เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) - ตอนที่ 1 ชาติก่อนที่ระลึกได้
เมื่อวานฉันไปเก็บของป่ากับพี่ชายเหมือนทุกที คนสลัมจนๆ อย่างเราอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาของจากป่าเท่านั้น
ถึงแม้พวกคนรวยจะมองพวกเราด้วยสายตาดูถูกสมเพช แต่ฉันก็พอใจกับชีวิตนี้ มีพ่อแม่และพี่ชายผู้แสนใจดี พอเก็บผลไม้อร่อย ๆ จากป่ามาได้ก็มาแบ่งให้กับทุกคน รู้สึกเป็นความสุขเล็ก ๆ
――แต่สิ่งที่ฉันคิดว่ามันเป็นความสุขได้สิ้นสุดลงเมื่อวาน
เพราะว่าฉันโชคร้าย ขณะที่กำลังเก็บของป่าก็โดนผลไม้หล่นใส่หัว เลยจำขึ้นมาได้ว่าชาติก่อนฉันอาศัยอยู่โลกอื่น
ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน ในฐานะฟูกะ เซนะ
“ยังไงฉันก็ทนกับชีวิตแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี ไม่ได้คาดหวังสูงนะ แต่อันนี้มันไม่ได้จริง ๆ”
ฉันนั่งกุมขมับอยู่ ณ ที่นั้น นั่นคือหน้าบ้านของฉันเอง กระท่อมซอมซ่อที่ดูพร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อที่อยู่ด้านหลังคือบ้านของฉัน ลานกว้างอันสกปรกตรงหน้าคือสถานที่ปรุงอาหารที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อนบ้าน เลยไปอีกหน่อยจะมีแหล่งน้ำที่พื้นดินกลายเป็นโคลนเฉอะแฉะไปแล้ว นอกจากนี้ถ้ามองไปทางขวาก็จะเห็นห้องส้วมส่วนรวม
ถึงส้วมจะมีรั้วกั้นบังตา แต่ภายในก็เป็นแค่หลุมที่ขุดไว้
เหลือเชื่อ เหลือเชื่อจริง ๆ ที่ฉันเคยใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่โสโครกแบบนี้
“เรน่า ลุกขึ้นมาจะดีเหรอ เมื่อวานหัวโดนกระแทก วันนี้ก็ต้องนอนนิ่ง ๆ สิ”
“แม่ หนูไม่เป็นไรแล้ว”
“ไม่ได้ กลับเข้าบ้านซะ”
“……ค่า”
หลังจากถูกแม่ดุ ฉันก็กลับเข้าบ้าน ภายในบ้านเป็นพื้นที่แคบ ๆ ขนาดประมาณหกเสื่อทาทามิ ด้านในสุดถูกปูด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ และมีผ้าเปรอะ ๆ วางอยู่ด้านบน ไม้กระดานแผ่นนี้คือเตียงของครอบครัวของฉันเอง
“เตียงนี้ แค่นอนก็เจ็บแล้ว ฟูกก็ทั้งเหม็นทั้งสกปรก แมลงก็เยอะ……บอกตามตรง นอนแล้วอาการน่าจะแย่กว่าเดิม”
ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เพื่อไม่ให้แม่กังวล ฉันจึงหลับตานอนลงบนแผ่นไม้แล้วห่มผ้าหลาย ๆ ชั้น จากนั้นก็พยายามเรียบเรียงเรื่องราวในหัวที่ยังสับสน แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน รวมถึงความทรงจำตั้งแต่วัยเด็กเท่าที่จำได้
ฉันชื่อเรน่า อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และพี่ชายในสถานที่แห่งนี้ที่เรียกว่าสลัมมาโดยตลอด ได้ยินมาว่าถ้าไม่มีสัญชาติก็เข้าไปในเขตกำแพงไม่ได้ แต่เมืองนี้คือที่ไหนล่ะ แล้วเดิมทีประเทศนี้เป็นประเทศแบบไหน ฉันไม่รู้เรื่องพวกนั้นเลยสักนิด
พ่อของฉันตัดต้นไม้ในป่าขาย แม่ปลูกพืชผักในไร่เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีอาหารกิน แต่พอมาคิดดูอีกที มันก็ไม่ได้ใหญ่พอที่จะเรียกว่าไร่ได้
ทุกวันพี่ชายจะช่วยพ่อ แล้วฉันช่วยแม่ ส่วนเวลาที่เหลือ บ้างก็เก็บของป่าบ้างทำงานบ้าน
ฉันใช้ชีวิตแบบนั้นอย่างสุดความสามารถในฐานะเรน่ามาเป็นเวลาสิบปี
――ทว่าจู่ ๆ ฉันก็ระลึกความทรงจำของชาติก่อนขึ้นมาได้ในป่า
จังหวะที่ผลไม้โดนศีรษะ ฉันร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่ทันไรก็มีความเจ็บปวดจากอย่างอื่นปะทะเข้ามา ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกอยู่ในส่วนลึกและหลับใหลอยู่ในตัวฉันมาโดยตลอดพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
กระแสความทรงจำที่มหาศาลเกินกว่าจะรับได้ทำให้ฉันปวดหัว วิงเวียน และคลื่นไส้ จนฉันทรุดตัวลงในป่า
หลังจากนั้นเหมือนว่าพี่ชายจะอุ้มฉันมาถึงบ้าน เช้าวันนี้พอตื่นขึ้นมา ทุกคนในบ้านก็จ้องมองฉันอย่างเป็นห่วง ฉันเกิดมาพร้อมกับร่างเล็ก ๆ นี้ที่ไม่ได้เป็นแค่เรน่า แต่เป็นเซนะ ฟูกะด้วย
นี่เรียกว่าการเกิดใหม่……อะไรทำนองนั้นหรือเปล่านะ ความทรงจำสุดท้ายที่ฉันใช้ชีวิตในฐานะเซนะ ฟูกะ คือฉันอายุ 25 ปี การที่อยู่ที่นี่แปลว่าฉันตายที่ญี่ปุ่นแล้ว แต่ฉันกลับไม่มีความทรงจำตอนช่วงเวลาสุดท้าย
ตายที่ญี่ปุ่นแล้วมาเกิดใหม่เป็นเรน่าในโลกนี้……ที่ผ่านมาความทรงจำในชาติก่อนถูกปิดผนึกมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้งั้นเหรอ สงสัยคงถูกปลดปล่อยออกมาจากการกระทบกระเทือนของศีรษะ
ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่คงต้องคิดแบบนั้นไปก่อน
“ยังไงก็ตาม ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ ฉันผู้ที่มีความทรงจำของเซนะ ฟูกะ ทนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไม่ได้”
ถ้าให้บ่น ฉันก็ไม่อยากระลึกความทรงจำได้หรอก แต่ถ้าฉันรู้จักแค่ชีวิตที่นี่ละก็ ไม่ว่าจะเป็นแมลงที่ฉันไม่ค่อยรู้จักที่ไต่อยู่ข้าง ๆ ฉันตอนนี้, เสื้อผ้าที่ข่วนผิว, บ้านที่ดูเหมือนจะปลิวเมื่อมีลมพัดแรง หรือบริเวณนี้ที่มีกลิ่นเหม็นเหมือนน้ำเน่า ทุกอย่างก็จะล้วนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ฉันดันจำได้ ถึงเตียงที่สะอาดสะอ้านและนอนสบาย ส้วมชักโครกที่ไม่มีกลิ่น อาคารที่ไม่โคลงเคลงแม้มีพายุไต้ฝุ่น แถมยังมีอาหารเลิศรสและสิ่งบันเทิงต่าง ๆ อีกด้วย
“ฉันควรทำยังไงดี ถึงจะหนีออกจากชีวิตนี้ได้ คงต้องเริ่มจากรวบรวมข้อมูลก่อน”
ไม่ใช่ว่าฉันอยากมีชีวิตอู้ฟู่หรูหรา ฉันแค่ต้องการมีชีวิตที่สบายกว่านี้หน่อย เจอคนดี ๆ แล้วแต่งงานมีครอบครัว จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย
เป้าหมายของฉันตอนอยู่ที่ญี่ปุ่นคือการเป็นเจ้าสาวแสนสวย ถึงฝันจะไม่เป็นจริงเพราะตายตั้งแต่ยังอายุน้อย แต่คราวนี้ฉันอยากให้ฝันเป็นจริงในชาตินี้
ขืนใช้ชีวิตที่นี่แบบนี้ต่อไป มีหวังคงได้แต่งงานมีครอบครัวกับเพื่อนบ้านเข้าสักวัน แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ถึงได้แต่งงานก็คงไม่น่ายินดีนักหรอก ภาพเจ้าสาวแสนสวยในหัวฉันมันเข้ากับผู้หญิงในละแวกนี้ไม่ได้
การใช้ชีวิตอยู่ในบ้านที่พร้อมจะปลิว มีกลิ่นน้ำเน่า และถูกล้อมรอบไปด้วยแมลงแบบนั้นน่ะ มันต่างจากที่ฉันจินตนาการมากเกินไป
ฉันจะหนีออกจากชีวิตนี้ให้ได้ ชาตินี้ฉันต้องมีชีวิตสบายกว่านี้ ฉันตัดสินใจเช่นนั้นแล้วกำหมัดแน่นภายในกระท่อมที่ซอมซ่อและสกปรก