เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 327 งานแต่งงานของฉินหงเหยียน
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 327 งานแต่งงานของฉินหงเหยียน
ตอนที่ 327 งานแต่งงานของฉินหงเหยียน!
หลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ เย่เฉินไม่ได้สั่งให้หลิวเจิ้งคุนถล่มงานแต่งของฉินหงเหยียน
เพราะเย่เฉินคิดว่าพ่อของเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของฉินหงเหยียน ต่อให้เขารักหญิงสาวมากเท่าไหร่ก็ไม่มีหน้าจะทำเช่นนั้น
ฆ่าพ่อของหล่อนแล้วจะให้ถล่มงานแต่งหล่อนอีกเหรอ?
เย่เฉินทำไม่ลง!
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าพ่อของหญิงสาวยังไม่ตาย พวกเขาไม่ใช่ศัตรูกัน!
ฉินหงเหยียนก็ไม่จำเป็นต้องเลิกกับเขา และไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับสวี่ฉู่หมิง
เย่เฉินย่อมมีสิทธิ์จะแย่งตัวหล่อนกลับมา!
เมื่อชายหนุ่มขึ้นเครื่อง เครื่องบินก็โผทะยานพุ่งขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว!
แต่ในตอนนี้เอง ฉินเสี่ยวตั่วเพิ่งฟื้นได้สติ เมื่อเห็นเย่เฉินกลับมาแล้ว หญิงสาวก็หันหลังให้เขาทันที
เมื่อครู่ที่ฉินเสี่ยวตั่วตบหน้าเย่เฉิน หญิงสาวลั่นว่าชีวิตนี้ไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก
ที่จริงนี่ถือเป็นวิธีที่เมตตามากทีเดียว
หล่อนพูดแบบนี้ แปลว่าหล่อนไม่มีทางล้างแค้น ไม่มีทางไปตามสังหารพ่อของเย่เฉิน
ถ้าหากเป็นหญิงสาวคนอื่นที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ก่อนจะไปหล่อนคงต้องทิ้งท้ายไว้ว่า “ฉันจะฆ่าพ่อนายเพื่อล้างแค้นให้พ่อฉัน”
“เสี่ยวตั่ว”
เย่เฉินสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย
ฉินเสี่ยวตั่วตะคอก “อย่าเดินมา! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก! นายเป็นลูกชายฆาตกร! ตระกูลเย่ของนายมันเป็นไอ้คนสารเลว!”
เย่เฉินรีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดภาพบิดาของหญิงสาวแล้วยื่นให้อีกฝ่ายดู “เสี่ยวตั่ว พ่อคุณยังไม่ตาย พ่อผมไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ คุณดูนี่สิ นี่คือภาพใหม่ของเขา”
ในวินาทีที่หญิงสาวเห็นภาพถ่ายบิดาน้ำตาก็ไหลออกมา
เย่เฉินต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะแยกแยะจริงเท็จได้ แต่ฉินเสี่ยวตั่วเป็นลูกสาวของฉินอ้าวหมิง หล่อนมองแค่ปราดเดียวก็มองออกว่าคนผู้นี้คือพ่อแท้ๆ ของตนเอง!
“คุณพ่อยังไม่ตาย! พ่อฉันยังไม่ตาย!”
ฉินเสี่ยวตั่วตื้นตันใจจจนน้ำตาไหลอาบหน้า หล่อนมองเย่เฉินอย่างมีความสุข“พ่อนายไม่ได้ฆ่าพ่อฉัน งั้นนายก็ไม่ใช่ศัตรูของฉันน่ะสิใช่ไหม?”
เย่เฉินระบายยิ้ม เขายื่นมืออกไปเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวแล้วกล่าว “เด็กโง่ ผมไม่ใช่ศัตรูของคุณอยู่แล้วผมกับคุณและหงเหยียนเป็นครอบครัวเดียวกันที่รักกันมากที่สุดอยู่แล้ว”
“พี่เย่เฉิน!”
ฉินเสี่ยวตั่วโถมตัวเข้าอ้อมกอดเย่เฉินแล้วกอดเขาแน่น
ในส่วนลึกของจิตใจหญิงสาวชอบเย่เฉินคนนี้อย่างมาก หล่อนไม่อยากเป็นศัตรูกับเขาจริงๆ
“ฉันจะโทรหาพี่เดี๋ยวนี้!”
ฉินเสี่ยวตั่วกล่าวอย่างดีใจ
เย่เฉินกล่าวว่า “จากที่ผมรู้จักนิสัยของฉินหงเหยียน หล่อนไม่เชื่อหรอก ถ้าจะให้หล่อนเชื่อเรา เราสองคนก็ทำได้แค่ไปโผล่ที่งานแต่งก่อนงานแต่งจะเริ่มแล้วผมเอารูปถ่ายใบนี้ให้หล่อนดูเองกับตา”
“ค่ะๆ!”
ฉินเสี่ยวตั่วกอดเย่เฉินอย่างดีอกดีใจอีกครั้ง
……
เวลา 17.40 ตามเวลาเมืองหลวง ประเทศจีน
ณ โรงแรม Grand Skylight เมืองเสินเฉิงเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 20 นาทีก่อนงานแต่งงานจะเริ่ม
“คุณหวงประธานบริษัทจวี้ตัวตัวมาถึงแล้ว!”
เสียงดังกังวานของพนักงานดังขึ้นที่หน้าประตู
หวงเฉิงหมิงประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เดินเข้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แถมในมือยังถือของขวัญที่มีมูลค่ามาด้วย
“คุณสวี่ คุณฉิน ดีใจด้วยนะครับ”
หวงเฉิงหมิงเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับสวี่ฉู่หมิงและฉินหงเหยียน
ส่วนสวี่ฉู่หมิงเองในตอนนี้สวมชุดสูทตัวเก๋ ส่วนฉินหงเหยียนอยู่ในชุดเจ้าสาว !
เป็นครั้งแรกในชีวิตของหญิงสาวที่ได้สวมชุดเจ้าสาว คิดไม่ถึงว่าเจ้าบ่าวจะไม่ใช่เย่เฉินแต่เป็นสวี่ฉู่หมิง!
หล่อนในชุดเจ้าสาวดูสะสวย โดดเด่น บริสุทธิ์ สูงส่งอย่างเห็นได้ชัด ทำให้แขกทุกคนในงานต่างอดมอง อดถ่ายภาพไม่ได้
สวี่ฉู่หมิงจับมือกับหวงเฉิงหมิง “ขอบคุณคุณหวงนะครับ เชิญนั่งเถอะ”
“ตระกูลหลิ่ว จากเทียนไห่!”
พนักงานที่หน้าประตูตะโกนเสียงดังอีกครั้ง
แล้วคนตระกูลหลิ่วทั้งหลิ่วหย่วนหาง หลิ่วอวี่เจ๋อ หลิ่วเฟิ่งรวมไปถึงพ่อแม่ของพวกเขาสองคน ขนาดหลิ่วหรูซือที่ตระกูลหลิ่วไม่ได้ยอมรับก็ยังมาร่วมงานด้วยกัน!
คนทั้งสามรุ่นของตระกูลมากันพร้อมหน้า ตะลอนมาไกลเพื่อมาเข้าร่วมงานแต่งานครั้งที่สองของสวี่ฉู่หมิง แสดงให้เห็นความจริงใจและความสำคัญที่พวกเขามีต่ออีกฝ่าย!
หลิ่วหย่วนหางและสวี่ฉู่หมิงเป็นพี่น้องร่วมสบาย เขาสาวเท้าเดินไปหาแล้วกล่าว “น้องสวี่ดีใจด้วยนะ!”
ตอนนี้ตระกูลหลิ่วโดนเย่เฉินเล่นงานจนกลายเป็นตระกูลธรรมดาๆ ในเทียนไห่ ไม่ได้รุ่งเรืองอย่างที่ผ่านมา
แต่ว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็ยังคงเกรงใจคนตระกูลหลิ่วเหมือนเดิม
สวี่ฉู่หมิงสวมกอดอีกฝ่ายแล้วกล่าว “ขอบคุณพี่ใหญ่จริงๆ ที่มาร่วมงานของผม”
“คุณอาสวี่ พี่หงเหยียน ดีใจด้วยนะครับ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อและหลิ่วเฟิ่งต่างก็แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยท่าทีเคารพนับถือ
แต่ว่าตอนที่เห็นหลิ่วอวี่เจ๋อ สีหน้าสวี่ฉู่หมิงก็ไม่ใคร่จะพอใจนัก
เพราะช่วงก่อนนี้คิดไม่ถึงว่าหลิ่วอวี่เจ๋อจะสร้างฉินหงเหยียนปลอม โดยไปหาผู้หญิงกลางคืนมาศัลยกรรมใบหน้าให้คล้ายๆ กับฉินหงเหยียน
แถมยังให้ผู้หญิงคนนั้นไปนอนกับเหอเหวินเจี้ยนอดีตรองผู้บริหารของบริษัทไป๋ลี่ เพื่อจะได้ลองมีประสบการณ์อันน่าอภิรมย์กับฉินหงเหยียนตัวปลอม
ตอนนี้หญิงสาวกลายเป็นภรรยาเขาแล้ว เขาย่อมรู้สึกเหมือนโดนอีกฝ่ายดูเหมิ่นเหยียดหยาม
แต่ว่าสวี่ฉู่หมิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเหอเหวินเจี้ยนนักหรอก
เมื่อหลายวันก่อนที่เขาจงใจหลบหน้าเย่เฉิน แล้วส่งคนไปจ้างผู้หญิงที่ศัลยกรรมจนเหมือนฉินหงเหยียนให้มาหาเขา
ในตอนที่ฉินหงเหยียนยังไม่รับปากว่าจะยอมมีอะไรกับเขา เขาก็ระบายอารมณ์ทั้งหมดกับฉินหงเหยียนคนนั้น
“ในที่สุดคืนนี้ฉันก็จะได้นอนกับฉินหงเหยียนตัวจริงเสียที! ไม่รู้ว่าหล่อนจะมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนหรือเปล่า!”
สวี่ฉู่หมิงมองฉินหงเหยียนที่สวยหยาดเยิ้มอย่างตื่นเต้น เหมือนกับว่าตนเองไม่เคยได้ครอบครองหญิงสาวคนนี้มาก่อน
และแล้วก็ถึงเวลา 18.50 น.
“ตระกูลซู จากเมืองหลวง!”
เมื่อได้ยินคำว่าตระกูลซูจากเมืองหลวง สวี่ฉู่หมิงก็รีบรวบรวมสติ ไม่คิดเรื่องเลอะเทอะเหลวไหล เขาคว้าแขนฉินหงเหยียนแล้วกล่าว
“เร็ว รีบไปต้อนรับคุณซูกับฉัน!”
ฉินหงเหยียนที่รู้ว่าตระกูลซูที่ว่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยและสูงส่งที่สุดในบรรดาแขกเหรื่อทั้งหมดที่นั่งอยู่ในงาน!
ก็รีบร้อนจัดแจงชุดแต่งงาน ก่อนจะเดินตามสวี่ฉู่หมิงไป
แล้วจึงพบว่าที่หน้าประตูนั้น คนตระกูลซูจากเมืองหลวงมากันหลายรุ่นทีเดียว!
ซูมู่หลินและซูมู่ชิงที่เป็นทายาทรุ่นที่สามมากันตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน
แต่ยังมีซูมู่เสวี่ย ซูมู่ชิวทายาทรุ่นที่สามของตระกูลซูอีกสองคน คิดไม่ถึงว่าพวกเขาก็จะมาร่วมงานด้วย
นอกจากทั้งสี่คนนี้ยังมีหัวหน้าใหญ่ตระกูลซูที่ดูทรงอำนาจอย่างยิ่ง ซูเจิ้นหาง!
“สวรรค์ท่านผู้นั้นคือท่านซูจากเมืองหลวงใช่ไหมน่ะ?”
“เขาคือซูเจิ้นหางเหรอ?”
“หุบปาก! ไปเรียกชื่อเขาตรงๆ! อยากตายหรือไง!”
“สวี่ฉู่หมิงเป็นแค่นักธุรกิจที่ไม่เคยข้องแวะการเมือง มีทรัพย์สินแค่ไม่กี่แสนล้าน คิดไม่ถึงว่าท่านซูจะมาร่วมงานแต่งงานของเขาด้วยตัวเอง ไว้หน้าเขาจริงๆ!”
แขกคนอื่นๆ ในงานต่างก็เริ่มรวมหัวซุบซิบนินทา
สวี่ฉู่หมิงเองก็รีบร้อนเดินตรงไปที่ประตูแล้วจับมืออีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น “ท่านซูครับ ท่านมาร่วมงานของผมด้วยตัวเองแบบนี้ ผมทั้งตื้นตันทั้งซาบซึ้งเลยล่ะครับ!”
ซูเจิ้นหางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งานแต่งของน้องสวี่ผมจะไม่มาได้ยังไง? ท่านนี้คือคุณนายสวี่ใช่ไหมล่ะ?”
ซูเจิ้นหางหันมองฉินหงเหยียน
ฉินหงเหยียนเองจึงรีบแนะนำตัวเองกับอีกฝ่ายทันที “ท่านซูสวัสดีค่ะ ได้ยินชื่อท่านมานานวันนี้เพิ่งมีโอกาสได้พบท่าน ฉันชื่อฉินหงเหยียนค่ะ”
ซูเจิ้นหางมองประเมินหญิงสาวตรงหน้าแล้วพยักหน้ารับไม่หยุด “ใช้ได้ๆ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้คุณนายซูเป็นประธานบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เชียวนี่มู่ชิง มู่เสวี่ย พวกหลานจะต้องเรียนรู้จากผู้หญิงเก่งแบบคุณนายสวี่เข้าใจไหม”
ซูมู่ชิงและซูมู่เสวี่ยรีบหันไปกล่าวกับฉินหงเหยียนทันที “คุณนายสวี่ชี้แนะด้วยนะคะ”
ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงว่าท่านซูที่ยิ่งใหญ่คนนี้จะเยินยอตนเอง จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
สวี่ฉู่หมิงรีบร้อนตอบ “ไม่กล้าให้คำชี้แนะอะไรหรอกครับ เราพูดคุยกัน พูดคุยกัน คุณซู เชิญนั่งเลยครับ!”
“อืม”
พวกคนตระกูลซูค่อยๆ เดินทอดน่องเข้างานช้าๆ
ห้านาทีผ่านไป แขกสองคนสุดท้าย ชายหญิงคู่หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
“ขออนุญาตสอบถามหน่อยครับว่าทั้งสองท่านมาจากไหน?”
พนักงานที่หน้าประตูเห็นหญิงสาวใบหน้างดงามก็กลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยถาม
หญิงสาวใบหน้าหมดจด กล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ตระกูลหวังจากอวิ๋นโจว!”