เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 381 ซูมู่ชิงโดนทำร้าย
ตอนที่ 381 ซูมู่ชิงโดนทำร้าย!
เย่เฉินมองจางเชี่ยนจือและมารดาหลี่เฉิงเจี๋ย “ผมคือพ่อของซือซือ พวกคุณจะพาตัวซือซือไปแบบนี้ ควรขอความเห็นผมก่อนหรือเปล่าครับ?”
มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยหัวเราะเสียงเย็น “ฉันต้องขอความเห็นนายด้วยเหรอ? นายเป็นใคร?!”
มารดาหลี่เฉิงเจี๋ยดูถูกเขาอย่างเห็นได้ชัด หล่อนรู้ว่าเย่เฉินไม่มีเส้นสายและไม่รู้จักใครในเมืองหลวง
จางเชี่ยนจือเองก็กล่าวต่อว่า “ซือซือเป็นเด็กติดแม่ ลูกสาวฉันไปไหน ซือซือก็จะตามไปด้วย ทำไมต้องขอนายด้วย!”
เย่เฉินไม่พอใจเขายื่นข้อเสนอ “ผมไม่สนว่าตระกูลหลี่ของพวกคุณมีกฎบ้าบออะไร สรุปก็คือผมต้องได้เจอลูกสาวตัวเองทุกวัน”
มารดาหลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวเสียงแข็ง “ไม่ได้! ตระกูลหลี่ของเราไม่ต้อนรับคนอย่างแก! สามวันนี้แกอย่าฝันว่าจะได้เจอซือซือ เดี๋ยวพอแต่งงานเสร็จ แกค่อยขอใหม่แล้วกัน!”
มารดาหลี่เฉิงเจี๋ยแข็งกร้าว ส่วนซูมู่ชิงเองก็ไม่คัดค้าน หล่อนหันไปกล่าวกบเย่เฉิน “เย่เฉินไม่งั้นคุณช่วยอดทนสักสองวันได้ไหม?”
เย่เฉินหันมองฝั่งที่สูงวัยกว่าด้วยใบหน้าหงุดหงิด จากนั้นก็พยักหน้ากับซูมู่ชิง “ก็ได้ งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง”
เย่เฉิน ซูมู่ชิงและซือซือก้าวเข้าไปในบ้านของหลี่เฉิงเจี๋ย เย่เฉินเองก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่หลี่เฉิงเจี๋ยพักที่ไหน เขาต้องรู้สถานที่แน่ชัดให้ได้
เย่เฉินขับรถ JEEP ของซูมู่ชิงไปถึงเขตวิลล่าชื่อจวนเทียนฝู่
ที่นี่ไม่ใช่แค่อยู่ในทำเลที่ดีเยี่ยม ราคาก็สูงส่งอีกทั้งสภาพแวดล้อมที่นั่นยังดีเยี่ยม
ต้นปาล์มและรูปปั้นที่อยู่ด้านนอกกำแพงวิลล่าแสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของมัน การย้ายต้นปาล์มและต้นกล้วยที่ยังไม่ตายมาเมืองหลวงจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล
พวกเขามาที่ด้านหน้าวิลล่าที่หรูหราและมีเอกลักษณ์ เย่เฉินจอดรถลง ที่นี่คือบ้านของพ่อแม่หลี่เฉิงเจี๋ยแน่ นั่นเพราะเขาเห็นหลี่เฉิงเจี๋ยยืนรอที่ประตู
หลี่เฉิงเจี๋ยเดินมาช่วยซูมู่ชิงยกกระเป๋า
ส่วนเย่เฉินเองก็กำลังจะลงจากรถ
หลี่เฉิงเจี๋ยเองหันมมองเย่เฉินเล็กน้อยแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่านายจะมาที่นี่ ฉันไม่ได้อยากให้นายกินข้าวที่นี่”
เย่เฉินมองวิลล่าหลังนี้เล็กน้อยมองตำแหน่งอย่างละเอียดพลางกล่าว “ผมก็ไม่ได้อยากเข้าไป”
เย่เฉินคืนกุญแจรถให้ซูมู่ชิงพลางกล่าว “ผมไปล่ะ มีอะไรคุณก็โทรมาแล้วกัน”
จากนั้นจึงโบกมือลาซือซือ “ลูกรัก คิดถึงพ่อด้วยนะคะ อย่าลืมโทรหาพ่อนะ”
“อืมๆ บ๊ายบายค่ะ คุณพ่อ”
ซือซือแบกกระเป๋าหนังสือใบน้อยๆ ดูแล้วน่ารักอย่างยิ่ง
เย่เฉินมองใบหน้าน่ารักราวนางฟ้าของลูกสาวก็อดบีบแก้มน้อยๆ ของเด็กหญิงไม่ได้
สวยเกินไปแล้ว เสียดายที่จะไม่เจอกันตั้งสองวัน ถ้าหากว่าซือซือต้องโดนรังแกที่นี่ เย่เฉินจะไม่มีวันให้อภัยตระกูลหลี่แน่นอน!
“เอาล่ะรีบเข้าไปเถอะ ได้เวลากินข้าวแล้ว!”
มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยตระโกนเสียงดัง ขณะมองซือซือด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ซูมู่ชิงเองก็โบกมือลาเย่เฉินป้อยๆ หลังจากนั้นจึงจูงมือลูกสาวเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อเดินเข้าไปในห้องครั้ง ณ ตำแหน่งห้องอาหาร ซือซือก็เห็นอาหารที่ถูกวางเรียงรายเต็มโต๊ะ แม่หนูน้อยที่กำลังหิวโซคนนี้ก็วิ่งร่าเข้าไปอย่างดีใจ พลางยื่นมือออกไปคว้าปอเปี๊ยะมากิน
แต่เด็กหญิงเพิ่งยื่นมือออกไปเล็กน้อยก็โดนมารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยตีเข้าให้
“ล้างมือหรือยัง? ถึงใช้มือจับอาหาร! มารบาทพื้นฐานง่ายๆ แค่นี้ก็ไม่รู้ได้ยังไง!”
มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยเริ่มสั่งสอนซือซือ
อีกฝ่ายออกแรงตีไม่น้อย ทำให้น้ำตาเริ่มซึมตรงหางตาเด็กหญิงก่อนจะไหลพรั่งพรูลงมา
ซูมู่ชิงรีบเดินไปหาลูกสาว หล่อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา “ซือซืออย่าร้องนะ เราไปล้างมือกันก่อน ล้างมือให้สะอาดก่อนถึงจะกินข้าวได้ไง ลูกลืมแล้วเหรอ?”
ซูมู่ชิงพาซือซือไปล้างมือเสร็จแล้วก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เด็กหญิงจะใช้มือหยิบอาหารแต่ก็โดนมารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยห้ามอีกครั้ง
“คนยังไม่ครบ ห้ามกิน!”
ที่แท้ประมุขของบ้านยังไม่ลงมา คนใช้จึงเดินขึ้นไปตามเขา ไม่นานนักชายรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางภูมิฐานก็เดินลงมาอย่างรวดเร็ว
“มู่ชิงมาแล้วเหรอ”
ชายผู้นั้นส่งยิ้มให้ซูมู่ชิง
“สวัสดีค่ะคุณอาหลี่” ซูมู่ชิงทักทายอย่างมีมารยาท
หญิงสาวรู้ดีว่าที่ตระกูลหลี่รุ่งเรืองอย่างวันนี้ได้นั้น เป็นเพราะพ่อของหลี่เฉิงเจี๋ย เขาคนนี้เป็นคนที่สูงส่งและยิ่งใหญ่เหลือเกินในเมืองหลวง
พอบิดาของหลี่เฉิงเจี๋ยนั่งลง มารดของหลี่เฉิงเจี๋ยก็กล่าว “มู่ชิง เธออย่าเพิ่งกินนะ ตักข้าวให้พวกเราก่อน”
ซูมู่ชิงกล่าว “ที่นี่มีคนใช้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ที่ตระกูลซู เรื่องตักอาหารล้วนเป็นหน้าที่คนรับใช้
ตระกูลหลี่เป็นตระกูลใหญ่โต มีทั้งแม่บ้าน คนใช้ สาวใช้เยอะแยะเต็มไปหมด หล่อนไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้
เตรียมเอาไว้ให้เขาทุกมื้อ”
แล้วในเวลานี้เองซือซือก็โพล่งออกมา“แต่ที่บ้านคุณแม่ คุณพ่อเป็นคนทำทั้งหมดเลยนะคะ!”
มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยตวาด “พ่อเธอเป็นแค่คนธรรมดาจะเทียบชั้นกับตระกูลหลี่เราได้ยังไง? เพราะเขาไม่เก่งไง เขาถึงต้องตักข้าว!”
ซือซือรีบเถียง “พ่อของหนูเก่งมากๆ เลยต่างหากค่ะ!”
พ่อแม่หลี่เฉิงเจี๋ยขมวดคิ้ว ซูมู่ชิงไม่อยากจะแต่งงานเข้ามาก็เกิดเรื่องไม่พอใจ รีบร้อนกล่าว “ได้ค่ะ ฉันจะตักข้าวเอง”
ซูมู่ชิงตักข้าวให้หลี่เฉิงเจี๋ยและพ่อแม่ของเขาคนละถ้วย จากนั้นก็ตักให้ตนเองและซือซือก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
ตระกูลหลี่ตั้งเงื่อนไขกับอาหารเอาไว้สูง มิน่าทุกคนถึงได้ตัวใหญ่โตเพราะอาหารอร่อยมากจริงๆ ซือซือเองก็กินอย่ามีอรรถรส
“กินข้าวห้ามอ้าปาก!”
มารดาหลี่เฉิงเจี๋ยเริ่มสั่งสอนซือซืออีกครั้ง
ซือซือที่เดิมเป็นเด็กร่าเริงยิ้มแย้มก็มีท่าทีหวาดกลัว ไม่กล้าเคี้ยวข้าวเสียงดัง ไม่กล้ายิ้มอีก ไม่กล้าพูดเสียงดังด้วย
บรรยากาศที่นี่ทำให้ซือซือหายใจไม่ออก
“มู่ชิง เธอไม่ต้องล้างจานหรอกนะ เธอไปที่ห้องกับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
เมื่อกินข้าวเสร็จ มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยก็หันมากล่าวกับซูมู่ชิง
ซูมู่ชิงเดินตามอีกฝ่ายเดินไปที่ห้องของหล่อน หลังจากนั่งลงแล้วซูมู่ชิงก็ถาม “คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้ซึ่งท่าทีใจดี หล่อนกล่าวเสียงเย็น “หลังจากแต่งงานกับหลี่เฉิงเจี๋ยแล้ว ฉันต้องการให้เธอมีลูกสองคนภายในสามปี ที่นี่มี Folic Acid อยู่หนึ่งกล่องเธอเอาไปกินสิไป”
ซูมู่ชิงมีท่าทีลำบากใจ “คุณน้าคะ มีลูกกี่คน จะมีลูกไหมเป็นเรื่องของฉันกับเฉิงเจี๋ยนะคะ ก็น่าจะให้เราสองคนจัดการตัดสินใจกันเองนะคะ? คุณน้าตั้งเงื่อนไขแบบนี้ฉันคงรับไม่ได้!”
เพี้ยะ!
เมื่อเห็นซูมู่ชิงกล้าปฏิเสธ ฝ่ายสูงวัยกว่าก็ตบหน้าหล่อนทันที!
หญิงสูงวัยคนนี้แข็งแรงกว่าหญิงวัยกลางคนทั่วๆ ไปดังนั้นตบฉาดนี้ของหล่อนถึงแรงเอาการทีเดียว!
มารดาของหลี่เฉิงเจี๋ยตวาด “ซูมู่ชิง อย่าคิดว่าเธอเป็นหลานสาวของซูเจิ้นหางแล้วจะทำตามอำเภอใจที่นี่ได้! เรื่องลูกต่อให้อยากหรือไม่อยากมีเธอก็ต้องมี!”