เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 137 แฉซ่งหงเย่!
เขาล้างแค้นฟางเชาและหลิ่วอวี่เจ๋อเรียบร้อยแล้ว
คนที่เย่เฉินจะแก้แค้นเป็นลำดับต่อไปก็คือซ่งหงเย่!
ซ่งหงเย่ไม่ได้ลงมือทำร้ายเย่เฉินซึ่งหน้า กระทั่งตอนนี้ในวีแแชทของซ่งหงเย่ก็ไม่ได้ลบเขาออกแต่อย่างใด
คาดว่าต่อให้ทั้งสองคนบังเอิญเจอกัน หญิงสาวก็คงจะยิ้มทักทายเขาอยู่ดี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาหล่อนทำตัวไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่เยาะเย้ยเขยที่แต่งเข้าอย่างเย่เฉิน
แต่เขาก็ยังอยากจะล้างแค้นหญิงสาวอยู่ดี!
“ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งหงเย่ บางทีหวังเจียเหยาอาจจะไม่เป็นแบบวันนี้!”
เย่เฉินยังคงจดจำหวังเจียเหยาที่ใสซื่อ เขินอายคนเก่าเมื่อสามปีก่อนได้เป็นอย่างดี
หลังจากแต่งงานกับเย่เฉินแล้ว ถ้ามีชายแปลกหน้าทักทายหญิงสาวที่มหาวิทยาลัย หล่อนทำเป็นไม่เห็นด้วยซ้ำไป แถมจงใจรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามด้วยซ้ำไป
ในตอนนั้นหวังเจียเหยาเป็นผู้หญิงที่แสนสมสบูรณ์แบบ!
ทว่าตั้งแต่ซ่งหงเย่แต่งงาน หวังเจียเหยาเห็นซ่งหงเย่นอกใจสามีครั้งแล้วครั้งเล่า จนบิดเบือนทัศคติของหล่อนไป
ทำให้หญิงสาวได้เรียนรู้ว่าต่อให้แต่งงานแล้วก็สามารถคบหาดูใจคนอื่นได้อีก
จะบอกว่าซ่งหงเย่ไม่มีอิทธิพลต่อหวังเจียเหยาไม่ได้ !
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความสัมพันธ์ระหว่างหวังเจียเหยาและซ่งหงเย่นั้น หวังเจียเหยาเห็นอีกฝ่ายเป็นกุนซือของตนเองมาโดยตลอด
หล่อนให้หวังเจียเหยาหลอกลวงเย่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยุแยงให้หวังเจียเหยาแอบคบหาคนอื่นเพื่อเป็นตัวสำรอง
สามารถพูดได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะหวังเจียเหยาเคยเห็นซ่งหงเย่นอนกับผู้ชายคนอื่น เจ้าหล่อนก็คงไม่กล้านอนกับฟางเชา!
ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งหงเย่เสนอแนะให้หวังเจียเหยามีตัวสำรองเอาไว้อีกสักคน หวังเจียเหยาก็คงจะไม่สานสัมพันธ์กับหลิ่วอวี่เจ๋อ!
ความผิดพลาดทั้งหลายทั้งแหล่นี้เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงแพศยาคนนี้!
ในเมื่อทุกคนต่างก็ได้รับผลกรรมที่ก่อขึ้นมา ในเมื่อโตๆ กันแล้วก็ไม่ควรให้คนอื่นต้องรับผิดชอบแทน
ดังนั้นแล้วเย่เฉินจึงต้องการฉีกหน้ากากของซ่งหงเย่ออก!
เย่เฉินเคยกินข้าวกับเจิ้งปินสามีของซ่งหงเย่อยู่หลายครั้ง เขาเป็นคนนิสัยค่อนข้างดี ซื่อสัตย์และเถรตรง
วันๆ ทำแต่งานหาแต่เงิน ไม่รู้เรื่องที่ซ่งหงเย่นอกใจด้วยซ้ำไป
ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมกับเจิ้งปินอย่างมาก
ผู้หญิงที่มีชู้ควรจะต้องได้รับผลกรรมในสิ่งที่ตนเองก่อ! ไม่ใช่ว่ามีชีวิตที่ดีแบบในตอนนี้!
หวังเจียเหยาได้รับผลกรรมไปแล้ว หล่อนไม่ได้สืบทอดมรดกมูลค่าแสนล้านอีกต่อไป อีกทั้งโครงการอีผิ่นเจียเหยาของหล่อนจะกลายเป็นพื้นที่รกร้าง!
ตอนนี้ก็ควรจะถึงตาเพื่อนสนิทของหล่อนอย่างซ่งหงเย่แล้ว!
ส่วนการล้างแค้นซ่งหงเย่นั้นง่ายสุดๆ เย่เฉินแค่ต้องให้สามีของเจ้าหล่อนรู้ว่าหล่อนเป็นคนยังไงก็พอแล้ว
ดังนั้นเย่เฉินจึงเปิดโทรศัพท์แล้วใช้ VPN เพื่อล็อคอินเข้าอินสตาแกรม
แอพพลิเคชั่นนี้เป็นเหมือนเวยป๋อที่ใช้ๆ กันอยู่ในประเทศ เพียงแต่เป็นโซเชียลแอพพลิเคชันของต่างประเทศก็เท่านั้นเอง
เย่เฉินไม่มีเพื่อนในประเทศนี้ นั่นเพราะเพื่อนๆ ของเขาส่วนมากอยู่ที่ต่างประเทศทั้งสิ้น
ครั้งนี้เขาอยากจะใช้เพื่อนหน้าตาหล่อเหลาของตนเองไปหลอกล่อให้ซ่งหงเย่สนใจ
เขารู้ดีว่าซ่งหงเย่เคยนอนกับเด็กผู้ชายรุ่นเอ๊าะๆ ในประเทศมาไม่น้อย คาดว่าคงจะเบื่อแล้ว ถ้าหากมีชาวต่างชาติมาบ้างหล่อนคงจะตื่นเต้น
หลังจากล็อคอินเข้าไปแล้ว เย่เฉินก็เริ่มดูสถานะของเพื่อนๆ ทันใดนั้นเองก็เห็นเพื่อนคนหนึ่งแชร์ภาพออกมา พื้นหลังของภาพนั้นเป็นภาพว่ายทานที่เทียนไห่
“ไมเคิล บูเล่อยู่ที่เทียนไห่เหรอ?”
ไมเคิล บูเล่เป็นเพื่อนที่เย่เฉินรู้จักตอนเขาไปฝึกฝนที่อเมริกา ตอนนั้นอีกฝ่ายก็ได้ไปฝึกบาสเก็ตบอลกับพวกนักกีฬา NBA เหมือนเขา
หมอนี่ตัวสูงโปร่ง แถมยังชอบออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่เขามีนั้นชวนให้ผู้หญิงที่พบเห็นน้ำลายหก
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หมอนี่หน้าตาเหมือนลีโอนาร์โดพระเอกภาพยนตร์อเมริกาเรื่อง‘ไททานิค’ ที่แฟนๆ ละครต่างก็ขนานนามเขาว่า ‘เสี่ยวหลี่จื่อ’
หน้าตาของไมเคิล บูเล่เหมือนกับ‘เสี่ยวหลี่จื่อ’ ตอนหน้าตาหล่อสุดๆ โดยเฉพาะตอนยิ้ม
ดังนั้นไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็สามารถจีบสาวๆ ได้อย่างง่ายดาย
หมอนี่ก็เป็ผู้นชายเจ้าชู้คนหนึ่ง บ้านก็ร่ำรวยสุดๆ พ่อเขาเป็นคนลงทุนรายการ ‘Roast’ ของเมืองนอก
คนผู้นั้นที่แสนจะยิ่งใหญ่เหลือเกินของโลกในตอนนี้ก็ยังเคยเข้าร่วมรายการอยู่ครั้งหนึ่ง เพราะเห็นแก่หน้าพ่อของหมอนี่
ดังนั้นเย่เฉินจึงรีบส่งข้อความขอเบอร์โทรศัพท์ของอีกฝ่าย แล้วโทรหาเขา
“ไมเคิลนายอยู่เทียนไห่เหรอ? พอจะมาช่วยอะไรฉันที่อวิ๋นโจวหน่อยได้ไหม?”
“ฮะ สวรรค์ ไมเคิล คิดไม่ถึงว่านายจะอยู่อวิ๋นโจว! พระเจ้าช่วยให้นายรอดมาจากสงครามเหรือเนี่ย!”
“พวกเราอยู่ใกล้กันมากเลยนะเนี่ย ฉันตั้งใจว่าจะไปอวิ๋นโจวพอดี ได้ยินมาว่าผู้หญิงที่นั่นสวยกว่าเทียไห่เยอะเลย!””
“นายรอฉันก่อนนะ ฉันนั่งรถไฟความเร็วสูงต่ออีกแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว!”
สองชั่วโมงต่อมา
เย่เฉินอยู่ในห้องที่โณงแรมไคว่หมิ่น แล้วส่งแก้วกระดาษที่แช่ถุงชาให้เพื่อนสนิท
ลูกเศรษฐีร่ำรวยอย่างหมอนี่นอนแต่ The Peninsula Hotels ที่ว่ายทาน
แต่ว่าเมื่อมาที่โรงแรมราคาคืนละร้อยกว่าหยวนก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจรังงอน
เขารู้เรื่องครอบครัวของเย่เฉินเป็นอย่างดี เขาสามารถฝึกซ้อมร่วมกับเจมส์ แอนโทนี่และเวทได้
คนทั่วไปไม่มีทางทำได้
ไมเคิล บูเล่กล่าวต่อ “ที่นี่มันสุดยอดจริงๆ รถไฟมีความเร็วตั้ง 385 กิโลเมตร สุดจริงๆ! ประเทศอเมริกาของเราตอนนี้ยังไม่มีรถไฟที่เร็วจนเรียกว่ารถไฟความเร็วสูงได้เลย!”
ไมเคิล บูเล่เอาแต่สาละวนพูดเรื่องที่เขาสนใจในช่วงนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกคนรวย และเห็นอะไรที่อเมริกามาก็ตั้งมากมาย
แต่หลังจากมาที่ประเทศจีน เขาก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งเมื่อเห็นรถไฟความเร็วสูงกับอัลลิเพย์
เย่เฉินมองใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือน ‘เสี่ยวหลี่จื่อ’ นั้นแล้วพูดภาษาอังกฤษออกมา
“ไมเคิล ความจริงแล้วที่ฉันชวนนายมา หนึ่งก็เพราะอยากจะรำลึกความหลังกับนาย สองก็เพราะอยากจะขอให้นายช่วยหน่อย”
ไมเคิล บูเล่ยกแก้วกระดาษจรดริมฝีปากเพื่อจิบชาราคาถูกแล้วกล่าว
“นายบอกมาได้เลย โคบี้ตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
เย่เฉินถอนหายใจ พวกเขาสองคนชอบเล่นบาสเก็ตบอลมาก ย่อมชอบโคบี้ยอดนักบาสคนนั้น
เสียดายก็แต่ทั้งสองคนยังไม่มีโอกาสเล่นบาสกับโคบี้เลยด้วยซ้ำ
ตอนหน้าร้อนในปี 2004 ทั้งสองอาศัยเส้นสายของที่บ้านถึงได้พบเขาที่สนามบาสที่เขาฝึกซ้อม
แต่ว่าโคบี้ไม่ได้สนใจว่าบ้านเย่เฉินกับไมเคิลรวยขนาดไหน เขาไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
โคบี้ดูมองเด็กตัวผอมเก้งก้างสองคนที่สูงไม่ถึง 170 ซม. ด้วยซ้ำ “ฉันให้เวลาพวกนายสองคนห้านาที พวกนายใช้วิธีไหนก็ได้ภายในห้านาทีถ้าทำให้ฉันชู้ตบาสไม่เข้าได้หนึ่งลูก ฉันจะให้นายซ้อมบาสด้วย”
ไมเคิลย่อมเป็นตัวถ่วงอยู่แล้ว ส่วนเย่เฉินนั้นออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก พละกำลัง และสมรรถภาพร่างกายต่างๆ ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
แต่ในห้านาทีนั้น พวกเขาก็โดนโคบี้เล่นงานจนหมดสภาพสุดท้ายก็โดนอีกฝ่ายไล่ตะเพิดออกมาจากโรงยิม
ไมเคิลเดินร้องไห้ออกมาจากโรงยิม แถมยังบอกว่าจะโทรไปฟ้องพ่อ ให้ส่งคนมาซ้อมอีกฝ่าย
เย่เฉินรู้ดีว่าในทีม Lakers ตอนนั้น โคบี้ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มที่คนเรียกว่ากลุ่ม F4 ที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นพลาดแชมป์ไป
แอนโทนี่ผู้เป็นเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี และเป็นคนอ่านเกมขาดที่สุดโดนซื้อตัวจนไมอามี่ลุกเป็นไฟ ทำให้ตอนนั้นโคบี้เองก็โดนสื่อรุมด่า
ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาฉุนเฉียวที่สุด แต่เย่เฉินกับไมเคิลดันไปเจอเขาในตอนนั้นพอดี
เย่เฉินกล่าวว่า “คิดถึงช่วงเวลาที่เล่นบาสกับนายจริงๆ เรื่องที่ฉันจะขอให้นายไปทำก็เหมือนกับการเล่นบาสเลยล่ะ ตื่นเต้นสุดๆ!”
ไมเคิลดูตื่นเต้นอย่างมาก “จริงเหรอ? เรื่องอะไร?”
เย่เฉินกล่าว “หว่านเสน่ห์ใส่เมียคนอื่น”