เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 29.1
“เผยซูจัดประลองเลือกคู่!”
จิ่งเหิงปัวสะดุดธรณีประตูโซเซ ตกใจเหลียวหลังถามว่า “อะไรนะ?”
พวกเฮฮาเจ็ดคนพัดผ่านตรงหน้านางประหนึ่งสายลม ร้องว่า “เลือกคู่ล่ะๆ”
จิ่งเหิงปัวงงงัน รีบตามไป ร้องว่า “รอข้าด้วยๆ!”
ชั่วขณะหนึ่งจิตใจเบิกบาน…สุดท้ายเผยซูคิดได้แล้วเหรอ?
จากนั้นกลัดกลุ้มเล็กน้อย…เจ้าคนนี้โอ้อวดขนาดนี้จะทำอย่างไรดี? นางไม่ได้มาเที่ยวสักหน่อย นางมาขโมยของ สิ่งของยังไม่ได้ขโมย มั่วเป็นคนดังจะดีเหรอ?
พอออกมามอง แหม ข้างถนนจัดเวทีประลองจริงด้วย กำลังต่อสู้กันตูมตามโครมคราม
แผ่นป้ายเปลี่ยนเป็น ‘งดงามล้ำโลกหล้า ตื่นตาทั่วปฐพี หวังเพียงกุลสตรี ร่วมวิถีแห่งคู่ครอง’ แล้ว
คนชมความสนุกสนานมากกว่าเมื่อวาน…แต่ไหนแต่ไรมาได้ยินเพียงว่าสตรีจัดประลองเลือกคู่โยนลูกบอลแพรปักเลือกคู่ ไม่เคยได้ยินว่าบุรุษจัดประลองเลือกคู่ได้ด้วย นี่เป็นเรื่องหายาก ต้องร่วมชมสักหน่อย
จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าเผยซูรู้จักเสแสร้งมากกว่าเจ็ดสังหารที่รู้จักแค่ขายตัวเองเยอะเลย
ด้วยเพราะเจ้าคนหยิ่งทระนงทะลุฟ้าคนนี้ไม่ได้ลงสนามด้วยตัวเอง เขาให้เหล่าลูกน้องของตัวเองลงสนามก่อน ทั่วร่างสวมเสื้อหลวมแขนกว้าง นั่งดื่มชาอยู่ฝั่งหนึ่ง บนใบหน้ายังสวมหน้ากากครึ่งหน้า แต่เฉพาะท่วงท่านี้พอให้ผู้หญิงทั้งเมืองทุ่มเทเรี่ยวแรงต่อสู้แล้ว
จิ่งเหิงปัวเพ่งมองเผยซูโดยละเอียด…แท้จริงแล้วเจ้าคนนี้รู้จักแสดงความได้เปรียบของตัวเองอย่างยิ่ง!
เขาใช้เวลายากลำบากในบึงโคลนเลนห้าปี ร่างกายค่อนข้างซูบผอม ฉะนั้นเขาไม่สวมชุดแนบเนื้อ แต่เอวของเขาฝึกฝนว่ายไปว่ายมาจนเพรียวบางยืดหยุ่นอย่างยิ่ง ฉะนั้นเขารัดเอวแน่น พร้อมด้วยเสื้อพลิ้วแขนกว้าง ยิ่งแลดูเอวเล็กไหล่กว้าง ท่วงท่าสง่างาม
แม้เขาสวมหน้ากาก แต่เผยให้เห็นดวงตาจมูกปากที่งดงามที่สุดของตัวเอง จมูกสูงโด่งจนแมลงวันชนตายได้ ริมฝีปากแดงฉ่ำอิ่มเอิบ เค้าโครงทรงเสน่ห์ พรมหยดน้ำแวววาว เปล่งประกายระยิบระยับใต้แสงอาทิตย์ ดวงตาของสตรีที่หลบๆ ซ่อนๆ กำลังเปล่งประกายเช่นกัน
จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ…แค่เขานั่งอยู่แบบนี้ คงมีผู้หญิงนับไม่ถ้วนรอคอยลูกบอลแพรปักของเขาแน่นอน
บนเวทีถึงพริกถึงขิงโดยแท้ แม้ผู้ท้าประลองเป็นผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะเอ่ยล่วงหน้าว่าลองตรวจตราวิทยายุทธ์ของเจ้าสังเวียนแทนคุณหนูกับนายหญิงของตัวเอง คล้ายคราวเจ็ดสังหารขายตัวเอง สตรีเบื้องหลังที่อดจะลงมือไม่ได้พวกนี้ ส่วนใหญ่เป็นคุณหนูตระกูลขุนนางใหญ่โตหรือฮูหยินสูงศักดิ์ที่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว ส่วนสตรีสามัญชนที่ตัวเองไม่เป็นวรยุทธ์เหล่านั้น ได้แต่น้ำลายไหลชมความงามอยู่ฝั่งหนึ่ง
องครักษ์ปกป้องจวนธรรมดาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลูกน้องเผยซู เผยซูดื่มชาสบายอารมณ์ กระทำท่าทางลมเคลื่อนเมฆคลาย มองเห็นจิ่งเหิงปัวออกมา ยกถ้วยชาให้นางอย่างลำพองใจ จิ่งเหิงปัวเห็นเขาไม่กวนใจตัวเองอีกต่อไป อารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มโบกมือ คิดอยู่ว่าจะหาสาวขี้เหร่ขึ้นเวทีช่วยนางโกงชนะเผยซูดีไหม?
คิดว่าเผยซูต้องแต่งภรรยาขี้เหร่นางโคตรมีความสุขเลย วะฮ่าๆ
จัดงานประลองอยู่ครึ่งวัน ส่วนใหญ่ถูกจัดการเกลี้ยง ไม่ต้องให้เผยซูลงมือเลย สุดท้ายยามใกล้กินข้าวเที่ยงปรากฏสตรีนางหนึ่ง
ทุกคนพากันฮือฮา ในที่สุดมีสตรีกล้าขึ้นเวทีแล้ว!
เห็นการต่อสู้หลายครั้งขนาดนั้น คนขึ้นเวทีเริ่มน้อยลง ใกล้สิ้นสุดการประลองแล้ว ยามนี้ยังกล้าขึ้นเวทีด้วยฐานะสตรี แน่นอนว่าย่อมมีความมั่นใจ!
แม่นางนั้นไม่แค่นสักเสียง สาวเท้าก้าวขึ้นเวที สายตากวาดเพียงครั้ง ชี้ไปยังเผยซู
คางของจิ่งเหิงปัวแทบจะร่วงลงมา…สตรีหยิ่งทระนงมีชีวิตชีวาคนนี้คือเผยซูอีกคน
เผยซูมองเห็นแม่นางนั้นปราดแรก ขมวดคิ้วเพียงครั้งนั่งตัวตรง แทบจะโยนเครื่องถ้วยชาทิ้ง จากนั้นหัวเราะเยาะ ไม่มองนางสักปราดเดียวด้วยซ้ำ นั่งพิงเก้าอี้ยกถ้วยชาขึ้นอีกครั้ง
จิ่งเหิงปัวเกิดความอยากรู้อยากเห็นอย่างแรง…เผยซูกับเด็กหญิงคนนี้เหมือนรู้จักกัน!
เขาเพิ่งออกมาได้กี่วัน? ซ้ำยังอยู่กับนางตลอดทาง เขาจะรู้จักผู้หญิงข้างนอกได้อย่างไร?
นางรีบเบียดเข้าไป แต่ฝูงชนเบียดเสียดยิ่งขึ้นด้วยเพราะสตรีปรากฏกายบนเวที นางตะโกนลั่นว่า “หลีกหน่อย! หลีกหน่อย! ข้าจะส่งแส้พิษให้คุณหนูข้า!”
ฝูงชนแหวกทางดัง ฟิ้ว ทางเกลี้ยงตรงแน่วมุ่งสู่เวทีประลอง
จิ่งเหิงปัวหัวเราะฮิๆ เดินผ่านฝูงชน ขณะกำลังจะเข้าใกล้เวทีประลอง สายตาเฉียดผ่านโดยไม่ตั้งใจ กลางฝูงชนคล้ายมีเงาร่างคุ้นเคยกะทันหัน นางชะงักรีบหันหน้า แต่ตอนนี้กลางแววตาฝูงชนคลาคล่ำ ใบหน้าตื่นเต้นดีใจไม่รู้จักสักใบหน้า ความรู้สึกคุ้นเคยมาจากไหน?
หรือว่าเมื่อคืนนี้นอนไม่พอ นางหัวเราะพลางเบียดไปหน้าเวที พอแหงนหน้ามอง
แหม
หน้าตา…เอิ่ม กล่าวด้วยวาจาของจิ่งเหิงปัวแล้ว โคตรหญิงแกร่ง โคตรเหมาะกับเผยซู! เอาอยู่!
เอาอยู่แน่
เผยซูโบกมือเพียงครั้ง บอกใบ้ให้ลูกน้องจัดการ แม่นางนั้นไม่บังคับให้เขาลงมือเช่นกัน มองเขาปราดเดียว หันกายกวักนิ้วเรียกลูกน้องเผยซูคนนั้น
การกวักนี้ครั้งนี้พาให้ผู้ชมเหงื่อท่วม จิ่งเหิงปัวแสนสุขสันต์ เผยซูยิ้มเยาะไม่หยุดหย่อน
ทว่าหากไร้ความสามารถผู้ใดกล้าขึ้นเหลียงซาน? เพียงไม่กี่กระบวนท่า เสียงพลั่กดังสนั่น เงาคนลอยลิ่วกลางอากาศ ล้มลงตรงแทบเท้าจิ่งเหิงปัว จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ ประคองมนุษย์เทาเบอร์หนึ่งผู้โชคร้ายคนนั้นลุกขึ้น กล่าวว่า “คราวหน้าไม่ต้องช่วยเขาต่อสู้เวทีประลองแล้วนะ”
“แพ้แล้วขุนพลน้อยเอ่ยว่าต้องเปลื้องผ้าวิ่งรอบโรงเตี๊ยมสามรอบ…” เจ้าคนนั้นร้องไห้บอกนาง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ” จิ่งเหิงปัวปลอบว่า “รอให้เขาแพ้เอง เขาคงเอ่ยวาจาเช่นนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
เสียง พลั่ก ดังลั่นอีกครั้ง มนุษย์เทาเบอร์สองร่วงลงมาแล้ว
ผ่านไปไม่นาน เสียงก็ดังอีกครั้ง มนุษย์เทาเบอร์สามร่วงลงมาแล้ว
ฝูงชนเริ่มเกิดความวุ่นวาย เหล่าเจ็ดสังหารรวมกลุ่มตะโกนลั่นว่า “สาวงามสาวงามเจ้าดีร้าย รีบเด็ดดอกฟ้ามาโดยไว!”
จิ่งเหิงปัวฟังทุกคนข้างกายแอบวิพากษ์วิจารณ์ เอ่ยว่าแม่นางคนนี้เป็นศิษย์ของหมู่ตึกปี้หลิวที่แสนลึกลับบริเวณนี้ สัตว์ประหลาดน้อยล้นหลามใต้เงื้อมมือสัตว์ประหลาดเฒ่า
วันนี้เผยซูเปลี่ยนนิสัย นั่งนิ่งเงียบเชียบตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ซ้ำยังไม่ลงมือด้วยตนเอง สั่งให้ลูกน้องผลัดกันลงสนาม แม่นางนั้นคล้ายมีนิสัยดื้อรั้นเช่นกัน ไม่เอ่ยวาจาแม้เพียงคำเดียวตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ลงมาคนหนึ่งต่อสู้คนหนึ่ง เพียงแต่แม้ว่าวรยุทธ์นางค่อนข้างไม่เลว ทว่าอย่างไรเสียนางเป็นสตรี พละกำลังมีขีดจำกัด บนหน้าผากจึงค่อยๆ มีหยาดเหงื่อกระเซ็น
ข้างล่างบางคนทนมองต่อไปไม่ไหว เริ่มเปล่งเสียงโห่ร้อง อีชีตะโกนลั่นว่า “เสี่ยวซูซูหน้าไม่อาย พวกหมาหมู่หน้าไม่อาย!”
ช่วงนี้เขาเห็นเผยซูขัดหูขัดตาเป็นพิเศษ ร้องด่าชัดเจนดังกังวานเพียงนั้น
เผยซูหัวเราะเยาะฮิๆ วางถ้วยชาไว้ เสื้อคลุมสะบัดเพียงครั้ง ลุกขึ้นยืนแล้ว
ข้างล่างตื่นเต้นร้องฮือฮา พยายามเบียดมาข้างหน้าสุดชีวิต อีชีเบียดเข้ามา สองมือโอบจิ่งเหิงปัวไว้ในอ้อมแขน ก้นค้ำยันข้างนอก ใช้สะโพกช่วยจิ่งเหิงปัวสกัดกั้นการบุกรุกของฝูงชน
สตรีบนเวทีนางนั้นเงยหน้ามองดูเผยซูอย่างงงงัน เขาเดินออกจากที่ลับด้วยฝีก้าวปราดเปรียวคล้ายจิ้งจอกเยื้องย่าง ทว่าดุร้ายกว่าจิ้งจอก ครู่ต่อมาจะแยกเขี้ยวขาวราวหิมะ
แสงรุ่งโรจน์เปล่งประกายระยิบระยับกลางแววตานาง เฝ้าปรารถนาเล็กน้อยแลกระวนกระวายเล็กน้อย
เผยซูยืนนิ่งห่างจากเบื้องหน้านางสามฉื่อ เชิดคางขึ้น วาจาเดียวพาให้บนใบหน้านางพวยพุ่งด้วยสีโลหิตแห่งความฮึกเหิม
“เจ้ามาแล้ว” เขาเอ่ยว่า “รอเจ้าอยู่พอดี”
มองเห็นสีหน้าดีใจยากระงับของนาง เขาหัวเราะด้วยเจตนาร้าย วาจาถัดไปพาให้สีโลหิตสูญสลายจากบนใบหน้านาง
“ไม่มีสตรี ข้าจะพิสูจน์ความจริงใจที่ข้ามีต่อนางได้อย่างไร”
เสียงเขาแผ่วเบา คนข้างล่างเวทีไม่ได้ยิน แม่นางนั้นก็หันหลังให้เวที ทุกคนมองไม่เห็นสีหน้านางเช่นกัน มองเห็นเพียงสองคนมองกันและกัน ต่างรู้สึกว่ามีความหวัง เสียงร้องยินดีดังลั่นสับสนอลหม่าน
แต่จิ่งเหิงปัวรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย นางรู้สึกได้ว่าเงาด้านหลังของแม่นางนั้นกำลังสั่นเทิ้มแผ่วเบา
“ยอมให้เจ้าสามกระบวนท่า ให้เจ้ายอมศิโรราบไสหัวไป” เผยซูยิ้มแย้มเหยียดหยาม ซ้ำยังเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังไว้
เมื่อก่อนจิ่งเหิงปัวดูหนังกำลังภายใน รู้สึกว่าท่าทางที่เหล่าจอมยุทธ์เอามือข้างหนึ่งไพล่หลังต่อสู้กับศัตรูโคตรหล่อโคตรเท่ ตอนนี้นางเห็นด้วยตาตัวเอง รู้สึกอยากกระทืบรอยยิ้มน่าเกลียดบนใบหน้าเผยซูนั้นให้จมดินมากกว่า
เสียดายว่าสวรรค์ไม่เป็นใจ การประลองครั้งหนึ่งนี้ ไม่รู้ว่าแม่นางนั้นเหน็ดเหนื่อยหรืออย่างไร แสดงฝีมือผิดปกติชัดเจน เพียงแผ่วเบาไม่กี่กระบวนท่า นางจึงถูกเผยซูผลักลงบนพื้นดังพลั่ก
เขาตั้งฝ่ามือดุจมีด ค้ำไว้ข้างคอนาง นางแหงนหน้าชะงักงัน ไม่เคยคิดดิ้นรน
รู้แน่ว่าต่อมาจะเป็นฝันร้าย รู้แน่ว่าหันกายหลบหลีกอาจไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่ายังคงไม่ยอมถอดใจ เพียงเพื่อระยะชิดใกล้กับลมหายใจร่วมกันครู่หนึ่งนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าเผยซูใกล้เคียงความโหดร้าย