เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) - ตอนที่ 5 งานในไร่
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ พ่อกับพี่ชายก็รีบมุ่งหน้าไปทำงานที่ป่า โดยปกติในทุก ๆ วัน สองคนนั้นจะไปที่ป่า และฉันกับแม่ไปที่ไร่
นอกจากงานแล้ว การเก็บของป่าก็สำคัญต่อการดำรงชีวิตเช่นกัน เพราะงั้นเราจึงช่วยกันให้เสร็จภายในครึ่งเช้า แล้วตอนบ่ายก็มุ่งหน้าไปเก็บของป่า ไอ้ที่ฉันมาติดแหง็กอยู่กับความทรงจำของชาติก่อน ก็เป็นตอนเก็บของป่านี่แหละ
“แม่ เดี๋ยวหนูถือปุ๋ยเอง”
“ตายจริง ขอบใจจ้ะ งั้นฝากด้วยนะ แม่จะถือเครื่องมือกับตะกร้า”
จากหลังเตรียมตัวสำหรับไปไร่เสร็จ ก็ปิดประตูแล้วออกจากบ้าน แต่บ้านฉันไม่มีกุญแจอะไรหรอกนะ เราไม่จำเป็นต้องล็อกกุญแจเพราะไม่มีของให้ขโมย แล้วเดิมทีถ้าบ้านซอมซ่อเสียขนาดนั้น โดนเตะทีนึงก็พังแล้ว ถึงล็อกไปก็ไม่ช่วย
ทันทีที่ออกจากบ้าน คนบ้านข้าง ๆ ก็ออกมาเหมือนกันพอดี แล้วทักด้วยน้ำเสียงสดใส
“ทั้งสองคนก็จะไปไร่เหมือนกันเหรอ พอดีเลย จะไปด้วยกันไหมจ๊ะ”
“อ้าว ซาบีน่ากับเอมิลี่ ไปด้วยอยู่แล้วจ้ะ”
“เรน่า ไปด้วยกัน!”
เอมิลี่ผู้ร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เข้ามากอดแล้วบีบแก้มฉัน เธอเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของฉัน เราพูดคุยและทำงานด้วยกันบ่อย
“เดี๋ยวเถอะเอมิลี่ ถือปุ๋ยอยู่นะระวังหน่อย”
“รู้แล้วน่า ไม่เห็นเป็นไรเลย เรน่า เมื่อเช้าลำบากแย่เลยนะ”
“เลวร้ายที่สุดเลยละ ใครจะไปคิดว่าจะตกส้วม”
“ฮิฮิ ฉันตกใจเสียงตะโกนของเรน่าด้วยแหละ”
เอมิลี่ที่มองหน้าฉัน พูดเช่นนั้นแล้วหัวเราะ ช่างน่ารักเหลือเกิน ก่อนจะจำความทรงจำของเซนะ ฟูกะได้ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเด็กผู้หญิงที่เข้ากับผมนุ่มฟูสีชมพูจะมีอยู่จริง
ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันน่ะมีผมและนัยน์ตาสีทอง พ่อกับพี่ชายมีผมสีแดงนัยน์ตาสีน้ำตาลแดง แม่มีผมและนัยน์ตาสีน้ำตาล ฉันเลยคิดสงสัยอยู่หลายครั้ง ว่าทำไมฉันถึงมีผมสีทองได้นะ
“ทั้งสองคน ไปกันเร็ว”
“ค่า!”
ไร่ตั้งอยู่สุดชุมชนสลัมซึ่งพอจะเดินถึง แม้ชุมชนสลัมแห่งนี้จะกระจายอยู่รอบเมืองใหญ่ที่ถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงชั้นนอก แต่ถ้าไปทางฝั่งตรงข้ามกับกำแพงก็จะถึงไร่
“ว่าแต่ เมื่อวานเป็นอะไรไหม ตอนลาร์สอุ้มเธอกลับมาจากป่า ฉันตกใจมากเลย”
“ไม่เป็นไรแล้วละ เหมือนจะหนักตรงจุดที่โดนกระแทกนี่แหละ”
“งั้นก็ดีแล้ว เรน่าซวยซ้ำซวยซ้อนตั้งแต่เมื่อวานเลยนะเนี่ย”
จริง ๆ นะ……ทุกอย่างมันเป็นเพราะจำความทรงจำของชาติก่อนได้ อย่างเอมิลี่เอง ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นเพื่อนผู้น่ารักสดใสที่ฉันภาคภูมิใจ แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่าหน้าเธอก็มอมแมมอยู่นิด ๆ เสื้อผ้าก็มีกลิ่นตุ ๆ ฉันไม่ชอบตัวเองที่คิดแบบนี้เลย
ถ้าเอมิลี่ล้างตัวขัดสีฉวีวรรณให้ดีแล้วใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ๆ คงจะน่ารักขึ้นเป็นกอง อยากลองจับแต่งตัวจัง น่าจะแต่งหน้าขึ้นด้วย
“จริงสิเรน่า! วันนี้ตอนบ่ายฉันจะไปตลาดกับแม่น่ะ เรน่าจะไปด้วยกันไหม เมื่อวานเธอสลบไป วันนี้ก็ไม่ควรทำงานหนักขนาดนั้นใช่ไหมล่ะ”
“อุ๊ย แบบนั้นก็ดีนะจ๊ะ เซบีน่า ฉันฝากหน่อยได้ไหม”
แม่ที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้า หันหลังกลับมาเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะที่ถามขึ้นอย่างกะทันหันของเอมิลี่
“ได้อยู่แล้ว แค่พาไปด้วยเอง”
“ได้เหรอแม่”
“ได้สิจ๊ะ ต้องพักหายใจหายคอบ้างนาน ๆ ที”
“……งั้น หนูไปละกัน ฝากตัวด้วยนะคะป้าซาบีน่า”
“ได้เลยจ้ะ”
ฉันตื่นเต้นกับกำหนดการอันน่าสนุกที่เข้ามาอย่างกะทันหัน ตลาดคือที่ที่เปิดทำการทุกวันและอยู่ใกล้กับกําแพงชั้นนอก เป็นที่ซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองขายของให้พวกเราที่อาศัยอยู่ในสลัม
โดยพื้นฐานแล้ว พวกเราใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถหาจากในป่าหรือไร่ จึงต้องซื้อของพวกนั้นที่ตลาด
อีกอย่าง คนที่รับซื้อไม้ที่พ่อตัด ก็เหมือนจะเป็นพ่อค้าที่เปิดร้านอยู่ในตลาดด้วยเช่นกัน
“ใกล้ถึงไร่แล้ว ของเรน่าทางนั้นสินะจ๊ะ”
“ค่า งั้นเจอกันตอนบ่ายนะเอมิลี่”
“อื้ม! แล้วเจอกัน!”
ไร่ของบ้านเอมิลี่กับไร่ของบ้านฉันอยู่ห่างกันเล็กน้อย เราจึงโบกมือแยกย้ายกันตรงปากทางเข้าไร่ ไร่ที่ฉันมีเป็นที่ดินเล็ก ๆ ขนาด 2 เสื่อทาทามิ
ไร่ที่อยู่นอกสลัมนั้น อันที่จริงเป็นทรัพย์สินของประเทศ แต่พวกเราเอามาทำเป็นไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงปลูกแค่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เหมือนเป็นความฉลาดของคนรุ่นก่อนที่ทำเพื่อไม่ให้ถูกประเทศยึดเอาไป
แต่มันก็แน่อยู่แล้ว จุดที่บ้านตั้งอยู่ก็เป็นที่ดินของประเทศ แล้วเราก็อาศัยอยู่กันโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่สร้างอาคารใหญ่โตขึ้นมา
“เรน่า ตักน้ำใส่ถังมาให้หน่อยสิ แม่จะถอนหญ้า”
“เข้าใจแล้ว”
ในไร่มีแอ่งน้ำที่ถูกสร้างขึ้นอยู่ทั่วทุกที่ และคนที่ใช้เวทน้ำได้ก็จะเติมน้ำให้เป็นระยะ ๆ ฉันมุ่งหน้าไปยังแอ่งน้ำที่ว่า แล้วตักน้ำมาเต็มถัง ถึงจะหนักแต่ก็ดีกว่ามาตักหลายรอบ ฉันจึงต้องออกแรงขาและสะโพกยกถังขึ้น
แม้จะเป็นสลัม แต่ไม่ว่าจะเรื่องห้องครัวส่วนกลาง ผักในไร่ที่ไม่โดนขโมย หรือการที่ไม่บุกรุกแปลงของคนอื่นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นไร่ของใครนั้น ดำเนินไปอย่างราบรื่นเกินคาด แอ่งน้ำนี้ก็เช่นกัน
ฉันมองไปรอบ ๆ พร้อมกับชื่นชม หากไม่ร่วมมือก็จะอยู่ไม่ได้ ดังนั้นคนที่ทำตัวไม่เข้าพวกจะถูกขับไล่ออกจากชุมชน เพราะงั้นทุกคนจึงรักษากฎอย่างเคร่งคัดสินะ
“ตักน้ำมาแล้วนะ จะใส่ปุ๋ยแล้วรดน้ำเลยไหม”
“นั่นสินะ แม่จะถอนหญ้าตั้งแต่ตรงนั้นมา เดี๋ยวช่วยใส่ปุ๋ยตรงที่ถอนเสร็จแล้วได้ไหม”
“ค่า แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยให้พอร์ทหรือเปล่านะ เหมือนมันโตอยู่พอสมควร”
“ก็จริงแฮะ……ปล่อยไว้แบบนี้ก็ดูน่าจะรอดจนถึงตอนเก็บเกี่ยว งั้นฝากใส่ทั้งหมดยกเว้นพอร์ททีนะ ปุ๋ยที่เหลือก็ปนๆ ไว้กับดิน”
หลังจากปรึกษากับแม่ ฉันก็ทำงานเงียบ ๆ โดยไม่มีการคุยเล่น ตอนนี้เป็นเดือนแห่งอัคคีซึ่งช่วงกลางวันจะมีแดดแรง ฉันก็เลยเหงื่อไหลหยดติ๋ง ๆ
“เรน่า ดื่มน้ำเยอะ ๆ ด้วยล่ะ”
“ได้ค่ะ แม่จะดื่มด้วยไหม”
“จ้ะ ขอหน่อยนะ”
พอกรอกน้ำจากภาชนะคล้ายกระบอกน้ำที่ทำจากไม้ใส่ปาก ก็พบว่ามันเป็นน้ำอุ่นและไม่ค่อยอร่อย ถ้ามีพรจากเทพีแห่งวารี ก็คงดื่มน้ําเย็นได้ทุกเมื่อ พรของฉันจะได้จากเทพีองค์ไหนกันนะ
ของแม่เป็นเทพีแห่งปฐพี ของพ่อกับพี่ชายเป็นเทพีแห่งอัคคี ถ้าฉันได้นอกเหนือจากนั้นก็คงดี
ระหว่างที่คิดเรื่องนั้น ฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปด้วยโดยมือไม่หยุดพักจนกระทั่งตะวันลอยสูงจากขอบฟ้า