เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 490 เสียงของนางฟ้า
ตอนที่ 490 เสียงของนางฟ้า!
เย่เฉินนั้นอยากได้ยินซูมู่ชิงร้องเพลงมาโดยตลอด!
เขารู้สึกว่าจะต้องไพเราะมากแน่ๆ!
เพราะตอนที่สองคนรักกัน เสียงของหญิงสาวทำให้เย่เฉินหลงจนโงหัวไม่ขึ้น!
ดังนั้นเย่เฉินถึงได้อยากฟังหญิงสาวร้องเพลง แต่ซูมู่ชิงเขินอายอย่างยิ่ง รู้สึกว่าเย่เฉินเป็นคนรู้เรื่องดนตรีเป็นอย่างดี เลยกลัวว่าหล่อนจะร้องเพลงไม่เพราะ เลยไม่ยอมร้องให้เขาฟัง
วันนี้จากท่าทีของซูมู่ชิงแล้วดูท่าทางว่าใกล้จะเมาแล้ว
เขาจึงตัดสินใจฉวยโอกาสให้หล่อนร้องเพลงเพื่อคลายความประหลาดใจของตนเอง
เย่ฉงไห่มองซูมู่ชิงแล้วกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“มู่ชิง ปู่รู้เรื่องของเธอกับเย่เฉินหมดแล้วล่ะ ตอนนั้นเป็นเพราะเย่เซวียนทำเรื่องเหลวไหล คิดไม่ถึงว่าจะจับเธอไปที่สนามรบในซีเรียแล้วโยนเธอไว้กับเย่เฉินในห้องมืด ปู่ต้องขอโทษแทนเย่เซวียนด้วย หวังว่าเธอจะให้อภัยเขานะ”
เย่ฉงไห่แก้วเหล้าขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าเขาที่แสนสูงส่งนักหนาจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษหลานสะใภ้ก่อน!
ซูมู่ชิงรีบร้อนเทเหล้าใส่แก้วแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นให้อีกฝ่าย “คุณปู่คะ หนูลืมเรื่องนั้นไปนานแล้วค่ะ”
ซูหมิงเจ๋อก็รีบร้อนกล่าว “ท่านเย่ครับ ท่านพูดเกินไปแล้วล่ะครับ ในสายตาผมที่เย่เซวียนทำแบบนี้คงไม่ใช่เพราะอยากดูหมิ่นมู่ชิงหรอกครับ เขาจะต้องคิดว่ามู่ชิงกับเย่เฉินเหมาะสมกันดีก็เลยอยากจะเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้น่ะสิครับ! พูดไปแล้วเราต้องขอบคุณเย่เซวียนนะครับ ถ้าไม่เพราะเขาบ้านเราสองคนจะเป็นทองแผ่นเดียวได้ยังไง!”
ลูกสาวของตนเองโดนข่มขืน แต่คนเป็นพ่ออย่างซูหมิงเจ๋อ กลับออกตัวแทนเย่เซวียนเสียอย่างนั้น
ถึงเมื่อก่อนเขาจะกัดฟันกรอด ไม่พอใจขนาดไหนเวลาได้ยินชื่อของเย่เซวียน
แต่ตอนนี้ผู้ชายที่ข่มขืนซูมู่ชิงเป็นผู้ชายที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศ ส่วนตระกูลเย่นั้นก็มีอำนาจกว่าตระกูลซูมากทีเดียว
และที่สำคัญเลยก็คือซูมู่ชิงชอบเย่เฉิน ตอนนี้เจ้าหล่อนมีความสุขมากทีเดียว
ดังนั้นเลยไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้อีก
ในเวลานี้เองจู่ๆ เย่เทียนก็คำรามเสียง “น้องรองเหลวไหลจริงๆ! คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำแบบนี้กับน้องรองและมู่ชิง! มู่ชิงสบายใจได้เลยนะเดี๋ยวถ้าเย่เซวียนกลับมาที่ตระกูล พี่จะช่วยเธอสั่งสอนเขาเอง!”
ซูมู่ชิงซาบซึ่งใจอย่างมาก “ขอบคุณนะคะพี่ใหญ่ คงไม่ต้องถึงขั้นสั่งสอนหรอกค่ะ ฉันให้อภัยเขาแล้วล่ะค่ะ”
เย่ฉงไห่พยักหน้าอย่างพอใจ “มู่ชิงมีอีกเรื่องนะ เธอมาอังกฤษคราวนี้ฉันอยากจะรับเธอเข้าตระกูลอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอคือหลานสะใภ้ของตระกูลเย่เราและสามารถสืบทอดทรัพย์สินตระกูลเย่เราได้”
เย่เทียนหัวเราะ “น้องสะใภ้ พี่รู้ว่าตระกูลซูของพวกเธอน่ะรวยมากนะ แต่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วยังเหมือนปลาตัวเล็กๆ อยู่เลย ทรัพย์สินของตระกูลเย่เราน่ะเยอะจนเธอจินตนาการไม่ได้เลยล่ะ ดีใจด้วยนะ”
ส่วนคงยูมิที่อยู่ข้างๆ ก็อมยิ้ม “ดีใจด้วยนะจ๊ะมู่ชิง”
ซูมู่ชิงเองก็ดีใจอย่างมาก ในที่สุดหล่อนก็ได้รับการยอมรับว่าได้เป็นสะใภ้ตระกูลเย่ จะได้รับจดชื่อเข้าตระกูลและมีสิทธิ์ได้รับสืบทอดมรดก!
อีกทั้งไม่ใช่ว่าคู่สมรสของเย่เฉินจะมีสิทธิ์แบบนี้
ถึงแม้ว่าก่อนนี้หวังเจียเหยาจะแต่งงานกับเย่เฉินแต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเย่
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ ขอบคุณนะคะพี่ใหญ่และพี่สะใภ้!”
ซูมู่ชิงดีใจจนยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดอีกครั้ง!
“นี่ๆ”
เย่เฉินเห็นซูมู่ชิงดื่มอีกครั้ง จะห้ามก็ทำไม่ได้ ในใจคิดว่าอีกเดี๋ยวภรรยาตัวเองจะต้องดื่มจนเมาแน่
และเป็นไปอย่างที่เขาคิดในระหว่างที่พูดคุยกับคนที่บ้านนั้นซูมู่ชิงก็ดื่มจนเมา
เย่เฉินจึงฉวยโอกาสนี้ยัดไมค์ใส่มือหล่อน “ที่รัก วันนี้บรรยากาศดีมีความสุขคุณร้องเพลงให้ทุกคนฟังหน่อยสิ”
ซูมู่ชิงเองรับไมค์ที่ไม่อาจหาซื้อได้มาแล้วกล่าว “ได้สิคะ!”
กระทั่งซือซือยังตกใจ “คุณแม่ร้องเพลงได้ด้วยเหรอคะเนี่ย?”
เย่เฉินลอบโห่ร้อง เสียงหล่อนมีสเน่ห์ขนาดนั้น เสียงร้องเพลงน่าจะต้องน่าฟังมากเช่นกัน!
ซูมู่ชิงถือไมค์แล้วยืนอยู่ข้างโต๊ะเห็นเย่ฉงไห่อายุมากแล้วจึงกล่าว “คุณปู่คะ หนูขอร้องเพลง ‘Imagine’ ของจอห์น เลนนอนให้คุณปู่ฟังนะคะ”
เย่เฉินกล่าว “คุณปู่ไม่ชอบฟังเพลงฝรั่ง คุณไม่ต้องตั้งใจร้องเพลงอะไรเป็นพิเศษหรอก ร้องเพลงที่คุณฟังบ่อยๆ ก็พอ”
ซูมู่ชิงครุ่นคิด “เพลงที่ฉันฟังบ่อยๆ ช่วงนี้เหรอคะ…”
ช่วงนี้เพลงที่ซูมู่ชิงฟังบ่อยๆ คือ‘วิหคกับจั๊กจั่น’
ซูมู่ชิงหันมองเย่เฉิน “งั้นฉันร้องเพลง ‘วิหคกับจั๊กจั่น’ ก็ได้ค่ะ ที่รัก คุณช่วยบรรเลงดนตรีให้หน่อยได้ไหมคะ?”
ซูมู่ชิงรู้ว่าเย่เฉินเล่นดนตรีได้หลายประเภท ถ้าจะให้ร้องเฉยๆ ไม่สู้ขอมีเสียงดนตรีคลอไปด้วยน่าจะดีกว่า
แต่เย่เฉินกลับนั่งนิ่งไม่ไหวติง “ผมเป็นคุณชายที่นี่นะ เรื่องแบบนี้จะให้ผมทำเเองได้ยังไง”
คิดไม่ถึงว่าพอเย่เฉินมาอยู่ที่บ้านจะวางท่าเป็นคุณชายไปเสียได้ ปกติแล้วตอนอยู่ที่เรือนสี่ประสานของหญิงสาวเขารับหน้าที่ทำอาหาร ปูเตียงด้วยตัวเอง
ซูมู่ชิงยื่นริมฝีปากออกมา ด้วยท่าทีไม่ใคร่จะพอใจนักจากนั้นก็เริ่มร้องเพลง
“คุณบอกว่าเหมาะจะขอพรในขวดโหลแก้ว ในจุดที่ลมพัดอุ่น และแสงจันทร์สาดส่อง”
เสียงของซูมู่ชิงไพเราะจับใจจริงๆ ด้วย เพียงวินาทีเดียวก็สามารถคว้าใจเย่เฉินไปครองได้ ทำให้เขานึกถึงวินาทีที่แสนงดงามของหญิงสาว
แต่ว่าพอร้องประโยคนี้จบเจ้าหล่อนก็ชะงักไป
นั่นเพราะหล่อนพบว่าหลังจากที่หล่อนร้องประโยคแรกไปแล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงกีตาร์ดังขึ้น รวมไปถึงเปียโนและเสียงกลองด้วย!
มีคนกำลังบรรเลงเพลงให้หล่อน!
แต่ว่าพอซูมู่ชิงหันตัวไปก็ไม่พบนักดนตรีปรากฏตัวในห้องอาหาร
ซูมู่ชิงประหลาดใจไม่มีนักดนตรี จะมีเสียงกีตาร์ เปียโนและกลองได้ยังไง
เย่เฉินยิ้ม “เด็กโง่ ยังไม่เคยเห็นเวทย์มนตร์ดำของตระกูลเย่เราสินะ!”
ที่เย่เฉินไม่บรรเลงเพลงให้หล่อนนั่นเพราะที่บ้านเขามีระบบบรรเลงดนตรีอัตโนมัติ
ในเวลาเดียวกับที่ซูมู่ชิงร้องเพลง ระบบก็จะตั้งค่าเครื่องดนตรีต่างๆ แล้วยังสามารถจำแนกเสียงเพลงที่ขับร้องเพื่อร่วมบรรเลงเสียงดนตรี
ไม่เพียงเท่านั้น เสียงที่ซูมู่ชิงขับร้องออกมานั้นมีการตัดต่อและใส่เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ด้วย
แถมระบบนี้ตอนนี้มีแค่ตระกูลเย่เท่านั้นที่ครอบครองอยู่
ถ้าหากว่าตระกูลเย่ปล่อยเทคโนโลยีสู่ตลาดจะทำให้นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลงกว่า 80% จะตกงานแน่!
“เธอบินออกไปไกลอย่างเย่อหยิ่งแล้วพรากฤดูร้อนของฉันไป”
“คำประกาศที่ไม่ได้ยิน วนไปมาหลายปี”
“แต่ความคิดที่เหลวไหลนั้นจะโดนลมพัดพาไป”
เสียงของซูมู่ชิงไพเราะจริงๆ บวกกับระบบเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ทำให้เสียงที่เปล่งออกมาของหญิงสาวก็ไพเราะเหมือนแผ่น CD
แต่เมื่อได้ยินเสียงเพลงแสนเศร้า ภาพเงาของฉินหงเหยียนก็ปรากฏขึ้นในหัวของเย่เฉิน!
ฉินหงเหยียนสวมชุดสูทของผู้บริหาร นั่งไขว่ห้าง สูบบุหรี่ ท่าทางอันแสนเย้ายวนใจนี้ยังคงตราตรึงอยู๋ในใจของเขา
และในเวลานี้เอง จู่ๆ เย่เทียนก็เดินมานั่งข้างๆ เข้าแล้วกอดคอน้องชาย ถือแก้วเหล้าพลางกล่าว
“น้องสามก่อนนี้ที่พี่สงสัยเมียนาย จนทำเอาพวกนายเกือบต้องหย่ากัน เป็นเพราะพี่เลนเล่อไป คิดไมถ่ึงเลยว่าเย่เซวียนจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ พี่เลยตกหลุมพรางของเขา นายคงจะไม่โกดพี่ชายคนนี้ใช่ไหม?”