เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 35.1
เสียงตูมดังขึ้น ละอองน้ำขณะร่างกายกระทบน้ำกระเซ็นขึ้นมาปะทะหน้าจิ่งเหิงปัว นางตาค้าง ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนข้างบ่อน้ำ
ตอนนี้ถึงคราวนางเซ่อซ่าแล้ว
อะไรกัน?
ฆ่าตัวตายแล้ว?
ไอ้เวรเอ๊ย
ขนาดนั้นเชียวเหรอ?
แค่อธิบายความจริงของเรื่องเรื่องหนึ่ง ก็แค่ทำลายจินตนาการโศกเศร้าแต่สวยงามของโฉมงามน้อยเองไม่ใช่เหรอ?
หรือว่าเพลงพื้นเมืองนั้นยังมีอะไรซ่อนอยู่
หรือว่านางเป็นโรคจิตน้อยด้วย
นี่ไม่ใช่เวลามาพิจารณาเบื้องหลังเพลงพื้นเมืองหรือโรคจิต จิ่งเหิงปัวถอนใจ ตูม กระโดดลงบ่อน้ำด้วย
กระโดดลงไปแล้วนางเพิ่งรู้ตัว บ่อน้ำนี้เห็นว่าไม่ใหญ่ แท้จริงแล้วใต้น้ำใหญ่มาก อีกทั้งกระแสน้ำข้างล่างไหลเร็ว คล้ายมีถ้ำลับ คนถูกพัดพาเข้าไปในถ้ำได้ง่ายมาก จะตามหาคนในน่านน้ำแบบนี้เป็นเรื่องยากยิ่ง
น้ำลึก ฟ้ามืดแล้ว ซ้ำยังมองเห็นใต้น้ำไม่ชัดเจน นางค้นหาไปสักพัก โฉมงามไม่ทิ้งร่องรอยเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ปีนขึ้นฝั่งอย่างเซ็งๆ
หลังขึ้นมาแล้วนางสำรวจภูมิประเทศเล็กน้อย อยากจะค้นหาว่าบ่อน้ำนี้ยังมีที่ไหนให้ออกไปได้หรือเปล่า แต่ถัดจากบ่อน้ำนี้ไม่นานก็เป็นหน้าผาแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีสถานที่ให้ออกไป
หรือว่าโฉมงามคนนั้นจะฝังร่างใต้น้ำแบบนี้จริงๆ?
เรื่องนี้เชื่อไม่ได้เลย นางไม่อยากจะเชื่อด้วย ได้แต่รออยู่ข้างสระ รออยู่นานมาก นานพอที่จะทำให้หลายร้อยคนจมน้ำตายยังไม่มีใครขึ้นมา นางหายตัวไปมาบริเวณใกล้เคียง คิดว่าจะจับได้ว่าผู้หญิงคนนั้นออกมาจากทางออกอื่น แต่ก็ไม่มี
ฟ้ามืดสนิทแล้ว กลัวว่าพวกจื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยหานางไม่เจอแล้วจะตื่นตระหนก นางได้แต่กลับไปอย่างเซ็งๆ ก่อนจากไปเก็บสิ่งของที่โฉมงามทิ้งไว้บนก้อนหิน เตรียมไว้ถามเจ็ดสังหารวันรุ่งขึ้น
ฟ้ามืดแล้ว
เขาชีเฟิงสว่างไสวเงียบสงบ ไม่เผยให้เห็นกลิ่นอายมนุษย์ด้วยเพราะแขกหลายคนมาเยือนเลย
เงาคนสายหนึ่งไถลขึ้นไถลลงบนหน้าผาชันเกือบเก้าสิบองศา มองจากไกลๆ คล้ายควันคล้ายวิญญาณ
เงาดำไถลถึงครึ่งไหล่เขา คว้าเงาคนสายหนึ่งออกมาจากถ้ำแห่งหนึ่ง
ชีอี้ที่นอนหลับคร่อกฟี้อยู่ในถ้ำพลันลืมตาขึ้น ยังไม่ทันได้ร้องโวยวายหรือร้องขอความเมตตา พลันถูกเงาดำนั้นสะบัดเพียงครั้ง โยนลงจากหน้าผาแล้ว…
เงาดำกระโจนต่อไป ลงไปถึงสิบจั้ง คว้าลู่เอ่อร์ที่นอนอยู่บนต้นสนที่ยืนออกมาต้นหนึ่งไว้ โยนไปข้างบน
โยนไปที่ใดก็ไม่สนใจแล้ว
เงาดำหันไปหาสันเขาแห่งหนึ่ง สองฝั่งของสันเขาที่เล็กแคบเป็นหน้าผา อู่ซานนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างบน
เงาดำใช้เท้าถีบสันเขาพังทลาย
อู่ซานร้องโหยหวนร่วงหล่น
ซือซือกำลังขุดสมุนไพรในพงหญ้า บริเวณใกล้เคียงมีถ้ำแห่งหนึ่ง กลิ่นเหม็นสาบโชยออกมาจากในถ้ำ เห็นได้ชัดว่ามีสัตว์ร้าย ซือซือคล้ายไม่อยากรบกวนสัตว์ร้ายนั้นเช่นกัน ขุดสมุนไพรอย่างระมัดระวัง
เงาดำมาถึงข้างหลังประหนึ่งสายลม เท้าเดียวถีบเขาเข้าไปในถ้ำ
เสียงดิ้นรนต่อสู้กับเสียงร้องโหยหวนดังก้องครึ่งเขา
ซานอู่นอนหลับในบ้านว่างหลังหนึ่งอย่างเปิดเผย
เงาดำเฉียดผ่าน
ครืน บ้านถล่มแล้ว
เอ่อร์ลู่นอนอยู่ในบ้านครึ่งเขา เบียดเสียดอยู่ห้องเดียวกันกับเหล่านายกองบรรดาศักดิ์ เขารู้สึกว่าที่นี่ปลอดภัย
เงาดำกะพริบผ่านเพียงครั้ง
กลางดึกนายกองบรรดาศักดิ์นายหนึ่งพลันรู้สึกว่าบนร่างหนักหน่วง พอลืมตา เอ่อร์ลู่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน กำลังหมอบอยู่บนร่างเขาด้วยหน้าตาบิดเบี้ยว
นายกองบรรดาศักดิ์ทั้งตกใจทั้งโมโห หมัดเดียวต่อยพวกรักร่วมเพศคนนี้จนหงายท้อง นายกองทุกนายพากันตกใจตื่น ได้ยินความอัปยศที่สหายได้รับ แค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ทยอยพุ่งขึ้นไปกระทืบให้สะใจ
อีชีควานคุ้ยพงหญ้า ปากกระซิบกระซาบ
“กวางโรเล่า? ไม่ว่าอย่างไรต้องจับกวางโรกลับไปให้เสี่ยวปัวร์กินให้ได้ มิฉะนั้นคงต้องถูกนางล้อเลียนไปอีกนาน…”
กลางพงหญ้าพลันขยับเขยื้อนสวบสาบ เผยให้เห็นปลายจมูกแหลมของกวางโรรำไร อีชีดีใจยกใหญ่ พุ่งเข้าไปอย่างแรง
ข้อเท้าพลันเกร็งแน่น
ชั่วพริบตาอีชีรู้ว่าแย่แล้ว หวังจะถอยหลัง ร่างกายเกร็งแน่น เรือนร่างถูกจับขึ้นไปห้อยหัวต่องแต่งแล้ว
“เหอะๆ เหอะๆๆ” เสียงหัวเราะประหลาดระลอกหนึ่งดังอยู่ข้างหู
อีชีพลันรู้ตัวว่าตนเองยังคงคิดถึงเสียงนี้ไม่น้อยเลย
ไม่รอให้เขาแสดงความคิดถึงนี้ด้วยน้ำตาคลอเบ้า รวมทั้งได้รับการให้อภัยสักระดับหนึ่ง เขาถูกหิ้วขึ้นมาแล้ว ขึ้นเขาด้วยร่างกายห้อยต่องแต่งตลอดทาง
ดูจากท่าทางนี้ ค่ำคืนนี้เขาน่าจะได้รับภารกิจใหม่ ก่อนเขาจะได้รับภารกิจใหม่ เหล่าศิษย์น้องน่าจะวินาศสูญสิ้นแล้ว
ค่ำคืนนี้ คนโชคร้ายจะเป็นผู้ใดกันเล่า
…
ค่ำคืนนี้จิ่งเหิงปัวนอนไม่หลับ
หลังกลับมาแล้วนางบอกเล่าเหตุการณ์นี้กับอิงไป๋เผยซูเทียนชี่ สามคนต่างมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด ถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “พบเจอโฉมงาม?”
“หวีผมอยู่ข้างทะเลสาบ?”
“ฟังเจ้าเล่าเรื่อง?”
“จากนั้นจึงปลิดชีพตนเองแล้ว?”
“เจ้ากำลังแต่งเรื่องกระมัง?”
ทั้งสามคนไปค้นหาที่นั่นด้วยสีหน้าแปลกประหลาดรอบหนึ่ง กลับมาแล้วเอ่ยว่าไม่มีคน ซ้ำยังไม่มีศพ บริเวณใกล้เคียงบ่อน้ำนั้นก็ไม่มีทางสัญจร นางคงถูกภูตผีปีศาจภูเขาล่อลวงจนละเมอเพ้อพกแน่แท้
“ข้าขอถามพวกเจ้าหน่อย ท่านอาจารย์จื่อเวยอายุเท่าใด เป็นชายหรือเป็นหญิง หน้าตางดงามหรืออัปลักษณ์”
แม้จิ่งเหิงปัวรู้คำตอบนานแล้ว แต่ยังอดจะลองถามอีกรอบไม่ได้
เรื่องบางเรื่องแปลกประหลาดเกินไปแล้ว
“สามสิบปีก่อนเขาก็โด่งดังแล้ว เจ้าว่าเขาอายุเท่าใดเล่า?” เทียนชี่หัวเราะเยาะ
“ยามยังอ่อนวัยเล่ากันว่าเขาเกือบได้ตบแต่งภรรยา เจ้าว่าเขาเป็นชายหรือหญิง?”
“หลายปีก่อนข้าเคยได้ยินเสียงของเขา แน่นอนว่าเป็นบุรุษ”
“หน้าตา? ไม่มีคนเคยเห็น เจ้าถามเจ็ดสังหารก็ได้ไม่ใช่หรือ อยู่ต่อหน้าพวกเขาคงเป็นหน้าตาจริงกระมัง?”
จิ่งเหิงปัวถอนหายใจ เฒ่าระยำเฒ่าชราจากปากเจ็ดสังหาร แต่ไหนแต่ไรต่างเป็นภาพลักษณ์ของคนที่หน้าตาอัปลักษณ์น้ำมูกย้อยเอวโก่งหลังโค้งหลังค่อม
จิ่งเหิงปัวกระแทกประตูชนจมูกของพวกเขาอย่างอารมณ์เสีย ปิดประตูนอนหลับ
ตอนค่ำกินเสบียงกรังง่ายๆ ไปนิดหน่อย คิดอยู่ว่าพรุ่งนี้ต้องให้ผู้ชายสามคนเป็นกรรมกรสร้างเตา มองไม่ออกเลยว่าท่านอาจารย์จื่อเวยกับเจ็ดสังหารใช้ชีวิตกันอย่างไร หรือว่านอนกลางดินกินกลางทรายกันจริงๆ?
จื่อหรุ่ยกับยงเสวี่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานบ้าน พวกไม่ได้เรื่องที่ไปตักน้ำยังทำถังน้ำหายแบบนางนี้เทียบไม่ติดเลย ห้องหับสะอาดสะอ้าน เตรียมเครื่องนอนมาด้วยตัวเอง ปูที่นอนไว้เสร็จสรรพ เพราะรู้ว่านางชอบเปิดหน้าต่างชมทิวทัศน์ ฉะนั้นจึงเหลือห้องตรงข้ามหน้าผาห้องนั้นไว้ให้นาง
จิ่งเหิงปัวตัดสินใจโยนเรื่องราวสับสนวุ่นวายทั้งหมดทิ้งไป นอนหลับให้เต็มอิ่ม การคาดคะเนบางอย่าง อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?
แต่ชั่วขณะนี้นางนอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าภูเขาลูกนี้มีสัตว์ร้ายมากแค่ไหน ตกกลางคืนเสียงคำรามต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน หลายเสียงแปลกประหลาดอย่างยิ่ง ตามมาด้วยเสียงลมพัดผ่านต้นสนกลางภูเขาหลายระลอกกลางดึก รวมทั้งเสียงขยับเขยื้อนต่างๆ ในค่ำคืนมืดมิด ฟังแล้วทำให้รู้สึกขนลุกขนพอง
การกระโดดที่พิลึกพิลั่นของหญิงสาวที่หวีผมข้างทะเลสาบคนนั้นยังวนเวียนอยู่ในใจนางไม่จางหายไป ในใจพร่ำบอกตัวเองเป็นหมื่นครั้งว่านี่เป็นการหลอกลวงนี่ต้องเป็นการหลอกลวงแน่นอน แต่ยังคงหวาดกลัวนิดหน่อย…ถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ? ถ้าสะเทือนอารมณ์จนฆ่าตัวตายจริงล่ะ? เรื่องหลายเรื่องตัวพวกเราเองไม่ได้ตั้งใจก็รู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่บางครั้งอาจกระทบจุดอ่อนของคนอื่นเข้าล่ะ? ดูจากลักษณะท่าทางต่อมาของผู้หญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเข้าใจในทันทีคล้ายได้ล่วงรู้ความจริงบางอย่าง…
นางพลิกไปพลิกมา ร้อนรนหลับไม่ลง กลิ้งไปกลิ้งมาจนกลางดึกถึงได้สะลึมสะลือนอนหลับไป เพิ่งนอนหลับก็ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆ ดังเข้ามา
ซ้ำยังได้ยินเสียงเพลงรำไร สะอึกสะอื้น คล้ายแว่วมาจากข้างล่าง
“จิ้งจอกใหญ่ล้มป่วย จิ้งจอกรองตรวจอาการ จิ้งจอกสามซื้อยา จิ้งจอกสี่ต้มยา จิ้งจอกห้าสิ้นใจ จิ้งจอกหกยกหาม…”
จิ่งเหิงปัวลุกขึ้นนั่งทันที ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ
มาแล้ว!
พอนางหันหน้า มองเห็นในหน้าต่างที่เข้าใกล้หน้าผาบานนั้น เผยให้เห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งเลือนรางมัวสลัว
ตอนนี้จิ่งเหิงปัวมองเห็นเงาร่างนี้ นางกลับคล้ายได้รับการให้อภัย ดวงตาสว่างวาบ เปิดหน้าต่างดังพลั่ก
“ฮ่าๆๆ รู้อยู่แล้วว่าเจ้ายังไม่ตาย มาแกล้งหลอกผีกลางราตรีจริงด้วย เอ่ยมา! เจ้าคือตาเฒ่าจื่อเวยคนนั้นใช่หรือไม่…”