เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) - ตอนที่ 7 ความหรูที่มีนาน ๆ ที
ในตลาดมีร้านขายอาหารมากมาย รวมถึงผักสด ๆ ที่ปกติพวกเราไม่ได้กินวางขายอยู่เต็มไปหมด มีผักที่ฉันแทบจำไม่ได้ว่าเคยกินอยู่ด้วย……
พืชที่นี่แตกต่างจากที่โลกโดยสิ้นเชิง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดเดารสชาติจากความทรงจำของเซนะ ฟูกะ
การเกิดใหม่และใช้ความรู้จากญี่ปุ่นเพื่อหาเงินนั้น เป็นเรื่องปกติในนิยายและมังงะ แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน
ของกินส่วนใหญ่ในโลกนี้ก็มีแต่ของที่คนญี่ปุ่นไม่รู้จัก ความรู้เรื่องโลกก็ดูจะไม่มีประโยชน์ที่นี่
“ป้าเซบีน่าจะซื้ออะไรเหรอ”
ฉันยอมแพ้เรื่องที่จะโกงใช้ความรู้จากญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว และตัดสินใจมุ่งไปที่การมีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นาน ๆ ทีจะได้ซื้อของ ถ้าไม่สนุกกับมันก็ขาดทุนแย่
“นั่นสินะ อีกเดี๋ยวราซูทก็จะหมดแล้ว งั้นซื้อมา 1 ถุงกับผักที่ไม่ได้ปลูกในสลัมกันดีกว่าจ้ะ มิริทล่ะเป็นไง”
“เอ๊ะ มิริทเหรอ! ซื้อไปกินอันนึงได้ไหม!”
“แน่นอนจ้ะ แต่อย่าบอกคนอื่นนะ ให้เรน่าอันนึงด้วย”
จริงไหมเนี่ย……รักป้าที่สุด! ได้กินมิริทด้วย วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดเลย!
“ขอบคุณค่ะป้า”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ให้รางวัลหน่อย นาน ๆ ที”
“เย่! เรน่า ไปหามิริทที่ดูน่าอร่อยกัน”
“อื้ม!”
ถ้ายกตัวอย่างเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีบนโลก มิริทก็คือมะเขือเทศเชอร์รี แค่ขนาดเล็กกว่ามะเขือเทศเชอร์รีทั่วไปมากและรสชาติเปรี้ยวกว่า แต่มันสดใหม่และมีรสหวานเล็กน้อย จึงเป็นของกินที่หรูหรามากสำหรับพวกเราในตอนนี้
“อ๊ะ ร้านโน้นมีมิริทด้วย”
“จริงด้วย!”
ฉันจับมือกับเอมิลี่แล้ววิ่งไปยับร้านที่ขายมิริท คนขายเป็นผู้ชายที่ดูเหมือนจะอายุสามสิบต้น ๆ และมีเสียงดัง
“เชิญจ้า ผักสด ๆ ใหม่ ๆ จ้า!”
“ลุงคะ! มิริทราคาเท่าไร”
“1 กระจาด 3 เหรียญทองแดง”
“โห ไม่แพงไปหน่อยเหรอ”
เอมิลี่เริ่มคุยปกติกับคุณลุงด้วยท่าทีว่าจะไม่ต่อราคาผักที่ขายแพงขนาดนั้น
“เพราะของฉันสดและรสชาติดียังไงล่ะ”
“ก็ดูเป็นของดีจริง ๆ นั่นแหละ……แต่ว่าถูกกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้เหรอ อย่างถ้าหนูจะซื้อราซูทตรงนั้น 1 ถุงด้วย รวมเป็นเงิน 1 เหรียญเงินเล็กล่ะว่าไง”
“ไม่ได้สิหนูน้อย ราซูทอันนี้ 1 ถุง 9 เหรียญทองแดงเลยนะ”
“แหม ก็ซื้อราซูทด้วยนี่นา ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ไม่ได้ ๆ อย่างนั้นฉันก็ไม่ได้กำไรพอดี แต่ถ้ามิริทกับราซูทในราคา 1 เหรียญเงินเล็กกับ 1 เหรียญทองแดงก็ได้อยู่นะ”
เมื่อได้ยินคุณลุงพูดเช่นนั้น เอมิลี่ก็หันไปมองป้าเซบีน่า ป้าเซบีน่าก็ดูยอมรับกับราคานั้นแล้วหยิบเงินออกมาจากกระเป๋า
“ราคานั้นก็ได้”
“ขอบคุณที่อุดหนุนจ้า!”
คุณลุงยิ้มกว้างรับเงินจากป้าซาบีน่าแล้ว
ใส่มิริทกับถุงราซูทลงในตะกร้าไม้สานที่ป้าถืออยู่
“เย่! มิริทดูน่ากินมากเลยเนอะ”
“เอมิลี่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของมิริท เธอมองเข้าไปในตะกร้าที่ป้าถืออยู่แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มดูมีความสุข ฉันเองก็เหลือบตาดูตะกร้าจากข้าง ๆ เอมิลี่ มองมิริทที่เงาวิบวับแล้วยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ
“เดินไปกินไปกันไหม เดือนแห่งอัคคีเราเก็บเกี่ยวพืชผลที่ปลูกได้เองในไร่ เลยไม่ได้ซื้อผักผลไม้มาสักพักแล้วเนอะ”
ฤดูในตอนนี้มีอากาศอบอุ่น จึงเป็นฤดูที่มีปริมาณการเก็บเกี่ยวมากที่สุดในรอบปี ส่วนเดือนแห่งวารีนั้นอากาศค่อนข้างเย็น ปลูกอะไรในไร่แทบไม่ขึ้นเลย จึงต้องซื้ออาหารที่ตลาดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่ใช่แค่สลัมที่เดียว แต่ไร่ที่อื่นก็เก็บเกี่ยวได้ลดลงในเดือนแห่งวารี พืชผักที่เรียงรายในตลาดก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ปลูกในเดือนแห่งวารีทั้งสิ้น ของกินเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่คือพอร์ทซึ่งสามารถเก็บได้นาน
การปลูกพืชในเรือนกระจกที่ญี่ปุ่นนั้นสุดยอดมาก เราสามารถกินผักสดได้ทุกเมื่อ..…..ถึงจะมาพูดเอาป่านนี้ก็เถอะ แต่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สะดวกสบายจริง ๆ
ในโลกนี้ ถ้าให้คนที่มีพรจากเทพีแห่งปฐพีใช้เวชพืช มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ……ฉันคิดแบบนััน แต่คงไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันก็ไม่เคยได้ยินว่ามีอะไรที่สารพัดประโยชน์อย่างนั้นมาก่อน แล้วก็แทบไม่เคยเห็นแม่ใช้เวทมนตร์ตอนทำงานที่ไร่เลยด้วย
“เรน่า จะกินอันไหน”
“เอ่อ หนูเอาอันนี้ก็แล้วกัน”
“อ๊ะ นั่นอันที่ฉันเล็งไว้! งั้นหนูเอา……อันนี้!”
“ทั้งสองคนเลือกได้แล้วใช่ไหม”
พอฉันกับเอมิลี่พยักหน้าแล้วหยิบมิริทขึ้นมาหนึ่งลูก ป้าซาบีน่าก็พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วหยิบอันที่ดูน่าอร่อยขึ้นมาลูกหนึ่ง จากนั้นทั้งสามก็เอามิริทเข้าปากพร้อมกัน
เนื้อผลไม้อันโอชะทะลักออกมาจากมิริทที่ถูกบดเคี้ยวอยู่ในปาก……โอ้ นี่มันใช่เลย รสหวานทีเดียว แม้ความทรงจำของเซนะ ฟูกะจะจดจำรสชาตินี้ว่าเปรี้ยว แต่สำหรับเรน่าที่อาศัยอยู่ในโลกนี้มาโดยตลอด มันค่อนข้างหวาน
ถึงจะมีรสเปรี้ยว แต่ก็มีความหวานอยู่ด้วย นี่แหละมิริทที่อร่อย
“ของฉันหวานมากเลย”
“ของฉันก็อร่อยมาก”
“อุ๊ย ของแม่ก็เหมือนกัน ร้านนั้นเขาคงดีจริง อยากทำซุปมิริทขึ้นมาเลย”
ซุปมิริทงั้นเหรอ……ไม่ได้กินมาเกือบสองปีแล้วแฮะ จำได้ว่าตอนที่กินครั้งแรก มันอร่อยจนรู้สึกตื้นตัน แต่ฉันน่าจะไม่ได้กินซุปในครั้งนี้ เพราะมันเป็นมิริทของบ้านเอมิลี่ รอบหน้าลองขอให้แม่ทำให้ดีกว่า ความหรูหราในรอบสองปี นาน ๆ ที ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“หนูรอกินซุปเลย!”
“งั้นรีบบ้านกันเถอะ ถ้าจะทำซุปก็ต้องมีหม้อสินะ”
หลังจากนั้นเราก็พูดคุยกันเกี่ยวกับความอร่อยของมิริทพลางก้าวขาให้เร็วที่สุดและรีบเดินกลับบ้าน แม้ฉันจะสนุกกับการซื้อของที่ไม่ได้ทำมานาน……แต่การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนนอกสลัมก็ทำให้ความปรารถนาของฉันที่จะออกไปจากที่นี่กลับมากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนอื่นคงต้องรวบรวมข้อมูลว่าทำยังไงถึงจะออกไปจากสลัมได้ ลองหาเวลาไปตลาดบ้างดีไหมนะ ฉันตัดสินใจเช่นนั้นแล้วเหลียวหลังมองกลับไปครู่หนึ่ง
แม้จะมองไม่เห็นตลาดแล้ว แต่กำแพงชั้นนอกของเมืองใหญ่ก็ยังให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ และบ่งบอกถึงความยากในการหนีออกจากสลัม