เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 474 ไปอังกฤษ
ตอนที่ 474 ไปอังกฤษ!
สิ่งที่ซูหมิงเจ๋อและซูเจิ้นหางเป็นห่วงที่สุดก็คือเรื่องที่เย่เฉินไปอังกฤษ ไปรับสืบทอดกิจการของตระกูลเย่ และได้รู้ความลับของตระกูลเย่!
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ใช่แล้วครับ ผมตั้งใจว่าไปพบคุณปู่ที่อังกฤษพรุ่งนี้กับมู่ชิง”
เขาพูดพลางจับมือซูมู่ชิงเอาไว้ เมื่อพูดถึงเรื่องไปอังกฤษ ซูมู่ชิงก็มีท่ามีมีความสุขอย่างมาก
หลังจากที่จางเชี่ยนจือได้ยินกลับโทษเย่เฉิน
“โอ้ย พรุ่งนี้จะไปแล้วเหรอ ทำไมไม่บอกพวกเราล่วงหน้าล่ะ? แล้วเนี่ยเวลาแค่นี้จะพอได้ยังไง ไหนจะต้องเก็บกระเป๋า แถมยังต้องเตรียมเสื้อผ้าอีก หอบนั่นหอบนี่ ซูหมิงเจ๋อคุณรีบพาฉันไปส่งบ้านเลยนะ ไม่ทันแล้ว ถ้ายังไม่กลับบ้านอีกต้องเก็บเสื้อผ้าทั้งคืนแน่เลย!”
คิดไม่ถึงว่าพอได้ยินว่าจะไปอังกฤษ จางเชี่ยนจือกลับดูจะตื่นเต้นกว่าคนอื่นๆ ในตระกูลซูเสียอีก
ซูหมิงเจ๋อเองก็ดูเหมือนว่าเขาอยากไปอังกฤษเหมือนกันจึงรีบร้อนกล่าว “อ้อ ได้สิ ได้!”
แต่จู่ๆ เย่เฉินกลับโพล่งออกมาว่า “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ไปอังกฤษคราวนี้ ผมตั้งใจว่าจะพาไปแค่ซูมู่ชิงกับซือซือเท่านั้นเอง ไม่ได้กะจะพวกคุณไปด้วย ดังนั้นไม่ได้รีบร้อนหรอกครับ!”
ด้วยความเร็วในการทำนั่นทำนี่ของจางเชี่ยนจือ ถ้าพรุ่งนี้จะไปต่างประเทศจริงๆ คืนนี้ทำต้องหัวหมุนทั้งคืน
จางเชี่ยนจือชะงักไป “อะไรนะ? พาไปแค่มู่ชิงเหรอ?”
ซูเจิ้นหางเองก็ตำหนิอีกฝ่าย “เอ่อ…เสี่ยวเฉิน ฉันไม่ได้ไปต่างประเทศนานแล้ว ก็กะว่าจะออกไปเที่ยวด้วยเสียหน่อย พร้อมกันนั้นจะได้ไปเจอปู่ของเธอ ดื่มกับเขาสักหน่อย”
เย่เฉินเองก็ไม่ได้ไว้หน้าซูเจิ้นหางเช่นกัน “คุณปู่ครับ ผมว่าคุณปู่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ออกไปเที่ยวไกลๆ ไม่ไหวหรอกครับ คุณปู่พักผ่อนก่อนเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะจัดการนัดแนะให้เจอกับคุณปู่ของผมเอง”
ซูเจิ้นหางอยากรู้เรื่อความลับของตระกูลเย่อย่างมาก เย่เฉินไม่อยากให้ซูเจิ้นหางอยู่ใกล้ชิดคนในตระกูลของเขา
จางเชี่ยนจือตะโกนด่า “เย่เฉิน! ฉันเป็นแม่ยายแกนะ! แกแต่งงานกับลูกสาวฉัน ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของมู่ชิงจะไปเจอหน้าแม่เธอมันไม่เห็นะมีอะไรแปลก! แกมีสิทธิือะไรมาห้ามไม่ให้ฉันไป! ลูกสาวของฉันแต่งเข้าตระกูลเย่ ฉันที่เป็นแม่ ยังไม่เคยเจอปู่แก พ่อแก แม่แกด้วยซ้ำไป ไม่รู้ด้วยว่าพวกเขาเป็นคนดีหรือเปล่า จะให้ฉันสบายใจได้ยังไง!”
จางเชี่ยนจือเองก็อยากรู้เรื่องตระกูลเย่มากเหมือนกัน ดังนั้นที่หล่อนอยากไปอังกฤษ ไปเจอคนที่บ้านเย่เฉิน ก็เพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าตระกูลเย่นั้นเก่งเหมือนที่เล่าๆ กันมาหรือไม่
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมเชื่อว่ามู่ชิงน่าจะมองคนออกกว่าคุณนะครับ อีกอย่างคนที่มู่ชิงแต่งงานด้วยคือผม ไม่ใช่พ่อแม่ผมเสียหน่อย พ่อแม่ผมเป็นคนยังไง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของเราเลย”
“แก…แกไม่เห็นฉันเป็นแม่ยายแกด้วยซ้ำ!” จางเชี่ยนจือโวยวาย
เย่เฉินก็ไม่ได้ลดราวาศอกแต่อย่างใด “แล้วคุณเห็นผมเป็นลูกเขยเหรอ? ถ้าตอนนี้ผมตาบอดจริงๆ ลูกเขยคุณคงเป็นหลิ่วอวี่เจ๋อไปนานแล้ว!”
เย่เฉินยังคงโกรธเรื่องที่จางเชี่ยนจือหมายมั่นปั้นมืออยากได้หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นลูกเขยคนใหม่อยู่
ฟากซูเจิ้นหางเองก็น่าดูออกว่าความคิดบ้าๆ ของจางเชี่ยนจือไปกระตุกต่อมของเย่เฉินเข้า ดังนั้นเขาถึงไม่ยอมให้คนตระกูลซูไปอังกฤษด้วย
“ชิ ประเทศห่วยๆ อย่างนั้นมีอะไรน่าไปนักหนา”
ซูมู่หลินแค่นเสียงแล้วชิงออกไปเป็นคนแรก
ถัดจากนั้นซูเจิ้นหาง ซูหมิงเจ๋อและจางเชี่ยนจือต่างก็ทยอยเดินออกไป
เมื่อเดินออกมาด้านนอกก่อนจะขึ้นรถจางเชี่ยนจือก็ยังคงบ่นปอดแปด “ฉันรู้อยู่แล้วว่าลูกเขยอย่างเย่เฉินไม่มีประโยชน์อะไรกับตระกูลซูเลย! เป็นแค่คนขี้ตลอดแค่ไปพบหน้าพ่อแม่ที่อังกฤษยังไม่ยอม คุณลองคิดดูสิว่ามีเด็กที่ไร้มารยาทแบบนี้ได้ยังไง? ฉันว่านะ เขาห่วยกว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเสียอีก!”
ซูเจิ้นหางเอามือไพล่หลัง ทั้งดีใจทั้งกังวลใจไปพร้อมกัน
ที่ดีใจก็คือเรื่องที่เย่เฉินไม่ได้ตาบอด ส่วนเรื่องที่กังวลก็คือที่ไปล่วงเกินเย่เฉินเข้าทำให้เย่เฉินไม่พอใจ
ซูเจิ้นหางหันไปตำหนิจางเชี่ยนจือ “พอได้แล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอดึงดันจะหาสามีใหม่ให้ซูมู่ชิงในงานวันเกิดฉัน เย่เฉินจะทำแบบนี้กับเราเหรอ? เธอเนี่ยนะ ฉันบอกหลายครั้งแล้วว่าเย่เฉินสำคัญกับตระกูลซูของเราอย่างใหญ่หลวง อย่าทำอะไรเกินเลยเพียงเพราะแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย! ตอนนี้เป็นยังไง? มู่ชิงไปอังกฤษแต่เราไปด้วยไม่ได้สักคน!”
ซูหมิงเจ๋อเดินออกมาจากในห้อง เขาก้มหน้าก้มตาเหมือนมีเรื่องให้คิด
หลังจากประคองบิดาขึ้นรถไปแล้ว จู่ๆ ซูหมิงเจ๋อก็โพล่งออกมา “พ่อครับ ผมอยากจะกลับไปขอร้องเย่เฉิน ดูว่าเขาจะยอมให้เราไปที่อังกฤษพร้อมกับเขาและมู่ชิงได้ไหม”
ซูเจิ้นหางแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าลูกชายจะหมกมุ่นเรื่องไปประเทศอังกฤษแบบนี้ หรือจะเป็นเพราะว่า…
จางเชี่ยนจือแหวใส่ “จะไปขอร้องเขาทำไม! คุณเป็นพ่อตาเขา ไม่ให้ไปก็ไม่ไปสิ ใครอยากไปกัน!”
แต่ซูเจิ้นหางกลับโบกมือ “ไปเถอะ ไปคุยกับเขาดีๆ”
“ครับ พ่อ”
ซูหมิงเจ๋อกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับเข้าไปในบ้านลูกสาว
เย่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นพ่อตาวิ่งกลับเข้ามา “พ่อครับ พ่อกลับมาทำไมเหรอครับ?”
ซูหมิงเจ๋อกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เย่เฉิน พ่อมาเพื่อขอโทษเธอน่ะ ก่อนนี้ตอนงานวันเกิดของคุณปู่ลูกๆ เชี่ยนจือเองเป็นตัวตั้งตัวตีอยากจะจัดแสดงโชว์โดยพวกคุณชายจจากตระกูลต่างๆ พ่อเองก็ห้ามจนไม่รู้จะห้ามยังไง แต่ทุกคนก็รู้ว่าตอนนี้เชี่ยนจือไม่ฟังอะไรพ่อด้วยซ้ำ”
ที่จริงแล้วซูหมิงเจ๋อตอนนี้อยู่ในสถานะหย่ากัน พวกเขาสองคนห้ามปรามอะไรกันไม่ได้ แต่จางเชี่ยนจือก็ยังถือเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลซู อีกทั้งไม่ว่าจะด้วยสถานะหรือทรัพย์สินก็ล้วนเป็นฝ่ายเหนือกว่าภรรยาใหม่ที่เขาแต่งงานด้วย
ซูหมิงเจ๋อจึงกล่าว “พวกลูกว่าพอจะให้พ่อตามไปอังกฤษไปพบคุณปู่ พ่อและแม่ของเย่เฉินหน่อยได้ไหม อย่างไรเสียลูกสองคนก็แต่งงานกันแล้ว พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็น่าจะเจอกันทำความรู้จักกันเสียหน่อย สองคือจะได้ช่วยดูแลซือซือด้วยไง”
ซูมู่ชิงที่เป็นลูกสาวย่อมไม่อาจทนเห็นบิดาอ้อนวอนคนอื่นได้ จึงเอื้อมมือไปแตะแขนเย่เฉินแล้วกล่าว “ที่รัก ให้คุณพ่อไปกับเราเถอะนะคะ”
เย่เฉินรู้ว่าที่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิกรานี้ เกรงว่าคงเป็นเพราะซูเจิ้นหางสั่งเอาไว้ ให้ไปล้วงความลับของตระกูลเย่ที่อังกฤษ
แต่ว่าความลับสุดยอดของตระกูล กระทั่งลูกหลานอย่างเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ เขาก็ไม่ได้กังวลว่าอีกฝ่ายจะตามสืบอะไรเจอ
อีกอย่างหลังจากแต่งเข้าตระกูลซูมา ซูหมิงเจ๋อที่เป็นพ่อตาถึงแม้ว่าจะเฉยชากับเขา แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้เยาะเย้ยเหน็บแนมเขาแบบแม่ยาย ก็ถือว่าดีกับเขาเอาการแล้ว
“ก็ได้ งั้นคุณก็ไปกับเราก็ได้ครับ” เย่เฉินรับคำ
ซูหมิงเจ๋อกล่าวอย่างพอออกพอใจ “เอาล่ะ! งั้นพ่อจะกลับไปเก็บของเดี่ยวนี้เลย จริงสิ พวกลูกจองตั๋วเครื่องบินหรือยัง? ทำเรื่องยกเลิกิไปเถอะ พรุ่งนี้เรานั่งเครื่องบินส่วนตัวของเราไปกันเถอะ ”
“ค่ะ คุณพ่อ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
ซูมู่ชิงโบกมือให้ผู้เป็นพ่อ แล้วเขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นพ่อตาดีใจแบบนี้ เย่เฉินจึงกล่าวถาม “ที่รัก พ่อคุณมีคนรู้จักอะไรที่นั่นไหม?”
“คนรู้จักเหรอคะ? ทำไมถามแบบนี้ล่ะ?” ซูมู่ชิงถามด้วยความสงสัย
เย่เฉินกล่าว “ก็ดูจากที่พ่อคุณดีใจขนาดนี้รู้สึกเหมือนว่าที่นั่นมีใครรอเขาอยู่เลยน่ะสิ”
ซูมู่ชิงทุบเย่เฉินเบาๆ “บ้าน่า อย่าพูดถึงคุณพ่อฉันแบบนี้นะคะ”
ตอนนี้ดึกแล้ว เย่เฉินและซูมู่ชิงเองก็ต้องเก็บของเหมือนกัน พวกเขาจึงออกจากบ้านไป
ทั้งสองคนเก็บสัมภาระเสร็จตอนตี 2 ซือซือย่อมต้องอยากตามพวกเขาไปด้วย จึงสาละวนเก็บเสื้อผ้าอย่างขะมักเขม้น หนังตาเด็กหญิงปรือลงจนจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ แต่ก็ยังไม่ยอมหลับ
กว่าจะหลอกล่อให้ซือซือยอมกลับห้องไปนอนได้ แต่จู่ๆ ซูมู่ชิงก็เอ่ยถาม “ที่รักคะ ทำไมสองวันนี้ฉันไม่เห็นซีกวาเลย? เขาจะไปอังกฤษกับคุณไหมคะ?”