เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 21.2
การเคลื่อนไหวของเหยียลี่ว์ฉีรวดเร็วยิ่งนัก ยากที่จะจินตนาการได้เหลือเกินว่าคนที่มีท่าทางสง่างามสูงส่งคนหนึ่งจะห่อเกี๊ยวได้ แต่อาจเพราะเกิดมาหล่อเลยแลดูแตกต่างออกไป พอเขาทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาก็ดูชำนาญคล่องแคล่ว ท่วงท่ายังคงสง่างาม แป้งเกี๊ยวเหินขึ้นเหินลงบนมือเขา สอดไส้เกี๊ยวทั้งห้าจากถ้วยลายครามน้อยสีขาวราวหิมะตามลำดับ ไส้เกี๊ยวแบ่งเป็นห้าสีสัน สีแดงเข้มคือเนื้อหมู สีชมพูคือกุ้งสด สีดำคือเห็ดหูหนูปลิงทะเล สีเหลืองอ่อนคือไข่ไก่ไข่ปูและสีเขียวคือปวยเล้ง สีสันสดใสพาให้ดวงตาเปล่งประกาย สายตายังไม่ทันได้ถอนออกมาจากสีสันหลากหลายเหล่านั้น นิ้วมือขาวราวหิมะนั่นเดี๋ยวโค้งเดี๋ยวงอหลายครั้งแล้ว เกี๊ยวที่ทำออกมายิ่งใกล้เคียงดอกไม้สดห้าสีดอกหนึ่ง ข้างบนเกี๊ยวที่เรียงเป็นดาวห้าแฉกพลิกออกเป็นห้าโพรง ภายในแต่ละโพรงผุดเผยเนื้อหมูสีแดงเข้ม กุ้งสดสีชมพู ปลิงทะเลสีดำ ไข่ปูสีเหลืองอ่อนและปวยเล้งสีเขียวนิดหน่อย มันขลับโอ้อวดตรงปากรอยจีบขาวราวหิมะ จิ่งเหิงปัวมองแค่แวบเดียวยังรู้สึกว่าน้ำลายไหลล้นจนแทบท่วมตนเองแล้ว
ตอนแรกที่นางมองเห็นคนแบบเขาทำงานพิถีพิถันแบบนี้แล้วอยากจะหัวเราะออกมา แต่ภายหลังกลับรู้สึกเลื่อมใสเหลือเกิน…ถ้าผู้ชายคนหนึ่งทำได้ดีแม้แต่เรื่องแบบนี้ อย่างนั้นบนโลกใบนี้คงไม่มีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้แล้ว
ฝีมือการทำอาหารของเขาคือความต้องการของสวินหรู ผู้ชายคนหนึ่งเชื่อฟังการสั่งสอนแบบนี้ของพี่สาวได้ จิตใจของเขาน่าจะรับมือกับความผันผวนของชีวิตนี้ได้แล้วด้วย
พลันนึกถึงคนผู้นั้นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกครั้ง คนนั้นคือหิมะบนเทือกเขาหน้าผาบนท้องนภา ตระหง่านแข็งแกร่งไม่อาจฝ่าฟัน ทว่าเหยียลี่ว์ฉีคือสายธารที่ทอดยาวคดเคี้ยวจากท้องฟ้ากว้างไกล ไหลรินรวดเร็วไร้สรรพเสียง
กระถางไฟวูบไหว แสงอ่อนเหลืองสลัว สะท้อนจนเค้าโครงหน้าผากของเขาคล้ายปกคลุมด้วยแสงสีทองชั้นหนึ่ง โชติช่วงและนุ่มนวล นางเห็นหน้าผากของเขามีเหงื่อผุดซึมขึ้นเล็กน้อย คิดว่าเขาบาดเจ็บสาหัสยังไม่หายดี ไม่เพียงแต่รู้สึกสงสารอยู่บ้าง ซ้ำยังล้วงผ้าซับบนหน้าผากของเขา
ยามนี้เขากำลังหันหน้า พอหันหน้าก็พลันเงยหาผ้าเจือกลิ่นหอมอ่อน เขาคล้ายนึกไม่ถึงว่านางจะทำท่าทางเช่นนี้ได้ด้วย อดจะชะงักไม่ได้ จากนั้นยกมืออย่างรวดเร็ว หยุดยั้งมือที่ถือผ้าไว้ของนาง เฉกเช่นยามคว้านิ้วมือนางไว้ก่อนหน้านี้
“อย่าขยับ…” เสียงเขาคล้ายกระซิบ ผุดเผยความเกียจคร้านสามส่วนเสียดายสามส่วนหยอกล้อสามส่วน เอ่ยว่า “…ยากจะได้เห็นเจ้าอ่อนโยนขนาดนี้ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าข้ากำลังฝันไป ขอให้ข้าได้ฝันเช่นนี้นานขึ้นสักหน่อย…”
น้ำเสียงเฉื่อยเนือยคล้ายลมวสันต์พัดผ่านภายในห้องงดงามแพรวพราว ทว่าทั้งเจือด้วยความโศกเศร้า ด้วยเพราะรู้ว่าชั่วพริบตาเดียวจะถูกลมเหมันต์พัดพาไป
จิ่งเหิงปัวหยุดนิ่งแล้วหัวเราะดังฮึ นิ้วมือออกแรงคลุมผ้าทั้งผืนบนใบหน้าเสียเลย ลูบบนใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง แล้วกล่าวเสียงดังว่า “มาเร็ว หนึ่งสองสาม ออกแรงสั่งน้ำมูก!”
เหยียลี่ว์ฉีที่อยู่ใต้ผ้าหัวเราะออกมาดังพรืด เอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าเป็นพวกที่ถนัดทำลายบรรยากาศโดยแท้…” ตนเองหยิบผ้าแล้วเอนลงข้างหลังอย่างเกียจคร้าน
และไม่รู้ว่าเพราะเหน็ดเหนื่อยหรือจิตใจหวั่นไหว ยามนี้บนใบหน้าของเขาจึงแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย แต่งแต้มสีสันบนสีหน้าขาวซีดเบาบาง นัยน์ตาบริสุทธิ์ผ่องใสคล้ายเปล่งแสงสว่าง ผมดำขลับกระจัดกระจายพลิ้วสยาย เวียนวนบนหน้าอกอย่างนุ่มนวล ผิวกายข้างล่างแวววาวดุจน้ำผึ้งเจือจาง ส่วนปลายคิ้วที่เชิดขึ้นกับหางตาที่กระหวัดขึ้นเล็กน้อยของเขาผนึกแน่นด้วยสีดอกท้ออ่อนนวล เพริศแพร้วดุจผ้าแพรหลากสีสันพับหนึ่งซึ่งเหินทะยานพัดพลิ้ว
ส่วนท่วงท่าเกียจคร้านเป็นการยั่วยวนโดยไร้วาจาชนิดหนึ่ง
จิ่งเหิงปัวเบนสายตาออกทันที ไปดูเกี๊ยวที่นึ่งอยู่ในหม้อนึ่งน้อย ส่งเสียงโวยวายว่าสุกหรือยัง?
มือข้างหนึ่งกุมลงบนมือของนาง คว้ากรงเล็บของนางออกมา เหยียลี่ว์ฉีเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ระวังลวกมือ”
จิ่งเหิงปัวได้แต่ชักมือกลับ รู้สึกแค่ว่าข้างกายเขาคล้ายมีขีปนาวุธรอบด้าน เหินพุ่งดังฟิ้วทั่วทิศ ไม่ว่าหลบซ่อนตรงไหนก็ถูกเผาไหม้ได้
“เกือบสุกแล้ว” เหยียลี่ว์ฉีเปิดฝาหม้อออก บนจานกระเบื้องเคลือบขาวราวหิมะมีดอกเกี๊ยวห้าสีสันแย้มบาน
เหยียลี่ว์ฉีคีบออกมาให้นางหนึ่งจานน้อย เอ่ยเตือนว่าระวังร้อน จิ่งเหิงปัวกัดเข้าไปคำหนึ่ง ภายในช่องปากพลันท่วมท้นด้วยไส้เกี๊ยวอวบอิ่มกับน้ำแกงชุ่มฉ่ำ ปุ่มรับรสถูกกระตุ้นอย่างเต็มที่ ร่าเริงจนคล้ายจะเต้นรำ นางอดจะหรี่ตาขึ้นไม่ได้ ถอนใจเสียงหนึ่งกล่าวว่า “คิดถึงเค้กน้อยจัง…”
เหยียลี่ว์ฉีเอียงศีรษะมองดูสีหน้าพอใจของนาง ไอร้อนที่ลอยขึ้นเกาะกลุ่มเป็นหยดน้ำละเอียดมากมายกลางอากาศ เกาะกุมบนขนตายาวงอนของนาง แวววาวพราวแพรว ส่วนริมฝีปากแดงของนางกระดกขึ้นดุจรูปร่างของหนึ่งบุปผา
ครู่หนึ่งนี้สีหน้าของนางนุ่มนวล ดูท่าทางเงียบสงบเป็นปกติ
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าครู่หนึ่งนี้ เพียงครู่หนึ่งนี้เท่านั้น นางได้ผลักไสความดุเดือดรุนแรงและความเจ็บปวดทรมานที่ซุกซ่อนไว้หลังค่ำคืนสายลมหิมะนั้นออกไปโดยสิ้นเชิง ปลดปล่อยจิตใจ สัมผัสรสชาติของปีใหม่ในครู่หนึ่งนี้อย่างแท้จริง
ใช่แล้ว รสชาติของปีใหม่ รสชาติที่เขาอยากมอบให้กับนาง
นอกจากสิ่งนี้แล้ว ยังมีสิ่งใดที่ปลอบประโลมโพรงกว้างใหญ่และความเจ็บปวดที่หลงเหลืออยู่ในใจนางหลังจากวันนั้นได้?
แต่เดิมอาหารค่ำก่อนปีใหม่นี้ เขากับพวกเจ็ดสังหารและเทียนชี่วางแผนกันไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจะร่วมลงมือทำอาหารค่ำก่อนปีใหม่ที่ทั้งคึกคักทั้งยากจะลืมเลือนที่สุดให้นางมื้อหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าแผนการไม่รวดเร็วเท่าความเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นยามนี้ แม้จะบาดเจ็บสาหัส แม้วิกฤตกาลจะยังคงอยู่ แม้เวลาจะกระชั้นชิด แต่เขาก็ยังคงอยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในใจกับนาง
เพียงเพื่อสีหน้าในยามนี้ของนาง
เพียงครู่เดียวก็พอแล้ว
…
“พ่อครัวจวนนี้ฝีมือธรรมดา เส้นก๋วยเตี๋ยวกับแป้งเกี๊ยวไม่ค่อยเหนียวนุ่ม รอให้ข้าหายดีแล้วจะนวดแป้งให้เจ้าด้วยตนเองสักครั้ง” เหยียลี่ว์ฉีเริ่มห่อเกี๊ยวอีกครั้ง จิ่งเหิงปัวยังนึกว่าเขาคิดจะห่อกินเอง ใครรู้ว่าเขาจะฉวยมือถอดแหวนสีทองแดงวงนั้นจากบนนิ้วมือของนาง หมุนเปิดกับดัก แล้วรินของเหลวหยดหนึ่งออกมาทาบนจานนึ่ง
“ประเดี๋ยวนางไปแสดงระบำ เจ้านำเกี๊ยวนี้ขึ้นถวาย เอ่ยว่าเจ้าห่อมันด้วยมือของตนเอง” เหยียลี่ว์ฉีเรียกฮูหยินเหยามากำชับ
ฮูหยินเหยาคล้ายเดาได้ว่าเขาจะกระทำสิ่งใด พยายามส่ายหน้าด้วยความตกใจสุดชีวิต ร้องว่า “ไม่! ไม่! ฝ่าบาทจะต้องให้ข้าลองชิมก่อนเป็นแน่…”
“สิ่งนี้มิใช่ยาพิษ เป็นเพียงยาที่ทำให้กระดูกอ่อนยวบกล้ามเนื้อไร้กำลัง ยามนี้ข้ายังไม่อยากสังหารจินจ้าวหลง” เหยียลี่ว์ฉียิ้มอย่างเฉื่อยเนือย ดีดยาเม็ดหนึ่งเข้าปากฮูหยินเหยา เอ่ยว่า “เจ้าลองชิมได้ไม่ต้องกังวล”
ฮูหยินเหยามีสีหน้าร้อนอกร้อนใจทว่าได้แต่เงียบเสียงลง ยามที่นางเห็นเหยียลี่ว์ฉีเป็นครั้งแรก สายตาก็ตื่นตะลึงอยู่หลายส่วนนัก รู้สึกเพียงว่าหากเปรียบเทียบคุณชายรองตระกูลเซวียนหยวนกับเขาแล้ว เสมือนเปรียบเทียบกาดำกับหงส์รุ้งโดยแท้ ทว่าสายตาหวั่นไหวเช่นนี้มองได้เพียงชั่วครู่ สตรีที่ไวต่อความรู้สึกนางนี้พลันได้กลิ่นลมหายใจอันตรายระหว่างท่วงทำนองยามบุรุษเอ่ยวาจาแล้ว
โดยเฉพาะหลังจากที่นางมองเห็นเขาโบกมืออยู่ไกลโพ้น นกแก้วช่างเจรจาตัวนั้นในกรงนกที่แขวนไว้ใต้ชายคาระเบียงพลันล้มตาย นางแทบอยากจะออกห่างจากเขาสามจั้ง
นางยืนอยู่เบื้องหน้าเหยียลี่ว์ฉีอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว รอคอยคำสั่งของเขา
“เจ้าต้องคุ้มครองความปลอดภัยของนาง อย่าได้มีความคิดชั่วร้ายสักเสี้ยว” เหยียลี่ว์ฉีผลักเกี๊ยวทรงดอกไม้สู่เบื้องหน้านาง รอยยิ้มดุจมวลผกาเช่นกัน เอ่ยว่า “มิฉะนั้น ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสฉลองปีใหม่คราวนี้จนเสร็จสิ้นเป็นแน่”
ฮูหยินเหยาประคองถาดรองแล้วขานรับถอยไป จิ่งเหิงปัวที่อยู่ข้างหนึ่งแต่งหน้าเสร็จอย่างรวดเร็ว คว้าชุดระบำชุดหนึ่งของฮูหยินเหยามาสวม ตามแผนการของนาง นางจะฆ่าเซวียนหยวนเหว่ยกลางงานเลี้ยงแล้วค่อยหายตัวหนีไป ภายในช่วงเวลานี้เอง ด้วยความช่วยเหลือจากสาวใช้ข้างกายของฮูหยินเหยา เหยียลี่ว์ฉีจะติดต่อกับเซวียนหยวนฉี่ในนามของฮูหยินเหยา แอบอ้างเป็นคนไว้ใจของฮูหยินเหยา หวังเข้าสู่หุบเขาเทียนฮุยร่วมแบ่งปันผลประโยชน์ พอเซวียนหยวนเหว่ยตายแล้ว เซวียนหยวนฉี่ต้องเป็นเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงแน่นอน อีกทั้งเซวียนหยวนฉี่เองมักชอบรับปากโดยไม่คิดให้รอบคอบ น่าจะไม่ปฏิเสธการไหว้วานส่วนตัวของสาวงาม
การสังหารเซวียนหยวนเหว่ยที่ค่อนข้างเฉลียวฉลาดแข็งแกร่ง คนที่ถูกนับว่าเป็นผู้สืบทอดตระกูลเซวียนหยวนโดยตลอด จะเป็นการตบหน้าครั้งแรกที่จิ่งเหิงปัวเตรียมไว้ให้เซวียนหยวนจิ้ง
ค่ำคืนก่อนปีใหม่ใกล้เข้ามา ทว่าสองคนจะแยกจากกันชั่วคราวในวันส่งท้ายปีนี้ ต่างคนต่างไปทำเรื่องชั่วร้ายไร้ศีลธรรมด้วยวิธีการสกปรก
“ยังคงเป็นเป็นวาจานั้น ลอบสังหารสำเร็จหรือไม่ไม่สำคัญ ปกป้องตัวเจ้าเองให้ปลอดภัย” เหยียลี่ว์ฉีกำชับ
จิ่งเหิงปัวหัวเราะ ฝีเท้าว่องไว ขณะใกล้จะออกนอกประตูพลันเฉียดเข้ามาประหนึ่งสายลมอีกครั้ง คว้าจานออกมาจากมุมหนึ่งของโต๊ะประดุจเล่นกล คีบเกี๊ยวตัวสุดท้ายยัดเข้าไปในปากเขา
“เฮ้อ เกี๊ยวฉลองปีใหม่ เจ้ายังไม่ได้กินเลยนะ!”
เสียงหัวเราะของนางโปรยปรายนอกธรณีประตู เงาร่างงามวิจิตรสูญสลายกลางสายลมหิมะ เหยียลี่ว์ฉีนั่งอยู่อย่างเงียบเชียบ หลังผ่านไปครู่ใหญ่จึงเคี้ยวเกี๊ยวในปากอย่างเชื่องช้า
อวบอิ่มอ่อนนุ่มหอมหวน ทว่าผสมผสานรสชาติหลากหลาย
…
กระถางไฟทองเหลืองพัดโชยไอร้อนแวววาว เจ้าภาพแขกเหรื่อร่วมร่ำสุราสุขสันต์บนพรมผ้าแพร
ที่นี่เป็นคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเป่ยซิน ยามนี้กลายเป็นสถานที่พักอาศัยใช้สอยของท่านผู้นำเผ่าชั่วคราว วันนี้ยามเที่ยง ผู้นำเผ่าจัดเลี้ยงรับรองเซวียนหยวนเหว่ยคุณชายใหญ่ตระกูลเซวียนหยวน เพียงให้โฉมสะคราญแห่งตี้เกอที่เพิ่งโปรดปรานช่วงนี้อยู่เคียงข้าง
ยามนี้บนโต๊ะมีกลิ่นหอมอาหารแน่นขนัด สุราอาหารวางทั่วโต๊ะ วาจาสนทนากำลังครึกครื้นสนุกสนาน
“…เรื่องนี้คงต้องขอให้ผู้นำเผ่าช่วยดูแลหน่อยแล้ว” เซวียนหยวนเหว่ยคุณชายใหญ่ตระกูลเซวียนหยวนที่มีรูปหน้าเหลี่ยม สายตาเจือด้วยความโหดเ**้ยม ชูถ้วยยิ้มแย้มคารวะจินจ้าวหลงผู้นำเผ่าหวงจิน เอ่ยว่า “น้องรองคนนั้นของข้าเยาว์วัยอารมณ์ร้อน จะนำกำลังทหารกองหนึ่งเข้าร่วมปฏิบัติการเทียนฮุยให้ได้ ข้าพยายามตักเตือนไม่ได้ด้วย ท่านพ่อรักใคร่น้องรองตั้งแต่ไหนแต่ไร ตกปากรับคำเสียแล้ว ท่านว่าเรื่องนี้น่ะ เฮ้อ…”
“นั่นสินะ” จินจ้าวหลงหัวเราะเหอะๆ พลางดื่มสุรา เอ่ยว่า “คุณชายน้อยฉี่นับเป็นเด็กหนุ่มกล้าหาญไร้ความหวาดกลัวโดยแท้ หุบเขาเทียนฮุยนี้เป็นสถานที่ที่ทุกคนเข้าไปได้หรือ? เขาอารมณ์ร้อนขนาดนี้ ด้วยเพราะกลัวว่าคุณชายใหญ่จะแย่งผลงานชั้นยอดมิใช่หรือ ฮ่าๆ”
“ผู้นำเผ่าล้อเล่นแล้ว น้องชายอ่อนวัยชอบใช้อารมณ์ ไม่รู้หนักเบา ได้แต่ขอให้ท่านผู้นำเผ่าช่วยดูแลหน่อยแล้ว” เซวียนหยวนเหว่ยมอบกล่องงดงามประณีตที่เขียนลายน้ำทองประดับหยกใบหนึ่งให้เขาอย่างจริงใจ
จินจ้าวหลงโบกมือ เอ่ยว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอก เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
สองคนยิ้มแย้มมองกันและกัน เข้าใจทุกสิ่งแม้ไม่เอ่ยวาจา
ตระกูลเซวียนหยวนต่อสู้ดุเดือด ปฏิบัติการหุบเขาเทียนฮุยสำเร็จหรือไม่เกี่ยวข้องกับเซวียนหยวนเหว่ยได้เลื่อนตำแหน่งหรือไม่ เขาจะยอมให้น้องชายมาก่อความวุ่นวายยามนี้ได้อย่างไร?
เข้าสู่หุบเขาเทียนฮุยแล้วย่อมเป็นอาณาเขตของจินจ้าวหลง หาก ‘ดูแล’ จนเกิดเรื่องใดขึ้นที่นั่น ผู้ใดจะโทษเซวียนหยวนเหว่ยไม่ได้ นับได้เพียงว่าเซวียนหยวนฉี่รนหาที่ตายเอง