เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 371 คุณควรแต่งงานกับหล่อน
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 371 คุณควรแต่งงานกับหล่อน
ตอนที่ 371 คุณควรแต่งงานกับหล่อน!
“อะไรนะ? เป็นฝีมือคุณอีกแล้วเหรอ?!”
ดูไปแล้วกัวเยว่หมิงน่าจะเป็นห้วงซูมู่ชิงเป็นอย่างมาก บางทีความเป็นห่วงนี้ไม่ใช่แค่ความเป็นห่วงระหว่าหมอกับคนไข้เท่านั้น
ซูมู่ชิงสวยขนาดนี้ ไม่ว่าจะผู้ชายคนไหนก็ต้องหวั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อย?
กัวเยว่หมิงหงุดหงิด “ถึงผมจะรู้ว่าผมคงต่อยตีไม่ชนะคุณ แต่ผมก็อยากจะต่อยคุณมากนะ!”
กัวเยว่หมิงกล้าบ้าบิ่นดีทีเดียว รู้ทั้งรู้ว่าเย่เฉินแข็งแรง คิดไม่ถึงว่าจะปล่อยหมัดออกมาต่อยหน้าเขา
แต่ว่าแรงของเขานั้นไม่สามารถทำร้ายเย่เฉินได้ หรือไม่ระคายหนังเย่เฉินด้วยซ้ำไป เย่เฉยไม่ได้สนใจหมัดที่อีกฝ่ายต่อยเขา เขาถึงขนาดหวังให้ชายตรงหน้าต่อยเขาอีกเยอะๆ หน่อยเพื่อจะได้ชดเชยที่เขาเคยทำร้ายซูมู่ชิง!
กัวเยว่หมิงกล่าว “ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายก็ควรจะแต่งงานกับซูมู่ชิง! รับผิดชอบหล่อน! ไม่ใช่ปล่อยให้หล่อนไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น! นอกจากคุณแล้วหล่อนแต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็จะไม่มีความสุขทั้งนั้น!”
ที่จริงแล้วกัวเยว่หมิงเองก็เป็นคนโสด เขาชอบซูมู่ชิงมาก แต่ว่าสี่ปีมานี่เขาไม่กล้าคิดอะไรเกินเลยกับหญิงสาว และไม่กล้าจะตามจีบหล่อนด้วย
ไม่ใช่เพราะพื้นเพที่ยิ่งใหญ่ของซูมู่ชิง แต่เพราะกัวเยว่หมิงรู้ดีแก่ใจ ว่าในใจซูมู่ชิงนั้นมีแค่เย่เฉินคนเดียว
เย่เฉินไม่พูดอะไร ความรู้สึกของแต่ละคน คนอื่นจะไปรู้ได้อย่างไร?
ถ้าหากตอนนี้เขาสงสารซูมู่ชิงแล้วแต่งงานกับหล่อน อย่างนั้นฉินหงเหยียนล่ะ?
เขาไม่อาจช่วยผู้หญิงอีกคนแล้วไปทำร้ายผู้หญิงอีกคนได้
“ผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนหล่อน”
เย่เฉินชันตัวลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้อง จากนั้นเดินตรงไปที่ห้องพักของซูมู่ชิง
ซือซือยังลืมตากว้าง จ้องมารดาที่นอนหลับอยู่ เมื่อเห็นเย่เฉินเดินมา เด็กหญิงก็ยกมือขึ้นจุ๊ปาก เพื่อบอกให้บิดาเงียบ แล้วเดินเบาๆ อย่ารบกวนการพักผ่อนของมารดา
เย่เฉินรู้สึกภูมิใจแทนซูมู่ชิง เขาเดินช้าๆ แล้วพยายามย่องให้เบาที่สุด หลังจากนั้นก็อุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขนแล้วกล่าวเสียงแผ่ว
“ลูกรัก เรานอนหลับเป็นเพื่อนคุณแม่ที่นี่ดีไหม?”
“ค่ะ”
ซือซือเอนกายลงไปในอ้อมแขนบิดาหลังจากที่เด็กหญิงเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เย่เฉินก็อุ้มเด็กหญิงไปวางบนเตียง ส่วนเขานั่งเฝ้าซูมู่ชิงอยู่ข้างเตียง
ช่วงประมาณตีสี่ จู่ๆ ซูมู่ชิงก็ละเมออกมา
“อย่า…อย่าแตะต้องฉัน อย่า!”
เย่เฉินรีบปลุกหญิงสาว มือข้างหนึ่งกุมมือหล่อนเอาไว้ เผื่อให้หล่อนรู้สึกปลอดภัย ส่วนอีกข้างก็รีบกดรีโมตเพื่อเปิดไฟในห้อง
“ไม่เป็นไรแล้วๆ ผมอยู่นี่ ไม่ต้องกลัว”
เย่เฉินกุมมือซูมู่ชิงพลางปลอบโยนหล่อน
ซูมู่ชิงสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย ในวินาทีที่ลืมตาขึ้นมาเห็นเย่เฉิน จู่ๆ ก็โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแล้วเรียกชื่อของเย่เฉิน “เย่เฉิน”
เย่เฉินกอดหล่อนเอาไว้ ตบบ่าของเย่เฉินแล้วปลอบต่อ “ผมอยู่นี่แล้ว”
แต่ว่าผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที จู่ๆ ซูมู่ชิงรู้สึกตัวได้ว่าตนเองไม่ควรกอดอีกฝ่าย จึงรีบสลัดออก ด้วยสีหน้าเก้อเขิน
“ขอ…ขอโทษด้วยนะคะ ฉัน…”
ซูมู่ชิงอยากจะอธิบาย หญิงสาวรู้ตัวว่าตนเองไม่ควรกอดเย่เฉิน
เย่เฉินกลับกุมมือซูมู่ชิงต่อแล้วกล่าว “ผมเข้าใจ ผมรู้ทุกเรื่องแล้ว”
ซูมู่ชิงมองเย่เฉินด้วยแววตาสงสัย “คุณรู้เรื่องอะไรหรอคะ?”
เย่เฉินกล่าวต่อ “ก็คุณหมอกัวบอกทุกอย่างกับผมหมดแล้ว เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเห็นผม…เป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบ”
ซูมู่ชิงรีบร้อนชักมือกลับด้วยความเขินอาย ในฐานะที่หล่อนเป็นผู้หญิง ต่อให้เคยมีลูกมาก่อน แต่ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ เย่เฉินเอ่ยถาม “มู่ชิง ผมรู้ว่าผมไม่คู่ควรจะเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบของคุณ ขอบคุณที่คุณไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องในอดีต แล้วเลือกที่จะให้อภัยผม แถมยังเห็นผมเป็นคนสำคัญในชีวิตแบบนี้ ถ้าหากว่าผมรู้เร็วกว่านี้ วันนั้นผมไม่น่าพูดแบบนั้นกับคุณเลย ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”
ซูมู่ชิงสางผมม “คุณมีภรรยามีแฟนมาตลอด ฉันบอกคุณไปก็รังแต่ทำให้คุณหนักใจขึ้นเปล่าๆ”
ซูมู่ชิงเป็นคนจิตใจดีเกินไปจริงๆ
เย่เฉินกล่าว “คุณหมอกัวบอกผมแล้ว อาการของคุณในตอนนี้ทำให้สนิทสนมกับผมได้เท่านั้น แต่คงจะไม่อาจใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่น งานแต่งงานระหว่างคุณกับหลี่เฉิงเจี๋ยควรจะยกเลิกได้แล้ว เขาเป็นคนที่เห็นว่าผู้ชายเป็นใหญ่ ไม่มีทางยอมนอนแยกห้องกับคุณแน่นอน”
ที่จริงแล้วซูมู่ชิงเองก็กำลังเป็นกังวลเรื่องนี้เช่นกัน “ฉันจะหาเวลาคุยกับเขา ในเมื่องานแต่งงานก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ที่บ้านเราสองคนล้วนแต่เป็นตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองหลวง จะให้ยกเลิกทันทีได้ตามใจไม่ได้หรอกนะ”
“แต่ว่า…”
เย่เฉินอยากจะโน้มน้าวหญิงสาวต่อ จากนั้นซูมู่ชิงกลับไม่อยากจะพูดต่อ หล่อนชันตัวลุกขึ้นพลางกล่าว “ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อย”
ซือซือเพิ่งตื่นตอนตี 5 ครึ่ง แล้วทั้งสามคนก็ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน
เดิมทีซูมู่ชิงตั้งใจจะกินอาหารเช้าข้างนอก แต่ว่าเย่เฉินกลับยืนกรานจะทำอาหารให้พวกหล่อนกิน
เพราะเย่เฉินเดาว่าในมโนภาพคนรักที่สมบูรณ์แบบของซูมู่ชิงนี้ เย่เฉินน่าจะเป็นผู้ชายที่ทั้งโรแมนติกและเอาใจใส่ จะต้องทำอาหารเช้าให้หญิงสาวกินแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงอยากจะเติมเต็มความฝันให้เจ้าหล่อน
เย่เฉินทอดไข่ดาวทรงหัวใจให้ซูมู่ชิงและซือซือคนละฟอง ด้านล่างรองด้วยขนมปังรูปหัวใจเช่นกัน รอบๆ รายล้อมไปด้วยผักสดที่แต่งจาน
เป็นอาหารที่ทำได้ง่ายๆ แล้วยังใช้วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปแต่ว่ากลับดูโรแมนติกละหรูหรามากทีเดียว
“เป็นไข่ดาวที่สวยจังเลย เสียดายจนกินไม่ลงเลย”
ใบหน้าซูมู่ชิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังกินอาหารเช้าด้วยกันอย่างมีความสุขนั้นเอง จู่ๆ หลี่เฉิงเจี๋ยก็โผล่พรวดเข้ามา
“คุณหนู คุณชายหลี่มาแล้ว” สาวใช้ซวงเอ๋อร์รายงานทันที
หลี่เฉิงเจี๋ยเดินเข้ามาภายในห้องเมื่อเห็นเย่เฉินร่วมกินอาหารเช้ากับสองแม่ลูก ภาพตรงหน้าเหมือนว่าทั้งสามคนเป็นครอบครัวสุขสันต์ ทำให้เข้าฉุนเฉียวทันที
นั่นเพราะหญิงสาวแบบบางตรงหน้าคือคู่หมั้นของเขาชัดๆ!
“คุณมาแล้วเหรอ กินข้าวเช้าหรือยังคะ? จะกินด้วยกันไหม?” ซูมู่ชิงทักทายคู่หมั้น
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คาดว่าน่าจะซักก่อนว่าเลยทำไมเมื่อวานอีกฝ่ายถึงไปไม่ลา เห็นได้ชัดว่าซูมู่ชิงไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเอง
หลี่เฉิงเจี๋ยเองกลับดึงหน้านิ่งแล้วถาม “มู่ชิง ได้ยินมาว่าเมื่อวานคุณไม่ได้กลับมาค้างที่บ้านเหรอ?”
ซูมู่ชิงพยักหน้ารับ “เมื่อวานฉันไม่ค่อยสบายเลยไปโรงพยาบาล”
“นอนที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนเหรอ?”
หลี่เฉิงเจี๋ยเหมือนไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก เพราะซูมู่ชิงดูแล้วไม่ได้ป่วยอะไร แล้วก็ไม่ได้ดูเหมือนได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำไป
“อืม” ซูมู่ชิงรับคำ
“แล้วเขาล่ะ?” ลขจชี้เย่เฉิน
ซูมู่ชิงไม่ได้ปิดบังเขา “เขาอยู่เป็นเพื่อนฉันกับซือซือที่โรงพยาบาลด้วย”
ตั้งแต่คราวก่อน ที่คนของหลี่เฉิงเจี๋ยโดนเย่เฉินซ้อมแล้ว เขาก็ไม่ได้ส่งคนคอยสะกดรอยดูเย่เฉินอีก ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าระหว่างเย่เฉินและซูมู่ชิงมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
ใบหน้าหลี่เฉิงเจี๋ยแดงก่ำ “เขาอยู่เป็นเพื่อนคุณทั้งคืนเลยเหรอ? อย่าบอกนะว่านอนห้องเดียวกัน?”
ซูมู่ชิงและเย่เฉินไม่พูดอะไรเพราะพวกเขาอยู่ในห้องเดียวกันจริงๆ
เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่แก้ตัว เขาก็รู้ได้เลยว่าทั้งสองคนนอนในห้องเดียวกัน เขาจึงระเบิดโทสะออกมาทันที
“ดีนี่ ซูมู่ชิงคุณเป็นคู่หมั้นของผมแต่กลับนอนร่วมห้องกับผู้ชายคนอื่นก่อนจะแต่งงาน คิดไม่ถึงว่าคุณจะสวมหมวกเขียวให้ผม!”