เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 476 มารับที่สนามบินอย่างยิ่งใหญ่
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 476 มารับที่สนามบินอย่างยิ่งใหญ่
ตอนที่ 476 มารับที่สนามบินอย่างยิ่งใหญ่!
จากท่าทางของซูหมิงเจ๋อ เหมือนว่าเขาอยากจะไปบ้านของเย่เฉิน ไปพบคนในครอบครัวของเย่เฉินจนใจแทบขาด
เย่เฉินพยักหน้ารับ“ครับ พอถึงที่นั่น ผมจะพาคุณพ่อกับซือซือไปที่บ้านผมก่อน แล้วผมค่อยไปรับมู่ชิงอีกที”
เครื่องบินเริ่มบินขึ้น แล้วเพิ่มระดับความสูงไปอย่างรวดเร็ว
เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลซูหรูหราอย่างมาก จางเหมิงและหลินเป้ยเป้ยจึงจงใจไปหลบอยู่ที่พื้นที่พักผ่อน และนั่งแยกกับพวกเย่เฉินเพื่อจะไม่รบกวนคนในครอบครัวตระกูลซู
เมื่อทรุดตัวนั่งลง จิบกาแฟ จางเหมิงและหลินเป้ยเป้ยก็เริ่มพูดคุยกัน
จางเหมิง “เป้ยเป้ย เธอว่าทำไมฟางชิงต้องดึงดันลากเราไปเที่ยวที่อังกฤษให้ได้ด้วยเหรอ? ฉันยังต้องทำงานอยู่นะเนี่ย ที่บริษัทก็งานเยอะแยะ ยกเลิกนัดไปตั้งหลายนัด”
หลินเป้ยเป้ยกล่าว “ก็หล่อนอยากให้เราไปตั้งนานแล้ว อยากให้เราเห็นว่าหล่อนแต่งงานกับผู้ชายที่ดีขนาดไหน? แม่นี่น่ะหลงใหลในแก้วแหวนเงินทอง แต่งงานกับเศรษฐีชาวอังกฤษอวดไม่หยุดเลยจ้ะ แต่ว่าหล่อนเรียกเราไปอังกฤษนี่เรื่องของเรื่องคงเพราะอยากจะดูว่าสามีของมู่ชิงว่ามีเงินหรือเปล่าล่ะมั้ง?”
จางเหมิงหยักหน้า “จริงด้วย ฉันก็คิดแบบนี้เลย! ฟางชิงเอาแต่พูดว่าสามีของมู่ชิงเป็นคนหลอกลวง ยังบอกว่าหล่อนกับสามีสืบแล้วไม่เห็นเจอว่าเศรษฐีอังกฤษจะมีตระกูลเย่เลย ที่จริงแล้ววันที่ 1 เมษาหล่อนยังตั้งใจจะกลับมาร่วมงานแต่งงานของซูมู่ชิงกับหลี่เฉิงเจี๋ยแต่พอได้ยินว่าเปลี่ยนเจ้าบ่าวเป็นเย่เฉิน หล่อนก็ไม่มา”
หลินเป้ยเป้ยอ้าปากค้าง ขณะหันมองก้อนเมฆที่ลอยเป็นชั้นๆ อยู่นอกหน้าต่าง “ฉันเองก็คิดว่าเย่เฉินไม่เหมือนคนมีเงินเลย หลังจากแต่งงานแล้วก็อาศัยอยู่กัยตระกูลซู ทั้งรถ ทั้งบ้านซูมู่ชิงก็ซื้อเอง เขาที่เป็นสามีไม่ออกเงินเลยสักกะบาท”
จางเหมิงจิบกาแฟแล้วกล่าว “พอถึงประเทศอังกฤษแล้ว ความจริงก็จะเปิดเผยออกมาเอง ในวันแต่งงานพี่ชายคนโตของเย่เฉินยกกิจการร้านเหล้าที่อังกฤษให้มู่ชิงไม่ใช่หรือไง? เดี๋ยวพอเราไปที่นั่นก็จะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
หลินเป้ยเป้ยหัวเราะ“มิน่าล่ะฟางชิงถึงได้บอกให้เราไปนั่งชิลล์กัน ดูแล้วคงอยากจะรู้เรื่องเย่เฉิน เหอะๆ อีกเดี๋ยวก็จะมีอะไรสนุกๆ ให้ดูแล้ว”
ทั้งสองคนคุยเล่นกันสักพัก ก็สวมที่ปิดตาแล้วนอนหลับไป
บินไปสิบกว่าชั่วโมงกว่าจะถึงลอนดอน
ตอนถึงจุดหมายปลายทางก็เป็นเวลา 6 โมงเช้าไปแล้ว
“เย่ จะได้ไปบ้านคุณพ่อแล้ว!”
ซือซือกระโดดโลดเต้นด้วยท่าทีมีความสุข
“ค่อยๆ เดินสิลูก”
เย่เฉินจูงมือน้อยๆ ของเด็กหญิงขณะเดินลงมาจากบันไดเครื่องบิน
คนอื่นๆ ต่างก็สะพายกระเป๋าแล้วเดินลงมาช้าๆ
ทันทีที่เพิ่งลงจากเครื่องบิน ก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์หลายสิบคันมาจอดรอรับ!
รถทุกคันเป็นสีขาวจอดเรียงราย ทุกคันมูลค่าปาเข้าไปสิบกว่าล้าน หนำซ้ำยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดด้วย!
หลังจากที่จางเหมิงและหลินเป้ยเป้ยเห็นแล้วก็ตกใจไปกันหมด
“สวรรค์ รถโรลส์-รอยซ์สีขาวเยอะแยะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? โรลส์-รอยซ์สีขาวทั้งโลกมาจอดอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือเปล่าเนี่ย?”
“สุดยอดจริงๆ ตระกูลเย่นี่รวยสุดยอดจริงๆ ด้วย!”
ซูหมิงเจ๋อกล่าวกับเย่เฉินอย่างมีความสุข “เย่เฉิน ปู่ของเธอนี่เกรงใจกันจริงๆ ส่งรถหรูหราแบบนี้มารับพวกเราด้วย!”
แต่เย่เฉินกลับขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะเขารู้ดีว่าคุณปู่ของตนเองเป็นคนอ่อนน้อม ไม่ชอบทำอะไรเอิกเกริก ไม่มีทางส่งรถโรลส์-รอยซ์สีขาวมารับตนเองที่สนาม หรือทำอะไรที่เวอร์วังแบบนี้
ซูมู่ชิงเองก็ระบายยิ้มอย่างมีความสุขรู้สึกว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับตนเอง แต่ก็ยังหันไปบ่นเย่เฉิน “คุณนี่นะ เมื่อวานยังบอกว่าคุณปู่ไม่ชอบทำอะไรเอิกเกริก หลอกฉันนี่นา”
แล้วในตอนนี้เองก็มีหญิงสาวเรือนร่างสะดุดตาก้าวลงมาจากรถโรลส์-รอยซ์สีขาวคันแรกสุด
หญิงสาววางท่า สวมแว่นตาดำ และสวมกระโปรงสั้นและรองเท้าส้นสูงสีชมพู
“อ้าว นั่นมันฟางชิงไม่ใช่เหรอ?”
ทันทีที่หญิงสาวคนนี้ลงจากรถ พวกจางเหมิงก็จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็คือเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยของพวกหล่อน!
“แหมบ้าจริง งงกันตั้งนานที่แท้รถพวกนี้ไม่ใช่ของตระกูลเย่ส่งมา แต่เป็นคนของฟางชิง”
ทุกคนถึงเพิ่งได้รู้ว่าความยิ่งใหญ่ตรงหน้านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเย่เฉินแต่อย่างใด
“ว่าไง เพื่อนสาว”
ฟางชิงเองก้าวลงมาในรองเท้าส้นสูงด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง หญิงสาวถอดแว่นตาดำออก แล้วหันมาโบกมือให้ซูมู่ชิง
อย่างแรกหล่อนเดินตรงเข้ามาสวมกอดซูมู่หลินแล้วชม “เพื่อนรัก เธอผอมลงอีกแล้วนะ รักษาหุ่นยังไงเนี่ย?”
ซูมู่ชิงกล่าวพลางระบายยิ้ม “เธอหุ่นดีกว่าฉันชัดๆ หลังจากที่ฉันแต่งงานไปแล้ว ก็โดนสามีขุนจนอ้วนขึ้นตั้งหลายโล”
ฟางชิงหัวเราะแล้วหันไปสวมกอดเพื่อนสองคนที่เหลือ
จางเหมิงเอ่ยถาม “ฟางชิงเธอเป็นคนเตรียมรถเหรอเนี่ย?”
ฟางชิงกล่าวอย่างภูมิใจ “ใช่แล้ว ฉันให้สามีฉันเตรียมน่ะ ฉันบอกเขาว่าจะมารับเพื่อนที่สนามบิน”
ฟางชิงหันมองซูหมิงเจ๋อและซือซือแล้วโบกมือทักทาย “สวัสดีค่ะคุณอา หนูน้อยซือซือจำน้าได้ไหมจ๊ะ?”
หล่อนมองคนที่ก้าวลงมาจากเครื่องบิน แล้วเจ้าหล่อนก็กล่าวอย่างประหลาดใจ“มู่ชิง ทำไมเธอมีคนมาน้อยจัง? คุณปู่ คุณแม่ล่ะ? ซูมู่หลินไม่มาด้วยเหรอ?”
ซูมู่ชิงส่ายหน้า “ไม่ได้มาหรอก ขอโทษด้วยนะ ฉันน่าจะบอกเธอก่อนหน้านี้ เธอเลยเตรียมรถมาเยอะแยะเลย เสียดายเงินแย่”
ฟางชิงหัวเราะ “ดูเธอพูดเข้า เสียดายเงินอะไร ทำเหมือนฉันเช่ารถมา รถพวกนี้ของสามีฉันเอง! ไม่เป็นไรนะ ฉันให้พวกเขาทิ้งรถไว้สองคัน ส่วนคันอื่นๆ ให้พวกเขาขับกลับไปก็แล้วกัน”
ซูมู่ชิงยิ้มๆ เพื่อนสนิทของตนเองนี่ดีจริงๆ หล่อนรีบร้อนดึงแขนสามีออกมาแล้วแนะนำเขากับเพื่อนสาว “ฟางชิง ฉันขอแนะนำให้เธอรู้จักสามีฉันนะ เย่เฉิน”
เพราะฟางชิงไม่ได้ไปงานแต่งงานของซูมู่ชิง ดังนั้นจึงไม่เคยเจอหน้าเย่เฉินมาก่อน
เย่เฉินเป็นฝ่ายทักทาย“สวัสดีครับ”
ฟางชิงเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “สวัสดีค่ะ สามีที่รัก”
เย่เฉิน “…”
เย่เฉินกระดาก “คุณเรียกผมว่าอะไรนะครับ?”
ฟางชิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ก็ซูมู่ชิงเป็นที่รักของฉันคุณเป็นสามีหล่อน ฉันเรียกคุณว่าสามีที่รักมันผิดตรงไหนล่ะคะ?”
“แค่ก…”
เย่เฉินไม่รู้จะเถียงอีกฝ่ายอย่างไร ผู้หญิงคนนี้ตลกดีจริงๆ
ฟางชิงจึงกล่าว “จริงด้วย มู่ชิง ฉันจองโต๊ะที่ Gilbey’s Bar บอกให้สามีเธอกับพ่อเธอไปด้วยกันสิ”
ซูหมิงเจ๋อกล่าว “อย่าเลย พวกเด็กๆ ไปสนุกกันเถอะ เดี๋ยวพ่อกับเย่เฉินจะไปเจอคนตระกูลเย่ก่อน”
ที่จริงแล้วซูมู่ชิงเองก็อยากจะไปกับพวกเขาด้วย แล้วค่อยเจอเพื่อนๆ ในวันที่สอง แต่อีกฝ่ายยืนกระต่ายขาเดียวว่าจะต้องเป็นวันนี้เท่านั้น
ฟางชิงเองก็ไม่ได้ดึงดันต่อ “อ้อ ก็ได้ค่ะ เย่เฉินบ้านคุณอยู่ไหนนั่งรถฉันไปสิ เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่ง”
เย่เฉินกล่าว “ขอบคุณครับ แต่คุณปู่ผมรู้อยู่แล้วว่าผมมา อีกเดี๋ยวก็น่าจะมารับพวกเราแล้ว”
“งั้นเหรอ?”
ฟางชิงเองก็ไม่ได้รีบร้อนจะไป หล่อนเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสามีที่เพื่อนสาวแต่งงานด้วยคนนี้ ตระกูลเย่ที่ว่าจะมารับเขาและพ่อของซูมู่ชิงอย่างไร
แล้วรถสีดำที่แสนเรียบง่ายไม่สะดุดตาก็ขับเข้ามา