เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) - ตอนที่ 6 ไปตลาด
หลังจากจากเสร็จงานที่ไร่ ฉันกับแม่ก็ไปรวมตัวกับพวกเอมิลี่แล้วกลับบ้าน จากนั้นก็กินพอร์ทที่ย่างไว้ตอนเช้าเป็นมื้อกลางวัน แล้วมุ่งหน้าไปยังตลาดทันที
การใช้ชีวิตในสลัมนั้นใช้แรงเยอะมาก จึงต้องกินมื้อกลางวันด้วยเพื่อเติมพลัง พอร์ทเป็นสิ่งที่หามาง่าย และพอร์ทย่างที่ทำตอนเช้าก็สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติได้ เลยกินเป็นข้าวกลางวัน นี่พวกฉันมีชีวิตอยู่ได้ด้วยพอร์ทสินะ……
“ไม่ได้ไปตลาดนานแล้ว ตื่นเต้นเนอะ!”
“ใช่เลย~ ฉันไม่ได้มาสักพักเลยละ วันนี้จะไปซื้ออะไรเหรอ”
“ผ้าน่ะ ฟูกที่บ้านมีรูเยอะเกินจนใช้ไม่ได้แล้ว เลยจะทำเป็นผ้าขี้ริ้วแล้วเปลี่ยนฟูกใหม่”
ฟูกที่บ้านของเอมิลี่อาการหนักจริง ๆ นั่นแหละ……พอนึกถึงตอนตากผ้า ก็เห็นมันก็มีรูเยอะเสียจนดูไม่ใช่ผ้าแล้ว
“แม่จะพยายามต่อราคาให้ได้มากที่สุด!”
“อื้ม! หนูก็จะต่อรองให้ได้เหมือนกัน!”
ป้าเซบีน่ากับเอมิลี่กำหมัดแน่นในท่าพร้อมลุย ท่าทางสองคนนี้จะต่อราคาเก่งนะ ส่วนฉันขี้อายเลยต่อรองไม่เก่ง
ตอนที่เป็นแค่เรน่าก็มีคนบอกว่าแย่อยู่แล้ว พอมีเซกะ ฟูนะด้วยก็รู้สึกจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แต่เพราะฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ฉันเลยต้องพยายาม
“อ๊ะ มิวนี่นา”
“จริงด้วย เป็นแม่ลูกกันรึเปล่านะ”
สัตว์ที่เรียกว่ามิวนั้น ถ้าเทียบกับที่ญี่ปุ่น ก็เหมือนลูกสุนัข มันข้ามทางที่พวกเราจะมุ่งหน้าไป ตัวลูกเล็ก ๆ สามตัวเดินตามมิวตัวที่น่าจะเป็นแม่ น่ารักจัง
มิวกินแมลงศัตรูพืชที่โผล่มาในไร่บ่อย ๆ เป็นอาหารและเป็นสัตว์มีประโยชน์ต่อพวกเรา มันจึงเป็นสัตว์หายากที่เป็นที่เข้าใจกันว่าห้ามทำร้าย
――เคยได้ยินว่าเหตุผลอีกอย่างคือมันมีไม่กี่ส่วนที่กินได้ ขนก็ไม่มีคุณภาพ ใช้ไม่นานก็ยุ่ยหมด อยากลืมไอ้ความรู้นี้ชะมัด
“ตัวสีฟ้าดูกี่ครั้งก็น่ารักว่าไหม”
“จริง ถ้าขนมีคุณภาพดีกว่านี้คงขายได้ราคาสูงไปแล้ว”
“เป็นจุดเดียวที่น่าเสียดายเนอะ”
……ไม่ ๆ เป็นคำชมในความหมายว่าฉันเอ็นดูมันในความน่ารักต่างหาก เหมือนว่าในหัวของทั้งสองคนจะประเมินมิวว่าเป็นสัตว์ที่น่าเสียดายเพราะขายไม่ได้
ถึงฉันจะเข้าใจ ว่าถ้าอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ก็ต้องคิดแบบนั้น แต่มันก็น่าเศร้าอยู่หน่อย ๆ การเอื้อเฟื้อใจดีกับสิ่งรอบตัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่คิดไว้จริง ๆ นั่นแหละ
หลังจากเดินมาพอสมควร พวกเราก็มาถึงตลาด ฉันตื่นตากับตลาดที่เรียงรายยาวตลอดแนวกำแพงชั้นนอกและมีของขายมากมาย
“เรน่าดูนี่สิ! มีกระทะขายด้วยละ!”
“จริงด้วย ดูดีขนาดนั้น พอร์ทคงจะไม่ติดกระทะสินะ”
“อยากซื้อเลยเนอะ……”
“ไม่ได้นะ กระทะอันเก่ายังใช้ได้อยู่”
ฉันกับเอมิลี่ตอบกลับคำพูดนั้นของป้าเซบีน่าว่า “ค่า” พร้อมกัน แล้วเดินตามหลังป้าไปติด ๆ ร้านที่เป็นเป้าหมายของป้าเหมือนจะเป็นร้านค้าที่ขายโดยหญิงสาว ซึ่งต้องเดินผ่านตลาดไปสักพัก
“เอมิลี่ เรน่า ร้านนั้นลดราคาให้มากสุด จำไว้ด้วยล่ะ”
“ร้านที่มีผู้หญิงใส่เสื้อสีเหลืองคนนั้นน่ะเหรอ”
“ใช่แล้ว เธอรับช่วงต่อมาหลายปีก่อน ยังสาวอยู่เลย”
ป้าซาบีน่าที่พูดเช่นนั้นแล้วยิ้มราวกับมั่นใจว่าตนเองจะชนะ ยืดอกด้วยความมั่นใจมากกว่าเมื่อกี้แล้วเดินเข้าไปที่ร้าน เอมิลี่ทำท่าเลียนแบบแล้วเดินตามหลังไป ฉันมองเอมิลี่แล้วลองยืดอกดูบ้าง
“เชิญค่า วันนี้ต้องการซื้ออะไรดีคะ”
“แหม ก็ไม่ได้มองหาอะไรเป็นพิเศษหรอก แค่เห็นว่าผ้าสวยดีก็เลยลองมาดูน่ะ อันนี้เนื้อผ้าดีนะเนี่ย”
“เป็นฟูกที่ได้รับความนิยมมากเลยนะคะ”
ป้าเซบีน่าเหลือบมองราคาแล้วกระหยิ่มยิ้มย่อง เหมือนว่าจะราคา 3 เหรียญเงินเล็ก
“ถ้า 2 เหรียญเงินเล็กละก็ฉันคงซื้อไหว”
“แม่ ร้านฝั่งตรงข้ามขายฟูกที่ดูเหมือนกันในราคา 2 เหรียญเงินเล็กกับอีก 5 เหรียญทองแดงด้วยละ”
“จริงเหรอจ๊ะ งั้นไปดูร้านนั้นกันดีกว่า”
“แต่ของทางนี้เนื้อผ้าอาจจะดีกว่านะคะ!”
“ก็ถ้าถูกกว่านี้ละก็นะ”
สุดยอด นี่มันเอมิลี่เอกการแสดง ป้าเซบีน่าก็ยิ้มได้น่ากลัวมากค่ะ หญิงสาวที่ดูแลร้านยิ้มแหย ๆ แล้วดูลังเลว่าจะลดดีไหม
ฉันรู้จักเงินของประเทศนี้ 4 ประเภท ได้แก่ เหรียญเหล็ก, เหรียญทองแดงเล็ก, เหรียญทองแดง และเหรียญเงินเล็ก คงมีเงินประเภทอื่นด้วย แต่ฉันแค่ไม่เคยเห็นที่สลัม เหมือนว่าทุก 10 เหรียญของแต่ละประเภทจะมีค่าเท่ากับ 1 เหรียญของลำดับที่สูงกว่า ในฐานะที่ฉันมีความทรงจําของคนญี่ปุ่น ฉันอยากขอบคุณที่มันเข้าใจง่าย
เอาเป็นว่าทั้งสี่ประเภทนี้เป็นเหรียญทั้งหมด และเหมือนจะไม่มีธนบัตร
“ละ…ลดได้แค่ 2 เหรียญเงินเล็กกับอีก 5 เหรียญทองแดงเท่านั้นแหละค่ะ”
“อุ๊ย จริงเหรอจ๊ะ ขอบใจนะ”
“แต่แม่ ฟูกอันเก่ามันก็ยังใช้ได้นะ”
“ก็จริงนะ ถ้าถามว่าอะไรจำเป็นสุด ก็น่าจะเป็นผ้าเช็ดมือ”
“ถ้าผ้าเช็ดมือ เราขายอยู่ 1 เหรียญทองแดงค่ะ!”
“งั้นครั้งนี้ขอแค่ผ้าเช็ดมืออย่างเดียวก็แล้วกันค่ะ ถึงจะแอบเสียดายที่ฟูกมีสัมผัสดีก็เถอะ”
ป้าเซบีน่าพูดที่เช่นนั้นและแตะฟูกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ละสายตาจากฟูกโดยไม่มีทีท่าว่าจะซื้อ และพอกำลังจะรับของจากพี่สาวเจ้าของร้านที่ถือผ้าเช็ดหน้ามาหนึ่งผืน……พี่สาวก็เข้ามาใกล้ป้าเซบีน่าอย่างไม่ลังเล
“คุณผู้หญิง ถ้าเป็นฟูกผืนนั้นแล้วแถมผ้าเช็ดหน้า ให้ด้วย 1 ผืนจะรับไหมคะ”
“อุ๊ย จริงเหรอ ยังได้ราคา 2 เหรียญเงินเล็กกับ 5 เหรียญทองแดงอยู่ใช่ไหม”
“แน่นอนค่ะ”
“……งั้น เอาฟูกด้วยก็แล้วกันจ้ะ เป็นของที่คุณภาพดีมากเลย”
“ขอบคุณมากค่ะ!”
เหมือนจะสรุปผลการต่อรองได้แล้ว ฟูกราคา 3 เหรียญเงินเล็กกลายเป็น 2 เหรียญเงินเล็กกับ 5 เหรียญทองแดง แล้วแถมยังได้ผ้าเช็ดหน้ามาอีกหนึ่งผืน สมกับเป็นป้าเซบีน่า เอมิลี่ที่ยิ้มอย่างพอใจอยู่ข้าง ๆ ก็แสดงสีหน้าว่าทำสำเร็จเช่นกัน
ไหนจะเรื่องที่บอกเป็นนัยว่าฟูกที่ใช้ไม่ได้แล้วก็ช่วยไม่ได้แต่ยังไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น ไหนจะเรื่องที่บอกเจ้าของร้านว่ามีร้านอื่นถูกกว่าทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นฟูกร้านอื่นด้วยซ้ำ ทั้งสองคนสุดยอดไปเลยนะ
หลังจากนั้นป้าก็จ่ายเงิน แล้วรับฟูกผืนใหม่ที่พับอย่างสวยงามมากอดไว้ที่อก
“เอาละทั้งสองคน เอาส่วนถูกลง 5 เหรียญทองแดงไปซื้ออะไรสักอย่างแล้วกลับบ้านกัน”
“จริงเหรอ! เย่”
เมื่อร้านเมื่อกี้ลับสายตาไป เอมิลี่ก็ดีใจกับคำพูดเมื่อครู่ของป้าเซบีน่าที่เปลี่ยนจากรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวนิด ๆ กลับมาเป็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน
ตื่นเต้นจังที่การซื้อของจะยังมีต่อ ที่สลัมนั้นการจะซื้ออะไรสักอย่างเป็นความบันเทิงและไม่ได้ทำบ่อย ฉันมองเอมิลี่แล้วยิ้มเช่นกัน และมองไปยังร้านค้าที่เรียงรายอยู่ในตลาดอีกครั้ง