เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 291 ใครเป็นขอทาน
ตอนที่ 291 ใครเป็นขอทาน!
โรงพยาบาลหุยหลง สถาบันตรวจ DNA
เย่ฉินจอดรถเสร็จ แล้วก็เดินเข้าตึกไปกับซูมู่ชิงและซือซือ
เป็นเพราะกลัวจะเจอคนรู้จัก ซูมู่ชิงเลยไม่ได้ไปศูนย์ตรวจ DNA ที่อยู่ในโรงพยาบาลทหารหรือโรงพยาบาลที่อยู่ในเขตทหาร แต่เลือกมาตรวจกันที่นี่
สถานที่ที่สามารถตรวจ DNA ต่างก็มีชื่อเสียง เพียงแต่ว่าที่นี่มีคนค่อนข้างมาก และวุ่นวาย
ทั้งสามคนเพิ่งมาถึงปากทางก็เห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกัน แล้วพนักงานหลายคนต่างก็พยายามจะห้ามปรามพวกเขา
ชายวัยกลางคนด่าผู้หญิงคนนั้น “นังแพศยา แกมันวันทอง สวมเขาให้ฉัน เด็กไม่ใช่ลูกฉัน คิดไม่ถึงว่าแกจะหลอกฉันมาถึงแปดปี!”
เห็นได้ชัดว่าการวิวาทเรื่องนี้สาเหตุเป็นเพราะผลการตรวจ DNA ออกมาว่าลูกไม่ใช่ของเขา
ส่วนชายหญิงที่เดินออกมานี้กลายเป็นผู้ชายเป็นฝ่ายเดินตามขอโทษฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายหญิงมีท่าทีไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
ชายคนนั้นกล่าว “ขอโทษนะครับที่รัก ผมไม่ควรสงสัยคุณ”
ฝ่ายหญิงกล่าวว่า “ไสหัวไป! คิดไม่ถึงเลยว่านายจะสงสัยว่าลูกไม่ใช่ของนาย ฉันรักนายขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่านายจะสงสัยฉัน เราหย่ากันเถอะ!”
ต่อมามีชายหญิงที่อ่อนวัยกว่าอีกคู่หนึ่ง ดูไปแล้วพวกเขาสองคนยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำไป ผมเด็กผู้ชายเป็นสีทองสะดุดตาเชียว
ฝ่ายชายกล่าว “ฮ่าๆ เด็กไม่ใช่ลูกฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วล่ะ”
หญิงสาวกลับไล่ตามชายหนุ่ม “ต่อให้เด็กไม่ใช่ลูกนาย แต่ฉันก็จะเกาะติดกับนาย! อย่างไรเสียฉันก็จะจับนายให้ได้!”
เขาเห็นความสัมพันธ์ต่างๆ ของชายหญิงมากมายที่นี่
เขาไม่เพียงย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาเองก็เคยระบายโทสะใส่หวังเจียเหยาตอนที่เขาพบว่าหนึ่งในลูกแฝดสองคนของหวังเจียเหยาไม่ใช่สายเลือดของเขา
“เฮ้อ คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาตรวจ DNA อีกครั้งไวขนาดนี้”
เปรียบกับครั้งก่อนแล้ว ครั้งนี้เย่เฉินไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย
หนึ่งคือเขาคิดว่าซูมู่ชิงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาหลอกเขา
อนึ่งถ้าหากว่าซือซือไม่ใช่ลูกเขา เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีกับเขาอยู่ดี
เขาจะสามาถอยู่กับฉินหงเหยียนเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องซือซือกับซูมู่ชิงแล้ว
ตอนที่ทั้งสามคนเพิ่งเดินเข้ามา ก็มีชายวัยกลางคนท่าทางแปลกประหลาดจ้องพวกเขาสามคน
ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินมาจ้องซูมู่ชิง แล้วตะโกนด่า “อีตัว! น่าอายจริงๆ!”
เย่เฉินกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนบ้าแล้วทำร้ายสองคนแม่ลูก เลยปราดเข้าไปขวางตรงหน้าแล้วกล่าวกับอีกฝ่าย
“คุณผู้ชาย ระวังคำพูดด้วย!”
ชายวัยกลางคนนั้นเห็นเย่เฉินปกป้องซูมู่ชิง ก็ด่าเขา “แกมันไอ้แมงดา!”
เย่เฉินหัวเสีย “ไม่เคยโดนตีมาก่อนล่ะสิ?”
ชายวัยกลางคนแทบไม่มีท่าทีหวาดกลัวเย่เฉินด้วยซ้ำ “แกพาเมียแกมาตรวจ DNA งั้นก็เท่ากับเมียแกนอกใจ ทำผิดต่อแก! ผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่โสเภณีแล้วจะเป็นอะไร? ส่วนแกปกป้องผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่แมงดาแล้วเป็นอะไร?”
ซือซือได้ยินแล้วก็โกรธมาก “ห้ามด่าพ่อกับแม่หนูนะคะ!”
ชายหนุ่มคนนั้นเห็นซือซือหน้าตาน่ารักเลยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่หนูน้อย แม่หนูอาจจะเป็นแม่ของหนู แต่พ่อของหนูอาจจะไม่ใช่พ่อของหนูก็ได้ แม่หนูสวยขนาดนี้คงจะต้องมีผู้ชายเยอะแยะไปทั่ว อาจจะไม่รู้ว่าพ่อของหนูเป็นใคร เหอะๆ”
ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เหยียดหยามซูมู่ชิง เย่เฉินจึงประเคนหมัดฟาดใส่หน้าเขาอย่างอดทนไม่ไหว
แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง “รปภ. ที่นี่มีคนโรคจิต รีบส่งไปโรงพยาบาลประสาทได้แล้ว!”
เย่เฉินจูงมือซือซือสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ซือซือรู้สึกไม่พอใจ เด็กหญิงถามเย่เฉินทันที “คุณพ่อคะ ทำไมคนนั้นต้องด่าแม่ด้วยคะ? คุณแม่เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกชัดๆ!”
เย่เฉินกล่าวกับซือซือ “เพราะว่าแม่ของหนูสวยมากๆ ไงล่ะ ผู้ชายจำนวนมากต่างก็ชอบหล่อน แต่แม่ของลูกไม่ชอบพวกเขา พวกเขาก็เลยอิจฉาเลยว่าให้แม่ของลูก คนแบบนี้มีเยอะแยะมากมายในโลก ในอนาคตซือซือโจมาสวยเหมือนคุณแม่ พอถึงตอนนั้นหนูจะเข้าใจเอง”
ซือซือเลยถามต่อ “งั้นคุณพ่อได้เป็นแฟนคุณแม่ทำไมไม่แต่งงานกับแม่ล่ะคะ? พ่อแม่เด็กคนอื่นแต่งงานกัน พ่อจะแต่งงานกับแม่ไหมคะ?”
คำถามนี้ทำให้เย่เฉินไม่รู้จะตอบเด็กหญิงว่าอย่างไรดี
เขามองซูมู่ชิงด้วยใบหน้าเก้อเขิน
เย่เฉินทำได้เพียงหลอกซือซือไปก่อน “พ่อกับแม่เคยแต่งงานกัน ตอนลูกยังไม่เกิดเราก็แต่งงานกันแล้วไง!”
“คนโกหก” เหมือนว่าซือซือจะไม่เชื่อ “พ่อกับแม่ยังไม่มีรูปแต่งงานกันด้วยซ้ำ ในห้องของคุณตาคุณยายยังมีรูปแต่งงานเลย แต่ไม่เห็นมีของพ่อกับแม่เลย”
เย่เฉินยังหลอกล่อเด็กหญิงต่อ “พวกเราก็แต่งงานกันนะแค่ไม่ได้เอารูปออกมาแขวนไง อยู่ในตู้”
“งั้นอีกเดี๋ยวกลับไป หนูจะดูรูปแต่งงานของพ่อกับแม่” ซือซือกล่าว
“แค่ก…ได้!” เย่เฉินก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับปากลูกสาวไปก่อน
เห็นท่าทางจนปัญญาของเย่เฉิน ซูมู่ชิงกล่าวพลางยิ้ม “แม่หนูน้อยคนนี้ไม่ยอมลดไม่ยอมละเลยใช่ไหล่ะคะ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “สามปีมานี้คุณคงลำบากมากจริงๆ”
เย่เฉินพบว่าเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งเป็นเรื่องเหนื่อยล้าอย่างมาก
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไปลงทะเบียนเพื่อขอตรวจ DNA
ไม่นานนักทั้งสามคนก็เดินออกจากศูนย์ตรวจ DNA ไปที่ลานจอดรถ
เย่เฉินเพิ่งจะสตาร์ทรถเพื่อเตรียมจะขับออกจากลานจอดรถ
ทันใดนั้นเองรถ SUV ราคาหลายล้านหยวนคันหนึ่งขับมาปาดหน้ารถของเย่เฉิน ขวางทางออกของเขา!
มีชายสองคนลงมาจากในรถ คนขับรถคือเฉียนช่วนจื่อที่ท่าทางไม่น่ามอง ส่วนคนที่เดินลงมาจากข้างคนขับรถก็คือหลี่เฉิงเจี๋ย!
หลี่เฉิงเจี๋ยเดินลงมาจากรถหยุดลงตรงด้านหน้ารถ JEEP สีแดงของซูมู่ชิง เขาชี้ไปที่เย่เฉินที่นั่งหลังพวงมาลัยแล้วกล่าว
“แกลงมา!”
“อยากตายล่ะสิ!”
เย่เฉินเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยอีกครั้งย่อมต้องไม่พอใจ
คิดไม่ถึงว่าหมอนี่จะไม่เห็นหัวใครในสายตา เรียกเขาเป็นหมารับใช้ เมื่อวานโดนเขาเตะยังไม่พอสินะ!
เห็นเย่เฉินลงจากรถ ซูมู่ชิงก็รีบร้อนลงมาจากที่นั่งด้านหลังแล้วสาวเท้าเดินไป “หลี่เฉิงเจี๋ยทำอะไร?”
หลี่เฉิงเจี๋ยมองทั้งสองคนแล้วตะคอก “ผมทำอะไรน่ะเหรอ? ผมสิต้องถามว่าพวกคุณทำอะไร! คุณพาซือซือมาทำอะไรที่นี่”
เมื่อซูมู่ชิงอยู่กับเย่เฉินหล่อนใจเย็นและอ่อนหวาน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลี่เฉิงเจี๋ยกลับแสดงความเด็ดขาดของหญิงสาวในเมืองหลวงออกมา
“ฉันพาลูกสาวฉันไปที่ไหนเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณมีสิทธิ์อะไรมาถามฉัน?”
หลี่เฉิงเจี๋ยหัวเสีย ตอนนี้ในวงสังคมของเขาทุกคนต่างก็รู้กันว่าตอนนี้เขากำลังตามจีบซูมู่ชิง และต้องการแต่งงานกับหล่อน
แต่ถ้าเพื่อนเขารู้เรื่องวันนี้เข้าจะไม่หัวเราะเยาะเขาแย่เลยเหรอ!
หลี่เฉิงเจี๋ยตวาด “คุณเป็นคู่หมั้นผมต้องเป็นเรื่องของผมอยู่แล้ว! ไอ้แมงดา นี่ใช่พ่อของซือซือหรือเปล่า? เขามีอะไรกับคุณใช่ไหม?”
เย่เฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ซูมู่ชิงก็ยกมือขึ้นสะบัดมือฟาดหน้าหลี่เฉิงเจี๋ย!
เพี้ยะ!
ซูมู่ชิงที่มองดูเหมือนอ่อนแอบอบบาง แต่พอลงไม้ลงมือกับคนอื่นขึ้นมากลับดูมีเรี่ยวมีแรงมากทีเดียว “หลี่เฉิงเจี๋ย! ฉันขอพูดอีกที ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ! ต่อให้พ่อแม่ฉันเห็นด้วยกับการแต่งงานของเรา ฉันก็ไม่แต่งงานกับคุณ คุณเลิกโง่งมได้แล้ว!”
เย่เฉินหงุดหงิด เมื่อวานเขาซ้อมหลี่เฉิงเจี๋ยไปรอบหนึ่งเพราะหวังว่าต่อไปหลี่เฉิงเจี๋ยจะไม่มาเกาะแกะซูมู่ชิงอีก
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะมาเจอเขาอีกรอบ
เย่เฉินเดินไปหาหลี่เฉิงเจี๋ย ใบหน้าฉายแววเหี้ยมโหด “เรียกใครเป็นขอทาน? พูดอีกรอบที!”