เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 466 ฉินหงเหยียนมาแล้ว
ตอนที่ 466 ฉินหงเหยียนมาแล้ว!
เจิ้งหงมองเย่เฉินแล้วถาม “เย่เฉิน นายจะดังก์บาสยังไง? จะยืนใต้แป้นบาสแล้วกระโดดดังก์เหรอ? เหอะๆ ถ้าจะทำอย่างนั้น ฉันว่านายไม่ต้องโชว์แล้ว! ปิดตาให้ฉัน ฉันเองก็สามารถปิดตาดังก์บาสได้เหมือนกัน! อีกอย่างฉันยังโชว์ Wild mild dunk ได้เหมือนกัน!”
สำหรับคนที่มีความสามารถในการกระโดดได้ดี การยืนดังก์บาสอยู่ที่เดิมโดยไม่ต้องมองแป้นบาสเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
เย่เฉินกล่าว “ต้องไม่ใช่การดังก์บาสอยู่กับที่อยู่แล้ว ผมจะกระโดดข้ามหัวคุณไปดังก์บาส”
“นายพูดอะไรนะ!”
เจิ้งหงเดือดปุดๆ คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินอยากจะกระโดดลอยขึ้นไปดังก์บาสที่เหนือนศีรษะเขา
เพราะเมื่อครู่เจิ้งหงก็พูดแบบนี้เย่เฉิน ดังนั้นเย่เฉินจึงอยากจะใช้วิธีเดียวกันดูหมิ่นอีกฝ่าย!
เจิ้งหงที่เย่อหยิ่ง ย่อมไม่อยากโดนคนกระโดดข้ามหัวตนเองแต่พอมาคิดอย่างละเอียดแล้ว
“เย่เฉินมันตาบอด ถ้าหากว่าอยากโชว์ท่าที่ยากมากๆ ขนาดนี้ ไม่หัวแตกตายก็บ้า”
เจิ้งหงรู้สึกว่านี่ก็น่าจะเป็นวิธีกำจัดเย่เฉิน!
ถ้าหากว่าตอนเย่เฉินกระโดดข้ามหัวเขาแล้วเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น หัวแตกจนสมองเสื่อมหรือว่าอะไร เย่เฉินก็จะไม่สามารถเป็นสามีของซูมู่ชิงได้อีก
ส่วนเขาก็จะมีโอกาสแทน
“ก็ได้ ฉันยอมให้นายกระโดดข้ามหัวฉันไปดังก์บาสได้เลย!” เจิ้งหงตอบด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ซูเจิ้นหางกลับกล่าวห้าม “ไม่ได้ ห้ามทำท่าเสี่ยงอันตรายแบบนี้ อันตรายเกินไป”
ซูเจิ้นหางกลัวจริงๆ ว่าหากเย่เฉินดังก์บาสแล้วจะเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ
เย่เฉินกลับยืนกราน “คุณปู่ครับ สบายใจเถอะครับ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะต้องดังก์บาสได้สำเร็จครับ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินเรียกซูเจิ้นหางว่าปู่ ซูเจิ้นหางก็รู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อย เขาจึงยิ่งเห็นเย่เฉินเป็นลูกหลานตนเองแต่ว่าเด็กคนนี้กลับแน่วแน่เหลือเกิน…
เจิ้งหงยืนอยู่บริเวณด้านหน้าแป้นบาสอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวกับคนตระกูลซู “คุณอา คุณน้า คุณหนูซู พวกคุณสบายใจได้เลยครับ เดี๋ยวถ้าเย่เฉินกระโดดแล้วล้มลงมา ผมจะช่วยประคองเขาเองนะครับ ผมไม่ปล่อยให้เขาบาดเจ็บหรอกครับ”
ถึงปากจะพูดแบบนี้แต่ในใจเขากลับคิดไปอีกอย่าง เขาไม่สนใจความเป็นตายของเย่เฉินหรอก!
เย่เฉินถือลูกบาสด้วยมือเดียว แล้วยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไกลจากอีกฝ่ายหลายเมตร ก่อนจะเริ่มออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว!
เพราะว่าเย่เฉินมองไม่เห็นดังนั้นเลยต้องการการเตือนจากซูมู่ชิง
ซูมู่ชิงเล็งให้เขารู้สึกว่าถึงพอประมาณแล้วก็กล่าวกับเย่เฉิน “กระโดดเลยค่ะ!”
เย่เฉินกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาถือบาสด้วยมือข้างเดียวแล้วลอยตัวขึ้นกลางอากาศ!
“โห กะเวลาได้เป๊ะสุดยอด!”
เจิ้งหงไม่เพียงแต่ตกใจ แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่า เย่เฉินไม่ได้อาศัยการเตือนจากภรรยาแต่อาศัยดวงตาของตนเอง
จากนั้นก็เห็นเย่เฉินกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศ แล้วลอยตัวขึ้นกลางอากาศเหนือศีรษะเจิ้งหง!
“อะไรเนี่ย?”
เจิ้งหงแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
โครม!
เกิดเสียงดังโครม เย่เฉินอัดบอลลงห่วงด้วยมือเพียงข้างเดียว!
ทุกคนในงานตกอยู่ในความตกใจ!
ทว่าในตอนที่เย่เฉินจะลงบนพื้น ทันใดนั้นเองเจิ้งหงก็หมุนตัวมาแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “อย่ากระโดดเลยครับ เดี๋ยวผมรับเอง”
เจิ้งหงแสร้งทำเป็นเจตนาดี แต่จู่ๆ เขากลับล้มลงบนพื้น แถมตำแหน่งที่ล้มมนั้นยังเป็นตำแหน่งที่เย่เฉินจะต้องแตะพื้นพอดี!
ถ้าหากว่าเย่เฉินมองไม่เห็นจริงๆ แล้วตอนกระโดดลงบนพื้น มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเย่เฉินจะเท้าแพลง!
“ระวัง!”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ได้ยินเสียที่คุ้นเคยสองเสียงดังขึ้นมา
หนึ่งคือซูมู่ชิง แต่อีกคนเหมือนจะเป็น…ฉินหงเหยียน!
เย่เฉินย่อมไม่ปล่อยให้เจิ้งหงได้ใจ เขาไม่แตะต้องร่างกายของอีกฝ่ายแม้เพียงนิดเดียว และไม่ได้แตะตัวอีกฝ่าย
“หงเหยียน…เมื่อครู่นั่นมันเสียงของหงเหยียน!”
เย่เฉินรีบมองไปด้านหน้าทันที ทันใดนั้นเองก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งในชุดพนักงานโรงแรมคนหนึ่งที่อยู่ไกลๆ หน้าตาและเรือนร่างของหล่อนนั้นเหมือนฉินหงเหยียนอย่างยิ่ง!
“หงเหยียน!”
เย่เฉิแน่ใจว่านี่จะต้องเป็นฉินหงเหยียนแน่นอน เพราะของเลียนแบบนั้นโดนเย่เฉินเตือนไปแล้วว่าห้ามพยายามเลียนแบบเป็นฉินหงเหยียนอีก!
ส่วนเสียงนั้น แค่เย่เฉินฟังดูก็รู้แล้วว่าจะต้องเป็นเสียงของฉินหงเหยียนแน่นอน 100%!
ในวินาทีนี้เย่เฉินอยากจะพุ่งพรวดเข้าไปแต่ว่าเขาทำแบบนี้ไม่ได้!
เพราะสภาพของเขาในตอนนี้ เขาจะเห็นหญิงสาวไม่ได้!
ถ้าหากว่าเขาพุ่งพรวดไปหาอีกฝ่าย เรื่องที่เย่เฉินแกล้งทำเป็นตาบอดก็จะแดง
หากว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนลงมือจริงๆ เกรงว่าต่อไปเขาคงจะไม่ทำอะไรตุกติกอีก ชีวิตนี้ของเย่เฉินก็จะจับไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำร้ายเขา!
หลังจากที่ฉินหงเหยียนโดนเย่เฉินจับได้ก็หายไปกับฝูงชนในทันที แล้วในวินาทีต่อมารอจนตอนที่ซูมู่ชิงหันมองตามไปก็ไม่เห็นอะไร
“ที่รักคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
ซูมู่ชิงถามไถ่อย่างห่วงใย
เย่เฉินกำหมัดแน่นแล้วทุบบนพื้นพลางตะโกน“ทำไม! ทำไม!”
เขาโมโห!
เขาไม่อยากจะยอม!
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาอยากจะเจอหญิงสาวมากขนาดไหน แต่ในที่สุดวันนี้ได้พานพบ แต่เขากลับตามหล่อนไปไม่ได้!
“หล่อนจะต้องได้ยินเรื่องที่ฉันตาบอด ดังนั้นได้ตั้งใจมาเยี่ยมฉัน”
เย่เฉินเดาออกได้ในทันทีว่าฉินหงเหยียนมาที่นี่ทำไม ถ้าทำแบบนี้อย่างน้อยๆ ก็แปลว่าฉินหงเหยียนเองไม่ได้โดนจับ แต่ที่หล่อนหายตัวไป เป็นเพราะหล่อนไม่ยอมปรากฏตัว ไม่ใช่เพราะหล่อนมาไม่ได้
“หรือว่าหล่อนอยากจะเลิกกับฉันจริงๆ เหรอ? ไม่อยากจะอยู่ด้วยกันจริงๆ เหรอ?”
เย่เฉินไม่อาจยอมรับการตัดสินใจแบบนี้ของฉินหงเหยียนได้ เขาจะต้องคุยกับหญิงสาวต่อหน้าให้รู้แล้วรู้รอด!
หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นเย่เฉินโวยวาย แถมยังไม่ระวังทุบใส่ของรักกล่องดวงใจของเจิ้งหงก็ลอบกล่าว
“ทำไมน่ะเหรอ? เหอะๆ ทำไมนายตาบอดน่ะเหรอ? ก็เพราะนายหาเรื่องฉันไง! ฉันไม่เพียงแต่จะทำให้นายตาบอดตลอดชีวิต ฉันยังจะแย่งผู้หญิงของนายไปด้วย! ไม่นานหรอกภรรยาคนสวยคนนี้ของนายจะโดยฉันจับปล้ำ! เหมือนเมียเก่านายอย่างหวังเจียเหยาไง ฮ่าๆๆ!”
หลิ่วอวี่เจ๋อมีความกล้าและความมั่นใจอย่างมากนั่นเพราะเขาเคยได้ตัวของภรรยาเก่าของเย่เฉินอย่างหวังเจียเหยามาครอบครอง ดังนั้นเขาย่อมคิดว่าเขาจะสามารถแย่งชิงซูมู่ชิงมาครอบครองได้
เห็นเย่เฉินโมโห ซีกวาก็รีบร้อนเดินขึ้นไป
นี่ก็คือเป้าหมายของเย่เฉิน เขาต้องการจะล่อให้ซีกวาเดินมา
เย่เฉินกอดซีกวาเอาไว้แล้วกระซิบข้างหูเขา “หงเหยียนมาที่นี่ รีบตามหล่อนไป”
ซีกวาตกใจ ฉินหงเหยียนมาที่นี่งั้นก็ไม่แน่ว่าฉินเสี่ยวตั่วก็อาจจะมาด้วย เขาจึงรีบเดินออกมาโดยทันทีเพื่อหาข่าวคราวของฉินหงเหยียน
ส่วนจิตใจของเย่เฉินค่อยๆ สงบลง เจิ้งหงเองโดนเย่เฉินต่อยจนต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล อัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่างอย่างเขาโดนเย่เฉินที่เป็นคนพิการต่อยจนหมดสภาพ
แขกเหรื่อในงานชมเชยเขาไม่ขาดปาก
“ท่านซู ถึงแม้ว่าเย่เฉินตอนนี้จะตาบอดแต่เขากกลับคล่องแคล่วว่องไว สามารถเล่นเปียโน เดินเหินสะดวก แถมยังกระโดดดังก์บาสได้ด้วยซ้ำ แทบไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากคนปกติเลยแม้แต่น้อย”
“ถูกต้องอีกทั้งตอนนี้เทคโนโลยีก็พัฒนาไปมาก ตาบอดไม่ใช่อุปสรรคอะไรอีกแล้ว ผมได้ยินมาว่าที่เมืองนอกมีคนใช้ AR สร้างกล้องให้คนตาบอดทำให้พวกเขาได้รับรู้ถึงโลกภายนอกได้เหมือนกัน”
ซูเจิ้นหางปลื้มปิติ แล้วลอบกล่าวกับตัวเองในใจ “ถ้าหากว่าเย่เฉินสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ไม่แน่ว่าเขาจะยังมีสิทธิ์สืบทอดความลับของตระกูลเย่!”