เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 352 เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 352 เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ
ตอนที่ 352 เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ!
เมื่อหลี่เฉิงเจี๋ยรู้ว่าหญิงสาวตัดสินใจแต่งงานกับเขาด้วยอารมณ์ เขาจึงรีบเตือนสติหญิงสาวทันที
เขาที่เชื่อมั่นในหลักการปิตาธิปไตยอย่างมาก สิ่งที่เขาสนใจที่สุดก็คือหน้าตาของตัวเอง ไม่มีทางยอมให้ซูมู่ชิงทำอะไรตามใจตนเอง คิดจะแต่งก็แต่ง คิดจะล้มงานแต่งก็ล้มเด็ดขาด
ส่วนซูมู่ชิงเองเป็นคนที่รู้จักผ่อนหนักเบา หล่อนมองผู้ชายที่ตนเองไม่ชอบนักแล้วกล่าว
“คุณสบายใจได้ ในเมื่อฉันตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับคุณ ฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่”
หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้มออกมาอย่างดีใจ เขาเองก็พอรู้ว่าซูมู่ชิงเป็นคนหนักแน่น เป็นหญิงสาวที่เหมาะจะเป็นศรีภรรยาอย่างยิ่ง
ไม่เหมือนบรรดาลูกสาวของตระกูลร่ำรวยที่เอาแต่งอแง สร้างปัญหา
ดังนั้นหลี่เฉิงเจี๋ยจึงคุยกับซูมู่ชิงเรื่องงานแต่งงานของพวกเขาอย่างอารมณ์ดี
เช่นควรจะไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่ไหน? จะในประเทศหรือเมืองนอกดี?
หรือว่าชอบแหวนแบบไหน? ชอบชุดแต่งงานแบบไหน?
หรือไม่ก็ใครจะรับหน้าที่เพื่อนเจ้าสาว? จะเชิญดารามาไหม?
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังคุยเรื่องงานแต่งงาน เย่เฉินก็กำลังสอนเปียโนบุตรสาว
สองชั่วโมงต่อมา
ซูมู่ชิงและหลี่เฉิงเจี๋ยถึงเดินมาดูเย่เฉินกับซือซือ
หญิงสาวตกตะลึง ซือซือนั้นไม่เคยนั่งนิ่งๆ เล่นเปียโนได้สองชั่วโมงมาก่อนตั้งแต่เริ่มเรียนเปียโนมา ปกติแล้วเด็กหญิงอดทนตั้งใจเรียนได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะงอแงขอออกไปเล่นแล้ว
และเป็นไปอย่างนั้นจริงๆ พ่อมักจะสอนลูกๆ ได้ดีกว่าคุณครูทุกคน หญิงสาวยิ่งมั่นใจว่าคนเป็นพ่อนั้นมีอิทธิพลกับการเติบโตของลูกสาวอย่างมาก ซูมู่ชิงไม่อยากให้ซือซือต้องขาดสิ่งนี้ไป
ซูมู่ชิงเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของซือซือ จากนั้นก็ปัดปอยผมลูกสาว ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ซือซือเก่งจัง ซ้อมเปียโนได้ตั้งนานหนูเหนื่อยหรือยัง? ทานข้าวกันนะคะ”
ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยงแล้ว ซือซือจึงรู้สึกหิวแล้วจริงๆ
“ค่ะ!”
ซูมู่ชิงอุ้มลูกสาวลงจากเก้าอี้
และในตอนนี้เองซูมู่ชิงเองก็กล่าวกับเย่เฉินด้วยมารยาท “คุณอยากจะอยู่กินข้าวที่นี่ต่อไหม?”
เมื่อคืนวานเย่เฉินพูดรุนแรงทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไปมาก ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น เมื่อต้องเจอหน้ากันอีกครั้งคงจะเห็นเขาเป็นศัตรูไปนานแล้ว!
แต่ว่าหลังจากที่เย่เฉินขอโทษแล้ว ท่าทีของหญิงสาวก็อ่อนลงไปมาก อีกทั้งยังชวนเย่เฉินกินข้าวที่นี่ด้วย!
“ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ”
เย่เฉินทอดถอนใจ แล้วกล่าว “ได้ครับ ผมเองก็อยากอยู่ต่อกับซือซืออีกหน่อย”
“ดีจังค่ะๆ!” ซิอซือปรบมืออย่างดีอกดีใจ
และในเวลานึ้เอง หลี่เฉิงเจี๋ยกลับกล่าวเสียงเย็นชา “ฉันว่านายโกหกนะเรื่องจะอยู่เป็นเพื่อนซือซือ แต่ที่จริงแล้วอยากกินข้าวฟรีที่นี่มากกว่าล่ะสิ? เย่เฉิน ตอนนี้เกรงว่ากระทั่งเงินกินข้าวเที่ยงก็น่าจะไม่มีล่ะสิ?”
สีหน้าเย่เฉินไม่สู้ดีนัก เพราะว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินกินข้าวเที่ยงจริงๆ!
ตอนนี้เขาไม่มีเงินเหลือสักแดง อีกทั้งยังไม่สามารถใช้แอพพลิเคชันจ่ายเงินต่างๆ ได้
หลี่เฉิงเจี๋ยที่เอาแต่อยากล้างแค้นเย่เฉิน ตอนนี้มาเจอเย่เฉินที่กำลังตกอับจะปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปได้ยังไง?
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวพลางระบายยิ้ม “มู่ชิง คุณอาจจะไม่รู้ เมื่อครู่เย่เฉินโบกรถมา แค่เงิน 15 หยวนยังไม่มีจ่าย สุดท้ายซือซือเป็นคนเอาเงินค่าขนมไปจ่ายให้เขา น่าขายหน้าจริงๆ ผมไม่เคยเจอผู้ชายที่น่าขายหน้าขนาดนี้!”
เยาเฉินใบหน้าแดงก่ำ เขาอยากจะระเบิดโทสะ แต่ว่าถ้าหัวเสียตอนนี้จะยิ่งยืนยันว่าเขาไร้ความสามารถ
มีแค่ต้องเอาเงินมาโยนใส่หน้าหลี่เฉิงเจี๋ยถึงจะอุดปากหมอนี่ได้!
แต่เย่เฉินทำไม่ได้!
ซูมู่ชิงตกตะลึง แล้วมองเข้าอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปได้ยังไง? แล้ววีแชทเพย์กับอัลลิเพย์ของคุณใช้ไม่ได้เลยเหรอ?”
เย่เฉ้นพยักหน้ารับ “ใช่ โดนอายัดหมดแล้ว”
หลี่เฉิงเจี๋ยเยาะเย้ย “ฮ่าๆ บัญชีธนาคารโดนอายัด แอพพลิเคชันต่างๆ ก็โดนระงับ คิดว่านายก็คงไม่ได้มีเงินสดเยอะแยะ ตอนนี้นายคงต้องเป็นขอทานในเมืองหลวง”
ซือซือไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของพวกผู้ใหญ่ แต่หล่อนพอจะมองออกว่าสีหน้าของบิดาไม่ค่อยสู้ดีนัก อีกทั้งยังเพราะเงินอีกด้วย
“พ่อคะ แม่มีเงิน! หนูจะไปเอาให้เองค่ะ!”
เย่เฉินและซูมู่ชิงยังไม่ทันได้ห้ามเด็กหญิง เจ้าหล่อนก็วิ่งแจ้นออกไป
จากนั้นเด็กหญิงที่วิ่งไปหยิบกระเป๋าเงินที่ไม่มีใครรู้ว่าไปเจอที่ไหนในห้องมารดา แล้วยื่นส่งให้บิดา “พ่อคะนี่ค่ะ!”
กระเป๋าเงินทรงยาวในมือเด็กหญิงพอจะมองออกว่ามีเงินยัดในนั้นมาก
เย่เฉินทั้งซาบซึ้งและเสียใจ
ซาบซึ้งที่ลูกสาวตนเองห่วงใยตนเองขนาดนี้ หนำซ้ำยังยกเงินให้ตนเองอีก
แต่ที่น่าเสียใจคือ เขาในฐานะที่เป็นพ่อของซือซือ กลับตกอับจนต้องให้ลูกสาวเอาเงินให้ตนเอง!
“ซือซือ พ่อรับไว้ไม่ได้หรอกนะคนดี ลูกรีบเอาคืนให้แม่เขาเถอะ”
เย่เฉินจะหยิบเงินจากบุตรสาวต่อหน้าซูมู่ชิงและหลี่เฉิงเจี๋ยได้ยังไง! นี่มันน่าขายหน้าชัดๆ!
ซูมู่ชิงหยิบธนบัตรร้อยหยวนทั้งหมดที่มีออกมาจากกระเป๋าเงิน น่าจะประมาณ 20 ใบซึ่งมีมูลค่าราวๆ สองพันหยวน
จากนั้นซูมู่ชิงจึงส่งเงินพวกนี้ให้เย่เฉิน “เย่เฉิน ถึงแม้ว่าฉันจะโกรธคุณเรื่องเมื่อคืนมาก แต่ว่าฉันแยกแยะได้ ที่ทรัพย์สินคุณโดนอายัดตอนนี้เป็นเพราะคุณปู่ของฉัน คุณเอาเงินนี่ไปใช้ก่อน ถ้าไม่พอฉันจะให้คุณอีก”
เรื่องทรัพย์สินของเย่เฉินโดนซูเจิ้นหางอายัดเอาไว้นั้น เมื่อหลี่เฉิงเจี๋ยรู้เข้าเขาไม่เพียงแค่ดีใจแทบบ้า แต่ยิ่งนับถือในอำนาจบารมีของท่านซูอีกด้วย!
หลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวพลางหัวเราะ “อ้อ ฉันก็ว่านายมาที่นี่ทำไมแต่เช้า แถมยังบอกให้แท็กซี่ขับมาถึงเสียไวจนชนรถฉัน ที่แท้นายมาเอาเงินที่นี่ นี่มันขอทานชัดๆ ไม่ใช่หรือไง?”
เฉียนช่วนจื่อที่ยื่นตรงประตูก็เสริม “ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่มาเพื่อขอเงินคุณนายน้อย ผมคงไม่แซงคุณแล้ว คนที่มาขอเงินเพื่อซื้อข้าวกินประทังชีวิตย่อมต้องรีบร้อนมากกว่าเราอยู่แล้ว”
เย่เฉินถลึงตามองสองนายบ่าวด้วยใบหน้าไม่พอใจ จากนั้นจึงยื่นมือไปผลักมือนวลที่ถือเงินของหญิงสาวอย่างนุ่มนวล “ขอบคุณมากนะครับ ผมขอรับน้ำใจของคุณเอาไว้ ต่อให้ทรัพย์สินผมโดนอายัดแต่ผมก็เชื่อว่าผมจะสามารถหาเงินเลี้ยงชีพตัวเองได้”
ซูมู่ชิงรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนเย่อหยิ่ง ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้เขายังได้รับสมญานามว่าเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศอยู่เลย!
บวกกับที่ตอนนี้พวกหลี่เฉิงเจี๋ยและเฉียนช่วนจื่อยังรอเยาะเย้ยเย่เฉิน เขาจะทนรับการเหยียดหยามแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ?
ดังนั้นซูมู่ชิงจึงไม่ทู่ซี้ต่อ “ก็ได้ งั้นเราไปกินข้าวด้วยกัน”
“อืม”
เย่เฉินและซูมู่ชิงโดนซือซือจูงมือไปแล้วหยุดตรงหน้าโต๊ะอาหาร
อาหารเลิศรสวางเรียงรายไว้พร้อมบนโต๊ะอาหาร ส่งกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล
มีอาหารชื่อดังอย่างซุปหัวสิงโต มีซุปพระกระโดดกำแพงราคาแพง และยังมีเป็ดปักกิ่งที่เป็นอาหารชื่อดังในเมืองหลวงรวมไปถึง ปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวานที่เป็นอาหารที่มักใช้รับรองแขกต่างชาติ
อาหารบนโต๊ะนี้สามารถเรียกได้ว่ามีครบทุกอย่าง
หลี่เฉิงเจี๋ยนั่งลงอย่างวางท่า จากนั้นก็กล่าววว่า “มู่ชิง ซือซือ อาหารพวกนี้เชฟคนทำเป็นคนเดียวกับที่ทำอาหารให้นายกของนานประเทศ ทุกคนมาชิมกันเถอะ”
เย่เฉินพยักหน้ารับ เขาเองก็เป็นนักชิมเช่นกัน แค่ดูหน้าตาการจัดจาน เขาก็รู้แล้วว่าอาหารพวกนี้ไม่ธรรมดา
แต่ว่าตอนเขาหยิบตะเกียบขึ้นมา ทันใดนั้นเองหลี่เฉิงเจี๋ยก็ห้ามเย่เฉิน
“เย่เฉิน อาหารพวกนี้ ฉันสั่งมาให้ซือซือและซูมู่ชิง นายห้ามกิน!”