ถามลึกกว่านี้เกี่ยวกับหัวข้อของโทวะหลังจากได้ยินคำพูดของฉัน และไม่นานพวกเธอก็เริ่มเปลี่ยนหัวข้อในการพูดไป
“….ฟู่”
ฉันรู้สึกโล่งใจที่หัวข้อเกี่ยวกับโทวะจบลงแล้ว
ฉันรู้สึดสงบใจเมื่อได้คุยกับพวกเธอ ฉันคิดกับตัวเองว่าโทวะคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
ใช่……โทวะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
(แต่ความจริงก็คือ……)
ฉัน……อิจฉาโทวะ เพื่อนสนิทของฉันที่ทำอะไรได้ทุกอย่าง
ฉันอิจฉาโทวะมากที่เขาเรียนเก่ง เล่นกีฬาเก่ง มีเพื่อนมากมาย และเข้ากับอายานะได้เป็นอย่างดี
ฉันอิจฉาเขาที่มีทุกอย่างที่ฉันไม่มี แต่ในขณะเดียวกันฉันก็รู้สึกระแวงเขา
[…เอ๊ะ?]
[ฉันเสียใจด้วยนะ แต่นายจะไม่สามารถเข้าร่วมทัวร์นาเมนท์ได้แล้วละ และฉันว่านายคงจะเล่นฟุตบอลแบบเดิมไม่ได้อีกแล้วละ]
เมื่อฉันบังเอิญได้ยินการสนทนาที่ออกมาจากห้องในโรงพยาบาลระหว่างหมอกับโทวะ และฉันเห็นสีหน้าตกตะลึงบนใบหน้าของโทวะผ่านช่องว่างเล็กๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า “ดีแล้ว”
แต่นั่นไม่ใช่ความตั้งใจที่แท้จริงของฉัน มันเป็นเพียงความอิจฉาริษยาที่ผลักดันฉัน
ถึงกระนั้น ฉันก็ยังหัวเราะคิกคักด้วยความสะใจเมื่อเห็นโทวะอยู่บนเตียง ฉันรู้สึกเสียใจกับความเป็นจริงอันเจ็บปวดในสถานการณ์ของเขา
(ตอนนั้นฉันหัวเราะโทวะอย่างแน่นอน และในตอนนั้นฉันก็รู้สึกได้ว่ามีคนอื่นอยู่ที่นั่นด้วย)
บางทีอาจมีคนเห็นใบหน้าแสยะยิ้มของฉันในตอนนั้น…….
———————————————————————————————————————————————————–
คุยท้ายตอน
เอาละครับอย่างที่บอกไปผมจะไม่ชี้นำให้ทุกคนเกลียดไอชูนะครับ ให้ทุกคนตัดสินกันเองดีกว่า
ออแล้วตอนหน้าเป็นตอนย้อนอดีตนะครับ (แหม แม่ลูกนี้นิสัยเหมือนกันเลยนะเนี่ย) ก็ให้ความรู้สึกประมาณนั้นละครับ
โทวะคุงสูงๆนะเป็นกำลังใจให้เลย