เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 434 การเชื้อเชิญจากหลงอีเยี่ยน
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 434 การเชื้อเชิญจากหลงอีเยี่ยน
ตอนที่ 434 การเชื้อเชิญจากหลงอีเยี่ยน!
บริษัทต้นสังกัดของวังเหม่ยฉีชื่อชิงกั่วเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ส่วนเจ้าของชื่อหลงอีเยี่ยน
หลงอีเยี่ยนเปนประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอย่างมาก อีกทั้งหล่อนเป็นผู้หญิงเท่านั้น
สวี่เจี๋ยได้เบอร์หลงอีเยี่ยนมาจากวังเหม่ยฉี หลังจากนั้นจึงโทรหาอีกฝ่ายในระหว่างกลับบ้าน
“ฮัลโหล คุณหลงหรือเปล่าครับ?”
“ค่ะ คุณคือใครคะ?”
“สวัสดีครับ คุณหลง ผมคือลูกพี่ลูกน้องของเหม่ยฉี ผมชื่อสวี่เจี๋ย”
“อ้อ ฉันเคยได้ยินเหม่ยฉีเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกัน ว่ามีพี่ชายที่เป็นญาติห่างๆ รับราชการใหญ่โตอยู่ในเมืองหลวง คุณล่ะสินะคะ?”
สวี่เจี๋ยกล่าวพลางระบายยิ้ม “เป็นใหญ่เป็นโตอะไรกันล่ะครับ ก็แค่ข้าราชตัวเท่าลูกนกลูกกา เป็นแค่ผู้อำนวยการเท่านั้นเองครับ อย่าไปฟังเหม่ยฉีพูดเหลวไหลเลย ฮ่าๆ”
ท่าทีของหลงอีเยี่ยนก็สุภาพขึ้น “ผอ.สวี่ถ่อมตัวเกินไปแล้วค่ะ นี่มันใช่ข้าราชการตัวเล็กๆ ที่ไหนกัน? ไม่ทราบว่าโทรมามีอะไรหรือเปล่าคะ?”
สวี่เจี๋ยกล่าว “อ้อ ก็วันนี้ผมบังเอิญเจอเหม่ยฉีที่ร้านอาหารแล้วคุยกัน ต่อมาผมก็บังเอิญเจอเพื่อนชื่อเย่เฉินเข้า เขาบอกว่าเหม่ยฉีเป็นดาราในสังกัดเขา ผมก็ว่ามันแปลกๆ เหม่ยฉีเป็นดาราในสังกัดคุณนี่นา แล้วเย่เฉินคนนั้นก็ยังบอกอีกว่าคุณหลงเป็นลูกน้องของเขาคอบทำนู่นนี้ให้เขา แล้วหมอนั่นก็ขับรถที่ขโมยมาจากสนามบิน มาวางท่าให้เพื่อนๆ ผม แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนเอาการเอางานอะไร ดังนั้นผมเลยตั้งใจจะมาถามคุณหลงว่าคุณรู้จักเย่เฉินหรือเปล่า? แล้วเขาเป็นหัวหน้าคุณจริงๆ เหรอครับ?”
หลงอีเยี่ยนได้ยินคำบรรยายเย่เฉินจากสวี่เจี๋ยก็หัวเสียทันที
“อะไรนะคะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนแอบอ้างเป็นหัวหน้าฉัน ผอ. สวี่ฉันขอบอกคุณเลยนะคะว่า ฉันไม่รู้จักเย่เฉินคนนี้เลยไม่มีทางทำงานแทนเขา เหม่ยฉีอยู่กับคุณไม่ใช่เหรอ? หล่อนก็น่าจะรู้”
สวี่เจี๋ยยิ้ม “ลูกพี่ลูกน้องของผมไม่รู้เป็นอะไร ทำไมถึงได้ออกตัวแทนเขาอยู่ได้ หล่อนบอกกับทุกคนว่าหล่อนและคุณหลงทำงานให้เย่เฉิน”
หลงอีเยี่ยนได้ยินแบบี้ก็หัวเสียอย่างมาก “อะไรนะ? แม่นี้นี่เดี๋ยวฉันจะเรียกหล่อนมาเดี๋ยวนี้เลย จะได้ถามให้รู้เรื่องว่าวันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
หลงอีเยี่ยนในตอนนี้ก็อยู่ในเมืองหลวง ออฟฟิศของบริษัทชิงกั่วเอ็นเตอร์เทนเมนท์อยู่ในเมืองหลวง
หลงอีเยี่ยนรีบโทรหาวังเหม่ยฉีเพื่อให้หล่อนกลับมาที่บริษัท
เมื่อมาถึงห้องทำงานของประธาน วังเหม่ยฉีก็ทำใจกล้าเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานบริษัทเป็นผู้หญิงทำงานอายุไม่ถึง 40 ปี ผมสั้นเต่อ ดูอายุยังน้อยและทำงานเก่ง
หล่อนนั่งไขว่ห้าง สวมรองเท้าส้นสูง ท่าทางตึงเครียด
“คุณหลง” หลังจากวังเหม่ยฉีเดินเข้ามาแล้วก็เอ่ยเสียงแผ่ว
หญิงสาวหวาดกลัวเจ้านายคนนี้อย่างมาก เพราะเรื่องรถขย่มก่อนหน้านี้ทำให้บริษัทเสียหายเพราะหล่อนไปมาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่าทีของหลงอีเยี่ยนก็แย่ลงมาก
หลงอีเยี่ยนมองวังเหม่ยฉีอย่างไม่พอใจ หล่อนจุดบุหรี่ของผู้หญิง “เหม่ยฉี ฉันขอถามเธอหน่อยนะว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
วังเหม่ยฉียังไม่เข้าใจว่าหลงอีเยี่ยนหมายถึงอะไร “เกิดอะไรเรื่องอะไรคะ?”
หลงอีเยี่ยนกล่าวอย่างหัวเสีย “ยังจะตีมึนอีก ลูกพี่ลูกน้องเธอบอกฉันหมดแล้ว! คิดไม่ถึงว่าเธอจะไปบอกคนนอกว่าฉันทำงานให้หัวขโมยรถไม่ทำการทำงานเหรอ? ในสายตาเธอยังเห็นหัวฉันไหมเนี่ย!”
วังเหม่ยฉีเบิกตากว้าง “ขโมยรถอะไรคะ? คุณหลงหมายถึงคุณเย่เหรอคะ?”
“คุณเย่บ้าอะไร! นั่นมัน 18 มงกุฎ! ทำไมเธอไม่แฉเขาแต่ช่วยเขาเฉยเลยล่ะ?”
หลงอีเยี่ยนถามอย่างสงสัย
วังเหม่ยฉีกล่าว “คุณหลง พี่เย่เฉินเป็นคนมีเส้นสายจริงๆ เขารู้จักผกก.เจียง! เขาโทรหาผกก.เจียงแล้วเปิดลำโพงอีกทั้งคุณเจียงรับปากแล้วด้วยว่าในสามปีนี้จะถ่ายหนังให้เขาสามเรื่อง! ขอแค่ฉันได้ร่วมแสดงสักเรื่องฉันอาจจะดังก็ได้ไม่แน่ พอจนตอนนั้นคุณหลงก็จะมีเงิน ไม่ดีเหรอคะ?”
หลงอีเยี่ยนเดินมาหาวังเหม่ยฉีอย่างหัวเสีย แล้วจิ้มหน้าผากหล่อน
“เธอมันเด็กโง่ คนทั้งประเทศเห็นเธอกับลูกเศรษฐีไปขย่มรถกัน เดิมทีก็ปฏิเสธได้แต่เธอก็ยังจะถ่ายคลิปยอมรับว่านั่นมันตัวเธอเกิดเรื่องแบบนี้แล้วยังคิดจะแสดงหนังกับผกก.เจียงอีกเหรอ? ฝันหวานอยู่หรือไง!”
สีหน้าวังเหม่ยฉีแดงน้อยๆ รู้สึกอับอายอย่างมากเมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา
เดิมทีผู้หญิงในวงการบันเทิงจะแปดเปื้อนมีข่าวไม่ได้ ทันทีที่มีรอยด่างพร้อยแบบนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ล้วนแต่โดนคนพูดถึงเรื่องนี้
ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกตอนนั้นหล่อนจะไม่ติดกับหลิ่วอวี่เจ๋อ
วังเหม่ยฉีกล่าว“ฉันเห็นพี่เย่เฉินเขาแข็งใส่ผกก.เจียงมากเลย ผกก.เจียงเหมือนว่าจะเชื่อฟังเขามากเลย พี่เย่เฉินเขารับปากแล้วว่าจะดันฉันให้ดัง ถ้าได้เขาช่วยพูดให้ ผกก.เจียงไม่มีทางปฏิเสธแน่เลย!”
หลงอีเยี่ยนโกรธจนอยากจะตบหน้าวังเหม่ยฉี “ทำไมเธอยังไม่ได้สติสักที? เธออายุตั้ง 20 แล้วแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เย่เฉินคนนั้นเป็น 18 มงกุฎ เขาจะไปรู้จักผู้กำกับชื่อดังได้ยังไง! ต่อให้รู้จักเขาจะมีความสามารถมากพอจะให้ผกก.เจียงถ่ายหนังให้เขาเลยหรือไง? เธอรู้ไหมว่าผกก.เจียงเป็นผกก.ที่ดังที่สุดในประเทศเรา ต่อให้มีเงินเท่าไหร่แล้วจะจ้างเขามาถ่ายทำ ก็เป็นไปไม่ได้หรอก!”
วังเหม่ยฉีถามอย่างสงสัย “หา? ไม่ล่ะมั้งคะ? แต่เราหลายคนต่างก็ได้ยินเสียงของผกก.เจียง เป็นเสียงของผกก.เจียงจริงๆ”
หลงอีเยี่ยนแค่นเสียง “ยุคสมัยนี้แล้ว เลียนเสียงคนมันยากอะไร? นอกเสียจากเจอตัวคนนั้นเป็นๆ ฉันถึงจะเชื่อว่าเย่เฉินอะไรนั่นรู้จักกับผกก.เจียง ในเมื่อเธอเชื่อเขาขนาดนั้นพรุ่งนี้ก็นัดเขามา บอกว่าฉันอยากเจอ มาดูกันว่าเขาจะกล้ามาไหม! หมอนั้นก็หลอกได้แค่เด็กน้อยที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะยังไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยแบบเธอนี่แหละ เดี๋ยวเจอฉันเขาจะไม่กล้าอ้าปากพูดด้วยซ้ำไป!”
วังเหม่ยฉีครุ่นคิด ถึงแม้หล่อนจะอายุน้อยไม่ค่อยเรียนหนังสือ อายุ 16 ก็โดนบริษัทจับเซ็นสัญญา เรียนเต้น เรียนร้องเพลงอยู่ทุกวัน
แต่หล่อนคิดว่าเย่เฉินเป็นคนมีอำนาจ เขาไม่หลอกหล่อนแน่
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะช่วยนัดให้!”
……
หลังจากที่เย่เฉินและซูมู่ชิงกลับบ้านแล้ว เขาก็ไปอาบน้ำ
วันนี้ซูมู่ชิงยอมนอนห้องเดียวกับเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาคิดว่าควรจะตัวหอมๆ น่าจะดีกว่า
เย่เฉินอาบน้ำโดยทิ้งโทรศัพท์ไว้ข้างนอกและตอนนี้วังเหม่ยฉีก็โทรหาเขาพอดี
เมื่อซูมู่ชิงเห็นเข้าก็หยิบโทรศัพท์เดินไปหน้าห้องน้ำแล้วเคาะประตู
“ที่รัก โทรศัพท์ของคุณ”
เย่เฉินถาม “ใครโทรมาหรอครับ?”
ซูมู่ชิงกล่าว “แม่ดาราคนนั้นค่ะ วังเหม่ยฉี”
ตอนที่กินข้าวเมื่อครู่ วังเหม่ยฉีโถมตัวเข้าหาเย่เฉินน แต่เย่เฉินไม่อยากให้ซูมู่ชิงเข้าใจว่าตนเองกับวังเหม่ยฉีมีอะไรกันจึงกล่าวต่อว่า
“ที่รัก คุณช่วยรับสายแทนผมหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ”
ซูมู่ชิงรู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก ที่เย่เฉินปล่อยให้หล่อนรับสายเพื่อบอกให้รู้ว่าเขากับดาราคนนั้นไม่มีอะไรกัน
“ฮัลโหล”
“คุณคือภรรยาของคุณเย่ใช่ไหมคะ? สวัสดีค่ะ ฉันคือวังเหม่ยฉี เราเจอกันเมื่อครู่”
“ฉันรู้ค่ะ คุณเหม่ยฉี ตอนนี้เย่เฉินเขากำลังอาบน้ำ ถ้าไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวคุณค่อยโทรกลับมาอีกรอบก็ได้นะ หรือถ้ามีเรื่องด่วนอะไร คุณไม่ติดอะไรก็บอกฉันได้เลยนะคะ”
“อ้อ คุณนายเย่คะ ก็หลงอีเยี่ยนประธานบริษัทของเราน่ะค่ะ คุณหลงบอกว่าอยากจะชวนคุณเย่ไปทานข้าวเที่ยง ไม่รู้ว่าเขาว่างไหมคะ?”