เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 270 เจอหลิ่วหรูซืออีกครั้ง
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 270 เจอหลิ่วหรูซืออีกครั้ง
ตอนที่ 270 เจอหลิ่วหรูซืออีกครั้ง!
เพี้ยะ!
หวังเจียเหยาที่นานวันยิ่งมีสภาพของคุณนายเศรษฐีสะบัดฝ่ามือใส่หน้าหม่าเสินอย่างสะใจ
ในสายตาเขาเมื่อปีก่อนหวังเจียเหยายังเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้ความอยู่เลย
แต่ปีนี้หลังจากที่แต่งงานมาสามครั้ง หวังเจียเหยาก็เริ่มกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวตระกูลหวัง อยากตบใครหล่อนก็ตบคนนั้น
หลังจากที่หวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วตัวสูงขึ้นมา 1.5 ซม.ซึ่งนี่เป็นช่วงเวลาอัศจรรย์ที่ผู้หญิงจะตัวสูงขึ้น
หล่อนยืนตรงหน้าหม่าเสิน กล่าวอย่างวางท่า “ตระกูลหวังของเราจะตกต่ำยังไง คนแบบนายก็ดูถูกไม่ได้อยู่ดี ไสหัวไปเลยไป!”
หม่าเสินมองหวังเจียเหยา แล้วตะโกนด่า “แกมันแพศยา คิดไม่ถึงว่าจะกล้าตบฉัน? ตระกูลหวังของพวกแกกำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว แกมีสิทธิ์อะไรมายโสโอหังขนาดนี้! ตอนนี้พวกแกอาจจะไม่มีเงินเท่าฉันก็ได้”
หวังเจียเหยาแค่นเสียงเย็น “แค่แกเนี่ยนะ? ถ้าแกคิดว่าแกมีเงินมากกว่าฉันก็ได้งั้นเรามาดูกัน”
ตอนนี้ตระกูลหวังไม่มีเงินจริงๆ แถมยังโดนค่าปรับไม่น้อย แต่หวังเจียเหยามีเงิน!
ในบัญชีหวังเจียเหยายังมีเงินก้อนลับๆ อีกก้อน คนทั้งตระกูลต่างก็ไม่รู้ว่าพ่อผู้ให้กำเนิดของเด็กหญิงให้เงินหล่อนมาพันล้าน
“แหมใครกำลังอวดรวยอยู่เนี่ย? อ้อ ที่แท้ก็ ‘ลูกสะใภ้’ คนดีของเรานี่เอง!”
ทันใดนั้นเองในห้องโถงก็มีคนคุ้นเคยอีกสองคนเดินเข้ามา นั่นคือฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือพ่อแม่ของฟางเชา!
เย่เฉินเห็นทั้งสองคนนั้นผ่านทางกล้องวงจรปิด นานแล้วที่ไม่เจอพวกเขา
หลิ่วหรูซือสวมชุดกี่เพ้า เรือนร่างยังสมบูรณ์แบบเหมือนปีที่แล้วไม่มีผิด ที่ทั้งยังสวยและมีสเน่ห์เย้ายวน
หวังเจียเหยาเห็นทั้งสองคนก็เก้อเขิน อย่างไรเสียหล่อนก็เคยแต่งงานกับฟางเชาและเคยเรียกพวกเขาสองคนว่าพ่อกับแม่มาก่อน
ฟางเสียนจู่เดินมาเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหวังเจียเหยา สีหน้าก็ฉายแววเหยียดหยาม
“หวังเจียเหยาตระกุลของพวกเธอตอนนี้เละเทะจนมีสภาพนี้แล้ว เธอยังจะมาวางท่าอะไรอีก? ภรรยาของฉันถามคนตระกูลหลิ่วแล้ว พวกเขาบอกว่าเธอหย่ากับหลิ่วอวี่เจ๋อแล้ว แถมยังไม่ได้เงินจากเขาสักแดง เธอยังจะกล้าเปรียบเงินกับคนอื่นอีกนะ?
ตอนนี้นอกจากเธอจะมีลูกของเย่เฉินแล้วเธอยังมีอะไรอีก? อ้อ จริงด้วยเป็นลูกสาว ไม่ใช่ลูกชาย ได้ยินมาว่าในตระกูลใหญ่ๆ ลูกสาวไม่มีสิทธิ์สืบทอดสมบัติของตระกูล เหอะๆ เธอเองก็เก่งนี่ มีลูกแฝดสองคนแต่คนละพ่อ โชคดีที่ฟางเชาไม่ได้คบกับเธอ”
ดูแล้วฟางเสียนจู่และหลิ่วหรูซือก็คงจะเพื่อเยาะเย้ยคนตระกูลหวังเหมือนหม่าเสิน
ก่อนหน้านี้หวังเจียเหยาแต่งงานกับฟางเชา ในงานแต่งงาน หวังเจียเหยาประกาศกร้าวกลางงานว่าจะไม่แต่งงานกับฟางเชา
นี่ทำให้ตระกูลฟางขายหน้า!
อีกทั้งเป็นเพราะหวังเจียเหยา พวกเขาถึงได้ตกต่ำมาเป็นตระกูลท้ายๆ ของอวิ๋นโจวจากที่เป็นตระกูลใหญ่ๆ!
หวังเจียเหยาจึงไม่กล้าวางก้าม เพราะรู้สึกละอายใจพลางกล่าว “คุณอาฟาง คุณอาหลิ่ว ในเมื่อพวกเราสองครอบครัวไม่ได้เป็นอะไรกัน งานเลี้ยงครบรอบเดือนนี้ก็ไม่ได้เชิญพวกคุณมา พวกคุณจะมาทำไมคะ?”
ฟางเสียนจู่กล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกเราไม่ได้มาดื่มฉลอง! แต่พวกเรามาหาเย่เฉิน!”
เย่เฉินที่อยู่ด้านบนได้ยินเช่นนี้ ก็นิ่งไป
“มาหาเย่เฉิน? คุณมาหาอดีตสามีฉันทำไม?” หวังเจียเหยาถาม
ฟางเสียนจู่เริ่มมีอารมณ์ “ฉันติดต่อลูกชายฉันไม่ได้มานานแล้ว ฉันอยากจะถามเย่เฉินว่าลูกชายฉันโดนเขาฆ่าตายไปแล้วหรือเปล่า! ถ้าเขาฆ่าลูกชายฉัน ฉันจะสู้ตายกับเขา!”
หวังเจียเหยาขมวดคิ้วแล้วกล่าว “คุณติดต่อลูกชายไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับอดีตสามีฉันคะ? ต่อให้ลูกชายคุณเป็นอะไรขึ้นมาคุณมีปัญญาสู้กับอดีตสามีฉันเหรอคะ? ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ!”
หลิ่วหรูซือละลั่กละล่ำ “เจียเหยา พวกเราไม่เคยคิดจะต่อต้านกับคุณเย่ แล้วก็รู้ด้วยว่าสู้ไม่ได้ พวกเราก็แค่อยากถามคุณเย่ว่าพอจะรู้ข่าวลูกชายเราหรือเปล่า พูดตรงๆ เลยนะลูกเขาเพิ่งจะเป็นพ่อคน มีลูกชายคน ลูกสาวคน เด็กเพิ่งจะสองเดือน เราอยากจะบอกข่าวดีเรื่องนี้กับเขา”
เย่เฉินได้ยินก็เริ่มประหลาดใจ ฟางเชาเป็นพ่อคนแล้วหรอ
ในห้องพักซีกวาก็งุนงง “ไม่สิครับ ฟางเชาโดนพวกเราตอนไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
หลิวเจิ้งคุนกล่าว “ไม่ได้ยินที่แม่ของฟางเชาพูดเหรอ ลูกของเขาอายุได้สองเดือนแล้ว เกิดก่อนลูกของคุณชายเย่เสียอีก คาดว่าน่าจะท้องก่อนหน้านั้นแล้ว”
ซีกวาหัวเราะเจ้าเล่ห์ “ถ้าแบบนั้นก็แปลว่าฟางเชานี่มันดวงดีไม่เบา อย่างน้อยๆ ก็มีลูกตั้งสองคน แต่หลิ่วอวี่เจ๋อจบเห่แล้ว ฮ่าๆ ชีวิตนี้มีลูกไม่ได้แล้ว”
เย่เฉินมองหลิ่วหรูซือผ่านกล้องวงจรปิด ทำให้อดย้อนคิดคืนวันนั้นที่หล่อนร้องเพลงให้เขาฟังทั้งคืน
ตั้งแต่ตอนนั้นเย่เฉินก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เก่งกาจ เจ้าเล่ห์ ไม่ธรรมดา
เรื่องฟางเชามีลูกนี้ คาดว่าคงเป็นแผนการของหลิ่วหรูซือ
เย่เฉินกล่าวกับหลิวเจิ้งคุน “อาคุน คราวก่อนตอนที่นายเจอฟางเชา เขาอยู่ที่ประเทศไทย เขาไปทำอะไรที่นั่นกัน?”
หลิวเจิ้งคุนกล่าว “เหมือนว่าตั้งใจจะแปลงเพศแล้วใช้ชีวิตที่นั่น”
“ฮ่าๆ จริงเหรอเนี่ย?” ซีกวาหัวเราะ
เย่เฉินกล่าว “โทรหาฟางเชา บอกเขาไปว่าเขาเป็นพ่อคนแล้ว มีลูกสองคน”
“ครับ!”
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะเคยลงโทษฟางเชา แต่พอเห็นสภาพพ่อแม่ของเขาในตอนนี้ ก็เกิดสงสารจึงอยากจะช่วยพวกเขาสักหน่อย
ณ ล็อบบี้ หวังเจียเหยากล่าวว่า “เย่เฉินไม่ได้อยู่ที่อวิ๋นโจว ถ้าหากว่าเย่เฉินอยู่ที่นี่ พวกคุณคิดว่างานเลี้ยงครบรอบจะเงียบเหงาแบบนี้ไหมล่ะ?”
ตอนนี้เย่เฉินถือเป็นคนดังในวงการธุรกิจ ถ้าหากว่าเขาประกาศว่าจะจัดงานครบรอบเดือนให้ลูกๆ ล่ะก็จะต้องมีคนเป็นล้านเบียดกันมาเข้าร่วมงานแน่ๆ
หลิ่วหรูซือหยิบเอาซองอั่งเปาออกมาสองซอง “งั้นพวกเรานั่งกินข้าวที่นี่ได้แล้วหรือยัง? นี่คือน้ำใจเล็กน้อยที่เรายกให้ลูกๆ ของพวกเธอ”
คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูซือจะเตรียมเงินรับขวัญเด็กสองคนด้วย
หวังเจียเหยารับเงินมา “งั้นเชิญพวกคุณตามสบาย”
“ขอบใจ” หลิ่วหรูซืออดหันมองเด็กสองคนไม่ได้ “นี่คือเด็กผู้ชายใช่ไหม? ฉันคิดว่าเด็กผู้ชายหน้าตาเหมือนคุณเย่นะ โดยเฉพาะดวงตา”
เมื่อได้ยินคำพูดจองหลิ่วหรูซือ เย่เฉินก็ชะงักไป
“หลิ่วหรูซือเก่งจริงๆ กลายเป็นว่าปิดบังหล่อนไม่ได้!”
ส่วนหวังเจียเหยาได้ยินคำพูดนี้ก็ตกตะลึง หล่อนคิดไม่ถึงว่าเด็กๆ อายุน้อยแบบนี้แต่หลิ่วหรูซือกลับดูออก
ลูกชายเป็นของเย่เฉินแน่ๆ แต่ว่าจุดประสงค์ในการจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนวันนี้ก็เพราะอยากจะประกาศให้คนอื่นรู้ว่าลูกของเย่เฉินเป็นผู้หญิง
หวังเจียเหยากล่าว “คุณน้าหลิ่วลูกชายฉันแซ่หวังไม่ใช่แซ่เย่ค่ะ ถ้าเย่เฉินมาได้ยินมาเด็กผู้ชายหน้าเหมือนเขาล่ะก็ เขาคงจะไม่พอใจแน่ๆ”
หลิ่วหรูซือรีบร้อนขอโทษ “ขอโทษด้วยๆ ฉันดูไม่ดีเอง”
หลิ่วหรูซือไม่กล้าพูดจาเหลวไหล แล้วจึงเดินไปนั่งโต๊ะเดียวกับฟางเสียนจู่
แต่หลังจากที่พวกเขามาที่งานแล้วก็มีแขกมาร่วมงาน แต่พวกเขากลับนำของขวัญมาให้ ‘เย่เจียอิน’ คนเดียวเท่านั้น ไม่มีของขวัญให้แฝดชายอย่าง ‘หวังเจียเยว่’
เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาต่างมาร่วมงานเพราะเห็นแก่หน้าเย่เฉิน
แต่ว่าพวกเขาก็แค่มอบของขวัญเท่านั้น ไม่ได้มีใครอยู่ดื่มเหล้าต่อ เกรงว่าจะไปล่วงเกินเย่เฉิน
เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าใครก็รู้ว่าตระกูลหวังไปล่วงเกินเย่เฉินเข้า งานเลี้ยงครบรอบเดือนคนตระกูลหวังก็เป็นคนจัด ส่วนแขกที่มาร่วมงานจะเท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูของเย่เฉิน
ตระกูลหวังจัดงานเลี้ยงครบรอบเดือนในตอนกลางวันรอบหนึ่ง จัดงานเย็นอีกรอบ แต่บรรยากาศงานเลี้ยงกลับเงียบเหงาเหมือนเดิม
คนที่มาร่วมงานนั้นก็มีไม่กี่คน เย่เฉินส่งคนมาแอบสืบแล้วก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย
ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว คนตระกูลหวังเองก็เริ่มเก็บของ เตรียมจะออกจากโรงแรม หลังจากงานเลี้ยงจบลง
แต่ว่าฟากเย่เฉินกลับไม่ได้อะไรเลย
“หรือว่าตระกูลหวังจัดงานเลี้ยงครบเดือนก็แล้วก็ยังไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากหมอนั่นได้นะ? หรือว่าเขาไม่สนใจเลยว่าหวังเจียเหยาจะมีลูกหรือเปล่า?”
ในขณะที่เย่เฉินกำลังครุ่นคิดไปต่างๆนานา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ปลายสายคือ ศจ.ก่วนจากศูนย์ตรวจ DNA ประจำเทียนไห่!