เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2] - ตอนที่ 46-1 ความห่วงใย
หมีขาวในป่าหิมะเหลือดวงตาเพียงข้างเดียวแล้ว ทว่ายิ่งดุร้ายด้วยเพราะได้รับบาดเจ็บ หิมะหนาเกือบฉื่อบนพื้นที่ที่ทั้งสองต่อสู้นั้นถูกคุ้ยขึ้นมา เต็มไปด้วยเลือดแดงฉานลายพร้อยกับกองโคลนสกปรก ต้นไม้ส่วนใหญ่ในบริเวณนี้หักสะบั้น ฝ่ามือใหญ่เท่าใบลานของหมีขาวที่โกรธแค้นหักต้นไม้คล้ายหักต้นหญ้า เศษไม้ที่เกลื่อนพื้นทำให้หมียักษ์เดินไม่สะดวกยิ่งขึ้น มันเดินวนอยู่ที่เดิม เขี่ยขนยาวตรงหน้าที่มีคราบเลือดเลือนรางออก ค้นหาเจ้าตัวน้อยลึกลับซับซ้อนที่รนหาที่ตายตั้วนั้น
จิ่งเหิงปัวกะพริบวูบในหมอกหิมะมัวสลัว เรือนร่างดั่งผีเสื้อที่เหาะเหิน นางพบแล้ว สัตว์ตัวนี้โกรธแค้นแค่ไหน ก็ยังปกป้องพื้นที่สามเหลี่ยมผืนหนึ่งใต้รักแร้อย่างดียิ่ง
จิ่งเหิงปัวกำลังหอบหายใจ คราบเลือดลายพร้อยบนแขน นี่เป็นแผลที่ถูกเจ้าตัวใหญ่ตัวนี้ใช้กรงเล็บข่วนตอนที่นางคิดจะต่อสู้ระยะประชิดกับหมีก่อนหน้านี้ สัตว์ตัวนี้จัดการยากกว่าหมีควายธรรมดามาก ซ้ำยังว่องไวมาก นางหมดแรงแล้ว ต้องรีบทำให้มันจบๆ ไป
เรือนร่างนางกะพริบวูบทันที กระโดดขึ้นบนหัวของหมีขาว
การเคลื่อนไหวครั้งนี้อันตรายยิ่งนัก ยามนี้หมีกำลังชูสองแขน เอื้อมกรงเล็บเล็กน้อยก็คว้านางไว้ได้
หมีนั้นคำรามพลางชูสองแขนขึ้นสูง คว้ามาทางนางอย่างโหดเ**้ยม
เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวห้อยหัวลงไปจากหัวหมีทันที
นางใช้สองเท้าเกี่ยวหัวหมีไว้ เรือนร่างห้อยลงกะทันหัน ร่วงลงมาบริเวณใต้รักแร้หมี มองเห็นขนนุ่มสีเทาผืนหนึ่งใต้รักแร้หมีพอดี
ครู่หนึ่งนี้นางรู้สึกได้ว่าฝ่าเท้าเจ็บปวดรุนแรง กรงเล็บหมีแทงทะลุรองเท้าหุ้มข้อของนางแล้ว
นางออกแรงใช้กริชแทงขนนุ่มสีเทาผืนนั้นอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แล้วพลันกระโดดขึ้นไปทันที
กลิ่นน่ากลัวใต้รักแร้หมีนั้นพุ่งปะทะจมูก นางแทบจะอาเจียน ครู่ต่อมาเลือดแดงฉานกระเซ็นทั่วร่างนาง
อุ้งเท้าหมีที่ใกล้จะข่วนสองขานางร่วงลงไป เสียงคำรามโหยหวนของหมีคล้ายจะระเบิดท้องฟ้ามืดครึ้มแห่งนี้เป็นเสี่ยงๆ ได้
หมียักษ์ทุบตีอย่างบ้าคลั่งระลอกหนึ่ง จิ่งเหิงปัวลื่นลงมาจากบนหัวหมี ขนหมีชุ่มชื้นมันขลับยิ่งนัก ลื่นฟิ้วสักหน่อยก็ถึงพื้น ครู่หนึ่งนั้นนางคิดว่าคราวนี้ทั้งสามคนคงไม่ถึงกับแข็งตายแล้ว
นางไม่มีแรงแม้แต่น้อยแล้ว
ข้างหลังอบอวลไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว นางหันหน้ากลับไปอย่างเหนื่อยล้า ก็มองเห็นเงาดำใหญ่โตล้มลงมาดั่งภูผาสูงตระหง่าน
…
เสียงคำรามโหยหวนนั้นดังสะท้อนยาวนานบนท้องฟ้าเหนือหุบเขา พี่น้องเหยียลี่ว์ได้ยินแล้ว เสียงนั้นน่ากลัวเหลือเกิน สองคนรู้ว่านี่คือเสียงร้องโหยหวนของสัตว์ร้ายที่ใกล้ตาย แต่สิ่งนี้ไม่แสดงว่าจิ่งเหิงปัวทำสำเร็จแน่แล้ว การตอบโต้ก่อนตายของสัตว์ร้ายอาจเป็นพลังทำลายล้างที่เหนือกว่ายามที่แข็งแรง
หลังจากความนิ่งเงียบนิ่งงัน เหยียลี่ว์ฉีขยับพี่สาวออกไปอีกครั้ง พุ่งโซเซออกไป
…
จิ่งเหิงปัวหมอบอยู่บนพื้น หอบหายใจถี่กระชั้น พื้นหิมะใต้ร่างกายมีคราบเลือดลายพร้อย
ข้างกายนาง หมีขาวที่สูงกว่าคนตัวหนึ่งล้มลงประหนึ่งเนินเขา
พริบตาเมื่อครู่นั้นนางแข็งขืนดิ้นรน ใช้แรงเฮือกสุดท้ายพุ่งไปข้างหน้าสามฉื่อ พริบตาต่อมาอย่างที่คิดไว้ ลำตัวหมีล้มลงข้างหลังเท้านางอย่างหนักหน่วง ห่างจากรองเท้าหุ้มข้อของนางแค่หนึ่งนิ้วมือ ช้าไปก้าวเดียวนางก็จะถูกทับตาย
ตอนนี้นางเพิ่งหอบหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
สิ้นเปลืองเวลากว่าครึ่งชั่วยาม ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด จ่ายค่าตอบแทนด้วยแผลลึกเห็นกระดูกบนแขนกับแผลแทงทะลุบนฝ่าเท้า สุดท้ายแล้วนางจัดการสัตว์ร้ายป่าเขาหิมะตัวนี้ได้
แขนที่ค้ำยันพื้นหิมะไว้ของนางสั่นระริก ประคองร่างกายไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้นางแค่อยากหมอบอยู่ในหิมะ ล้มลงไปอย่างแรง
แต่นางรู้ว่านอนลงไปในเวลาเช่นนี้ สถานที่เช่นนี้ สิ่งที่รอคอยอยู่ก็คือความตาย
ยิ่งกว่านั้นเสียงคำรามเคลื่อนไหวในป่าเขาหยุดลงแล้ว จากนั้นพี่น้องเหยียลี่ว์ก็จะรอนางกลับมา นางกลับไปช้า ถ้าสวินหรูออกมาตามหา สาวตาบอดคนหนึ่งเช่นนางหลงทางในหุบเขาลึกก็จบเห่แล้ว
นางได้แต่ค้ำแขนที่สั่นระริกไม่หยุดไว้ ค่อยๆ ลุกขึ้นทีละนิ้ว ดิ้นรนฉีกชายผ้ามาพันบาดแผลบนแขนไว้แน่น
ขณะที่ต่อสู้ไม่รู้สึกเจ็บปวด ขณะนี้ได้หยุดพัก นางเจ็บจนมึนงงเห็นดาวตรงหน้า ตั้งแต่ทะลุมิติจนบัดนี้เคยลำบากไม่น้อย แต่บาดเจ็บทางร่างกายไม่มาก อย่างไรเสียนางถูกปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด ตอนนี้เพิ่งได้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญคนเดียว ได้ลองแบกรับความลำบากของสถานการณ์ทั้งหมดด้วยตัวเองครั้งแรกในชีวิตที่หุบเขาหิมะแห่งนี้
ทุกผู้คนกำลังใช้วิธีการที่แตกต่างกันบอกนางว่า เส้นทางแสนลำบาก
นางลุกขึ้น มองซากหมีขาว ตอนนี้ไม่มีแรงลากของสิ่งนี้กลับไปแน่นอน ซ้ำยังไม่มีแรงถลกหนังหั่นเนื้อ นางได้แต่กลับไปแจ้งว่าปลอดภัยก่อน
นางสูดหายใจลึกๆ หลายเฮือก จากนั้นปัดหิมะบนร่าง หวังใช้ท่าทางที่ดีที่สุดปีนขึ้นเขา โผล่ไปตรงหน้าพี่น้องคู่นั้น
มือของนางพลันหยุดชะงัก
พอเงยหน้า เหยียลี่ว์ฉียืนอยู่บนเนินน้อยแห่งหนึ่งข้างหน้า
เขาหน้าซีดจนน่ากลัว โซซัดโซเซในลมหนาว สายตาที่จ้องนางกลับร้อนผ่าวดั่งเพลิงสวรรค์
จิ่งเหิงปัวตกใจ กำลังจะบอกให้เขารีบกลับไป พริบตาต่อมาเขาลื่นลงมาตามเนินน้อยใต้ฝ่าเท้า
ท่วงท่าที่ลื่นไถลดูไม่ค่อยดี ใกล้จะล้มคะมำ นางรีบเข้าไปประคองไว้
เขากลับกอดนางไว้ในอ้อมแขน!
เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวแข็งทื่อ
เขาออกแรงกอดไว้เช่นนี้ ไม่เหมือนผู้ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งเลย คล้ายหวังใช้แรงทั้งหมดในร่างกาย กอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่น จะได้แน่ใจว่าครู่หนึ่งนี้ สตรีที่รักยังอยู่ในอ้อมกอด
นางรู้สึกถึงความแตกต่างของอ้อมกอดนี้ อยากดิ้นรน แต่ก็กลัวดิ้นแล้วจะทำให้แผลเขาปริ แต่ลอบถอนหายใจ ตบไหล่ของเขา กล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร…”
เขากลับพลันเอียงศีรษะ คิดจะใช้ริมฝีปากทับริมฝีปากของนาง นางตกใจเอียงศีรษะ ริมฝีปากของเขาทอดลงบนแก้มของนาง
เขาชะงักเล็กน้อย รู้สึกถึงความนิ่มนวลกับความเหน็บหนาวบนแก้มนาง ผิวสัมผัสกับแสงรุ่งโรจน์ประหนึ่งหยกเย็น
กระทั่งบัดนี้กลิ่นหอมของนางยังคงอยู่ ถูกพายุหิมะเยือกแข็งกลายเป็นกลิ่นหอมเย็น ชุ่มชื่นถึงกระดูก ร่างกายของนางสั่นเทิ้มเล็กน้อย บอบบางดั่งนกพิราบในอ้อมแขนเขา ผมดำขลับของนางพลิ้วสยาย พัดผ่านตรงหน้าอกเขาประหนึ่งแพรต่วน ระหว่างเส้นผมกับเส้นผม ระหว่างผิวกายกับผิวกาย เป็นสิ่งขีดขวางที่เบาบางเพียงชั้นเดียว รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวกับความเกลี้ยงเกลาของร่างกาย โลหิตหลั่งไหลร่ำร้องประหนึ่งธารหลากในเส้นโลหิต
เขาหลับตาลง จินตนาการพรั่งพรูไม่ขาดสาย พริบตาหนึ่งนั้น รู้สึกว่าต่อให้สิ้นใจในครู่หนึ่งนี้ก็ไม่เป็นไร
นางหลบเล็กน้อยอีกครั้ง เขากลับไม่ยอมปล่อย คล้ายกำลังลอบถอนใจเช่นกัน ขยับริมฝีปากของตนเองออก ทว่าขยับแก้มของตนเองเข้าใกล้ริมฝีปากของนาง
นางหลบอีกครั้ง ริมฝีปากเฉียดผ่านผิวหน้าของเขา รู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติ นางตกใจ เขากลับปล่อยมือยามนี้ ล้มลงไปอย่างอ่อนยวบ
จิ่งเหิงปัวมองเหยียลี่ว์ฉีที่ล้มลงในหิมะอย่างงงงวย บนใบหน้าขาวซีดมีสีแดงก่ำที่ผิดปกติ ท่าทางสง่างามที่มีปกติยิ่งยั่วยวนขึ้นหลายส่วน ผิวกายเกลี้ยงเกลาดั่งหิมะ ครู่หนึ่งนี้เขาที่อ่อนเพลียเล็กน้อยใต้แสงท้องฟ้า เพิ่งทำให้รู้สึกว่าแท้จริงแล้วเขายังเยาว์วัยยิ่งนัก เยาว์วัยเหลือเกิน
จิ่งเหิงปัวกลับไม่มีอารมณ์จะชื่นชม ในใจร้อนรน เรื่องที่กลัวที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว เหยียลี่ว์ฉีเป็นไข้สูง
นางได้แต่ดิ้นรนลุกขึ้น ตอนนี้ไม่มีแรงส่งเขากลับบ้านหิมะ ก็ย้ายเขาไปหลังซากหมี ซากหมีที่ใหญ่เท่าภูเขาบังลมไว้ได้พอดี นางเริ่มถลกหนังหมีที่นั่น
ขณะที่ถลกหนังอย่างรวดเร็วนางหวั่นไหวเล็กน้อย คิดว่าตอนนั้นคนคนนั้นเคยคิดหรือไม่ วันหน้าทักษะนี้ที่เขาสอนนางจะเกิดประโยชน์ใหญ่หลวงนับไม่ถ้วนครั้ง?
ไม่ เขารู้อยู่แล้ว ทุกสิ่งที่เขาสอนให้นาง ภายหลังต่างพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
เขามีสายตากว้างไกล มองการณ์ไกลเช่นนี้ ทุกเรื่องที่ทำลงไปล้วนเป็นตัวหมากที่ควรวางไว้บนกระดาน
นางหลุบตาลง รู้สึกทันทีว่าสักแห่งในใจก็เริ่มเจ็บปวดเล็กน้อย
ตั้งใจถลกหนัง
กริชเข้าออกดั่งเหาะเหิน นางตัดหนังส่วนหลังของหมีที่ดูท่าทางติดขนหนาแน่นที่สุดออกมาก่อน ไม่ทันได้จัดการแล้วด้วย ใช้หิมะเช็ดเล็กน้อยก็ห่มเหยียลี่ว์ฉีให้แน่น
ข้างหลังมีคนพลันเอ่ยว่า “ไขมันของสัตว์ที่ตายแล้วป้องกันน้ำแข็งกัดได้ดีที่สุด ทาให้เขาเถิด”
จิ่งเหิงปัวดีใจที่พบว่าสวินหรูก็มาด้วย ไม่รู้เลยว่านางคลำทางมาได้อย่างไร ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถคล้ายสัตว์ป่า
มีสวินหรูช่วยเหลือ จิ่งเหิงปัวประยุกต์ใช้ไม้หักพวกนั้น สองคนคนหนึ่งเข็นคนหนึ่งลาก พาเหยียลี่ว์ฉีกลับบ้านหิมะ
จิ่งเหิงปัววิ่งไปมาสองรอบ ตัดหนังหมีกับเนื้อหมีออก หยิบไขมันหมีแบกกลับมาตามที่เหยียลี่ว์สวินหรูสั่ง
เหยียลี่ว์สวินหรูจุดไฟข้างนอกก่อน เคี่ยวไขมันส่วนหนึ่งของหมีเป็นน้ำมัน จิ่งเหิงปัวตัดต้นไม้ลอกเปลือกไม้ออก กลายเป็นกระป๋องสำเร็จรูป เทไขมันใส่ในกระป๋องไม้แล้วค่อยๆ เคี่ยว เคี่ยวให้ไขมันออกมา ทางนั้นเหยียลี่ว์สวินหรูใช้กระบี่เจาะเป็นเตาหินน้อย เทไขมันที่เคี่ยวออกมาลงไป ขยี้ขนสัตว์เป็นไส้ตะเกียงแล้วจุดไฟ พลันทั้งสว่างไสวทั้งอบอุ่น
สองคนร่วมมือกันราบรื่นยิ่งนัก จิ่งเหิงปัวเกิดภาพลวงตาว่าสวินหรูไม่ใช่คนตาบอดบ่อยครั้ง นางเคลื่อนไหวคล่องแคล่วและเต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิต เล่ากันว่าสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากทำให้เกิดบุคคลที่มีความสามารถได้ดีที่สุดจริงด้วย
ทว่าอาการของเหยียลี่ว์ฉีคล้ายไม่ค่อยดี เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น พอเริ่มร้อนคล้ายถ่าน พอเริ่มเย็นคล้ายน้ำแข็ง เหยียลี่ว์สวินหรูให้จิ่งเหิงปัวเตรียมไขมันหมี ทาบนร่างเหยียลี่ว์ฉี นี่คือวิธีป้องกันน้ำแข็งกัดที่ดีที่สุด