เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 282 กล้าแตะต้องลูกสาวฉันเรอะ
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 282 กล้าแตะต้องลูกสาวฉันเรอะ
ตอนที่ 282 กล้าแตะต้องลูกสาวฉันเรอะ!
เย่เฉินอุ้มเด็กสาวไว้ในอ้อมแขน เขาในตอนนี้ทั้งปลาบปลื้มใจ รู้สึกผิดและตื่นเต้นไปหมด
เดิมคิดว่าตนเองเพิ่งได้เป็นพ่อคนในปีนี้ คิดไม่ถึงว่าเมื่อสามปีก่อนหน้านี้เขาก็เป็นพ่อคนแล้ว!
เด็กหญิงอยู่ในอ้อมแขนเย่เฉิน คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีท่าทีหวาดกลัวเพียงแต่ทำอะไรไม่ถูก
เย่เฉินอุ้มหล่อนต่ออีกประเดี๋ยว หลังจากนั้นก็มองดวงตาโตกลมของหล่อนพลางถาม “แม่หนูน้อย หนูชื่ออะไรคะ?”
เด็กหญิงตอบ “ชื่อเล่นชื่อซือซือค่ะ ชื่อจริงคือซูเย่เยว่”
เย่เฉินถามอีก “เย่จากคำว่าเย่เหว่าน (กลางคืน) เหรอคะ? ”
แม่หนูน้อยส่ายหน้า “เย่จื่อ (ใบไม้) ค่ะ”
ซึ่งเย่ที่ว่าก็คือเย่จากชื่อเขาเย่เฉิน!
ซูเย่เยว่!
คิดไม่ถึงว่าซูมู่ชิงจะใส่แซ่ของเขาเข้าไปในชื่อของลูกสาว!
เย่เฉินมองซูมู่ชิงอย่างซาบซึ้งใจ ซูมู่ชิงเม้มปากไม่พูดอะไร
เพียงแค่ไมกี่นาที ซูมู่ชิงก็ทำให้เย่เฉินตื้นตันใจไปแล้วถึงสองครั้ง!
ผู้หญิงคนนี้จะเกลียดเขาก็ได้ เกลียดที่เขาไม่ทำหน้าที่ของพ่อ
แต่หญิงสาวกลับไม่ทำเช่นนั้น หล่อนยินยอมจะเพิ่มแซ่ของเขาเข้าไปในชื่อทายาทของพวกเขา
เย่เฉินหันมองลูกสาวแล้วกล่าวเสียงอ่อนโยน “ซือซือ ฉันคือพ่อของหนู เรียกฉันว่าพ่อได้ไหม?”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในเมื่อเด็กหญิงคนนี้คือลูกสาวของเขา เขาก็จะทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด
เขาต้องการจะรับบุตรสาวคนนี้!
ซือซือเบิกตากว้างทำอะไรไม่ถูก หล่อนหันมองหน้ามารดาตนเองแล้วถาม “คุณแม่คะ เขาคือคุณพ่อของหนูเหรอคะ?”
ซู่มู่ชิงเคยโกหกลูกสาวของตนเองเรื่องพ่อของตนเองมาหลายครั้ง
คราวนี้หล่อนไม่อยากจะโกหกอีกต่อไป
น้ำตาของซูมู่ชิงเอ่อล้นในเบ้าตา ท่าทางที่งดงามอย่างยิ่งนั้นกลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนมากกว่า จากนั้นหล่อนก็พยักหน้าขณะมองบุตรสาว
ซือซือโผเข้าหาอ้อมอกของเย่เฉินอย่างดีอกดีใจ “คุณพ่อ! คุณพ่อ! หนูมีคุณพ่อแล้ว!”
ซือซือยิ้มอย่างดีอกดีใจ ส่วนเย่เฉินเมื่อได้ยินคำว่าพ่อจากปากเด็กหญิงก็ดีใจอย่างยิ่ง เป็นความรู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน!
ซือซือมองเย่เฉิน แล้วกล่าวถามเสียงอ้อแอ้“คุณพ่อคะ ทำไมคุณพ่อถึงเพิ่งมาซือซือล่ะคะ เพื่อนคนอื่นมีพ่อกันหมด มีแค่ซือซือที่ไม่มีพ่อ ซือซือเองก็อยากมีพ่ออยู่ด้วยกันนะคะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าสงสารของอีกฝ่าย เขาจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่น่าเอ็นดูของเด็กหญิง “ขอโทษด้วย ซือซือ พ่อมาหาหนูสายไปหน่อย อะไรเมื่อก่อนที่พ่อไม่เคยทำให้หนู ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปพ่อจะค่อยๆ ชดเชยให้หนูดีไหมคะ?”
“ค่ะ!”
ซือซือหัวเราะคิกคักแล้วโพล่งออกมา “พ่อขา อุ้มหนูขึ้นฟ้าหน่อยค่ะ! แม่ไม่มีแรง! ใกล้จะอุ้มหนูไม่ได้แล้ว!”
ถึงเด็กหญิงจะใบหน้าอวบกลม แต่ไม่ใช่เด็กตัวอ้วน แขนของเด็กหญิงยังเรียวเล็ก
ส่วนซู่มู่ชิงนั้นมีเรือนร่างที่จะต้องเป็นที่ริษยาของผู้หญิง เรือนร่างนั้นแบบบางจนมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยมีลูกมาก่อน
ถึงแม้ว่าซูมู่หลินจะเป็นคนออกกำลังกาย ร่างกายกำยำ แต่ซูมู่ชิงดูไปแล้วอ่อนแอ ไม่มีแรงอย่างเห็นได้ชัด
ในจุดนี้เย่เฉินเองก็เคยได้รับรู้มาบ้างแล้วตอนอยู่ในห้องดำเมื่อีปีก่อน
นี่เป็นข้อเรียกร้องแรกที่ลูกสาวเรียกร้องจากเขา เขาจะไม่ทำให้เด็กหญิงได้อย่างไร?
เย่เฉินรีบเข้าไปอุ้มเด็กหญิงขึ้นแล้วชูขึ้นสุดแขนทันที
“มา ชูซือซือของพ่อให้ลอยสูงๆ ไปเลย”
“คิกคิก…”
ซือซือหัวเราะอ้อแอ้ ทุกครั้งที่ชูเด็กหญิงขึ้นบนฟ้า หล่อนก็จะหัวเราะคิกคักเสียงดัง
ซูมู่ชิงมองทั้งสองคนข้างๆ ขณะซับน้ำตาแห่งความสุขไปพร้อมๆ กับยิ้มไปด้วย
……
ชั้นหนึ่งในเวลาเดียวกัน
หลี่ซาวเจี๋ยที่เป็นแขกคนสำคัญของตระกูลซู ชาที่ชงให้เขานั้นคือชาหงเผาจากเขาอู๋อี้ ชาชนิดนี้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทองคำเหลว’ มูลค่าแพงเกินจะเปรียบ
แต่ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยกลับไม่ได้มีอารมณ์จะดื่มชา ถึงขนาดที่ว่าไม่มีแก่ใจจะคุยกับพ่อแม่ของซูมู่หลิน ใบหน้ายังบูดเบี้ยวอย่างมาก
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวอย่าเป็นกังวล “ทำไมหมอนั้นถึงขึ้นไปด้านบนนานแบบนี้แล้วยังไม่ลงมาอีก?”
ซูมู่หลินนั่งตรงข้ามหลี่เฉิงเจี๋ย ไขว่ห้างพลางจิบชา
เขารู้ดีแก่ใจว่าพอเย่เฉินเจอพี่สาวเขาจะต้องมีเรื่องให้คุยกันมากมาย
และถึงพวกเขาจะคุยกันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่แปลก แล้วจะให้ลงมาเร็วๆ ได้ยังไง?
ซูมู่หลินกล่าวเสียงเรียบ “อาจจะเพราะพี่สาวของผมคุยกับคนขับรถของผมคนนี้ถูกคอล่ะมั้ง อย่างไรเสียคนขับรถของผมคนนี้ถึงแม้ว่าจะต่ำต้อย แต่หน้าตาหล่อนะครับ”
หลี่เฉิงเจี๋ยชักสีหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะรูปน่างสูงใหญ่ แต่หน้าตาน่ากลัว พวกผู้หญิงมักจะตกใจเสมอเมื่อเห็นหน้าเขา จึงไม่กล้าเข้าใกล้
แม่ของซูมู่หลินเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยไม่พอใจรีบร้อนกล่าว“มู่หลิน ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าแกไม่รู้ว่าพี่สาวเป็นคนยังไง หลายปีมานี้พวกเราแนะนำผู้ชายให้พี่เขาไปตั้งกี่คน? ที่หล่อๆ ก็ไม่น้อยมีคนไหนเข้าตาพี่แกบ้าง?”
จากนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยก็กล่าวต่อ “ซ่าวเจี๋ยเอ้ย สบายใจเถอะนะ มู่ชิงไม่ใช่ผู้หญิงที่มองคนจากภายนอกหรอกนะ”
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงเรียบ “ปีนี้มู่ชิงก็อายุ 26 แล้ว น่าจะเลยวัยที่มองคนจากหน้าตาไปนานแล้ว อีกอย่างผมกับมู่ชิงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ครับว่าหล่อนไม่ใช่ผ้หญิงประเภทนั้น แต่ว่าหมอนั่นที่เพิ่งขึ้นไป ผมว่าเขาไม่เหมือนคนดีอะไร ก็เลยเป็นห่วงมู่ชิง คุณอาทั้งสองครับ ผมขอขึ้นไปดูสถานการณ์ด้านบนหน่อยนะครับ”
ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะนั่งไม่ติด แล้วเป็นฝ่ายเดินขึ้นไปด้านบน
ซูมู่หลินยังคงนั่งต่อที่เดิม หัวเราะหึหึ ในใจหมายมั่นอยากเห็นอะไรสนุกๆ
หลี่เฉิงเจี๋ยสาวเท้าขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว เพิ่งไปถึงก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีของเด็กหญิงตัวน้อย
หลี่เฉิงเจี๋ยประหลาดใจ แล้วรีบร้อนเดินไปที่ห้องของซูมู่ชิง
ประตูห้องกำลังเปิดอยู่ ทันทีที่ขึ้นไปด้านบนเขาก็มองเห็นเย่เฉินกำลังอุ้มลูกสาวของซูมู่ชิง ชูขึ้นบนฟ้าแล้ววางลง
ทุกครั้งที่ชูเด็กสาวขึ้นบนฟ้า ซือซือจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ส่วนซูมู่ชิงเองก็มองพวกเขาสองคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็น!
ถึงแม้ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยจะรู้จักกับซูมู่ชิงมานาน แต่ว่าเขาไม่ได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้มาหลายปีแล้ว!
“ซูมู่ชิงยิ้มแล้วสวยจริงๆ…”
ในทันใดนั้นเองหลี่เฉิงเจี๋ยก็มองภาพตรงหน้าจนไม่อาจละสายตาไปได้!
รูปโฉมของซูมู่ชิง ถือได้ว่าเป็นหญิงงามลำดับหนึ่งของเมืองหลวง!
คนรวยในเมืองหลวงแห่งนี้มีใครบ้างที่ไม่อยากแต่งงานกับซูมู่ชิง!
แต่ว่าตอนนี้ในเมื่อซูมู่ชิงมีลูกของผู้ชายคนอื่น หลี่เฉิงเจี๋ยก็ยังคงจีบหล่อนไม่ติด
เขาโมโห!
ตอนนี้พอมาเห็นคนขับรถของซูมู่หลินทำให้แม่ลูกสองคนมีความสุขได้ขนาดนี้ หลี่เฉิงเจี๋ยก็หัวเสียยิ่งกว่าเดิม!
“หมอนี่ฉลาดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะรู้จักจับจุดเล่นกับลูกสาวของซูมู่ชิง ฉันนี่มันโง่งมจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกฉันน่าจะเล่นกับลูกสาวของหล่อนดีกว่า”
หลี่เฉิงเจี๋ยพอจะมองออกว่าเย่เฉินมีใจให้ซูมู่ชิง จึงรีบเดินเข้าไปด้านใน
“นายทำอะไร!”
หลี่เฉิงเจี๋ยตะโกนกร้าวแล้วชี้หน้าเย่เฉิน “รีบปล่อยมือสกปรกๆ ของแกเดี๋ยวนี้! ขี้ข้าอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องตัวซือซือ?”
ขี้ข้า?
เย่เฉินกับซูมู่ชิงตกใจ
ซูมู่ชิงไม่รู้ว่าสถานะของเย่เฉินในตอนนี้คือคนขับรถของซูมู่หลิน จะสงสัยก็ไม่แปลก
แต่เย่เฉินกลับคิดไม่ถึงว่าคนรวยในเมืองหลวงนี้จะถึงขนาดเห็นคนขับรถเป็นขี้ข้า
พอตะโกนห้ามเย่เฉินแล้ว ใบหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยก็อ่อนโยนลงอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปหาซือซือแล้วยื่นมือสองข้างออกมา
“ซือซือ หนูอยากจะบินใช่ไหม? ให้อาอุ้มหนูดีไหม? อาอุ้มหนูได้สูงกว่านี้อีกนะ”
“ไม่เอาค่ะ!”
ดูไปแล้วเหมือนซือซือจะหวาดกลัวหลี่เฉิงเจี๋ยอย่างมาก แม่หนูรีบร้อนเดินไปข้างตัวซูมู่ชิง แล้วกอดขามารดาเอาไว้แน่น
หลี่เฉิงเจี๋ยรู้จักความชอบของซือซือเป็นอย่างดี จึงดึงดันไม่อยากจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป จึงสาวเท้าเดินไปด้านหน้านั่งยองๆ ลงพลางกล่าว “ซือซือไม่ต้องอายนะ มา เดี๋ยวอาอุ้มหนูเอง”
หลี่เฉิงเจี๋ยเพิ่งจะยื่นมืออกไปเพื่อจะดึงดันอุ้มแม่หนูน้อย แต่จู่ๆ ก็มีมือใหญ่ผลักเขาไปอีกทาง
นั่นคือเย่เฉิน!