เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN) - ตอนที่ 8 ปราบสัตว์ร้าย (องก์ที่ 1 ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น)
- Home
- เขาหวังให้หนูกู้โลก (WN)
- ตอนที่ 8 ปราบสัตว์ร้าย (องก์ที่ 1 ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น)
เช้าวันถัดมาหลังจากไปซื้อของที่ตลาด
ขณะที่ทุกคนกำลังลุกขึ้นเตรียมตัวสำหรับเช้าวันใหม่ ฉันก็ได้ยินเสียงคล้ายเสียงโลหะดังมาจากระยะไกล
“มีสัตว์ร้ายโผล่มา! คนที่ต่อสู้ได้ให้ไปรวมตัวกันตรงทางไปป่า!”
ทันทีที่ได้ยินเสียง พวกผู้ชายที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นก็พากันถือพวกหอกไม้รีบรุดไปยังป่า แน่นอนว่าพ่อและพี่ชายของฉันก็ไม่มีข้อยกเว้น
“รูบีน่า เรน่า ฉันไปละนะ!”
“ระวังตัวด้วยล่ะ เอาเนื้อกลับมาเยอะ ๆ ด้วย!”
“อื้ม เชื่อมือได้เลย!”
เวลาสัตว์ร้ายบุกมา ถึงบรรยากาศจะเต็มไปด้วยความตึงเครียดเพราะอาจมีคนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทุกคนกลับตั้งตารอที่จะได้กินเนื้อสัตว์หลังจากไม่ได้กินมานานเสียมากกว่า
ก็มีบางครั้งที่โค่นสัตว์ป่าได้ระหว่างทำงานในป่าแล้วเอากลับมาบ้าน แต่เนื่องจากมันหายากและมีจำนวนน้อยมาก จึงมักลงเอยด้วยการแบ่งให้ทุกคนจนเหลือแค่พอกินได้หนึ่งคำ
แต่สัตว์ร้ายที่บุกมาที่ชุมชนแบบนี้ โดยปกติจะมากันเป็นฝูง ดังนั้นถ้าโค่นพวกมันได้ทั้งหมด ก็จะได้ปริมาณมากพอสมควร
แม้ทุกคนจะเตรียมพร้อมรับมือกับสัตว์ร้าย แต่ทุกคนก็ตั้งตารอพวกมันเช่นกัน
“จะเป็นตัวอะไรกันนะ”
“ถ้าช่วงนี้ก็น่าจะเป็นรีต”
“เย่ จะมีลูกรีตบ้างไหมนะ ตัวลูกเนื้อนุ่มอร่อยกว่า”
“นั่นสินะ แอกเซลก็น่าจะรู้แล้วเล็งเอาตัวลูกนั้นแหละ”
พ่อคะ พี่คะ พยายามเข้านะคะ เพื่อกับข้าวแสนอร่อย! ฉันหันหน้าไปทางป่าแล้วอธิษฐานเช่นนั้น โดยปกติแล้วจะทำการแบ่งเนื้อสัตว์ให้เท่า ๆ กัน แต่คนที่โค่นหรือทำให้มันอ่อนแอลงจะได้รับเนื้อมากกว่าคนอื่น
“เรน่า ข้างนอกน่าจะเริ่มชำแหละกันแล้ว เดี๋ยวเราจะไปช่วยเขา”
“ค่ะ ถ้าจำไม่ผิดบ้านเราเก็บเชือกดึงรีตไว้ใช่ไหมนะ……อ๊ะ นี่ไง”
ฉันถือเชือกที่ถูกวางไว้หลังห้องแล้วรีบมุ่งหน้าไปยังแอ่งน้ำ การชำแหละจะทำที่แอ่งน้ำโดยดึงรีตขึ้นให้เลือดไหลออกมาจนหมด
ถ้าเป็นความทรงจำของเซนะ ฟูกะ ให้ตายก็คงไม่ชำแหละเนื้อสัตว์ แต่ที่นี่ฉันมีความทรงจำของชีวิตที่ผ่านมาในฐานะเรน่า ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอยากหลีกเลี่ยงขนาดนั้น
การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มันทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ นั่นแหละ……แค่ต้องพยายามไม่สนใจและอดทนกับมันให้ได้ ถึงจะไม่สามารถเข้าร่วมการชำแหละอย่างมีความสุขได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วก็เถอะ
ถ้าจำได้แล้ว ก็จะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกสินะ
อยากกลับไปสมัยที่ยังสนุกกับการชำแหละรีตอยู่แถวหน้าสุดแล้วส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเวลาเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วจัง……
“หนูเอาเชือกมาแล้ว”
“อ๊ะ บ้านเรน่าเก็บไว้สินะ ขอบใจจ้ะ”
“จะประกอบโต๊ะชำแหละละนะ”
“ได้เลย ใครก็ได้ถือตรงนั้นแล้วยกกระดานขึ้นที!”
“เดี๋ยวฉันทำเอง”
การที่เหล่าคุณแม่ในละแวกนั้นร่วมมือกันทำงานมันช่างสุดยอด ฉันยังตัวเล็กอยู่เลยช่วยอะไรไม่ได้มาก จึงช่วยงานจิปาถะอย่างขนเชือก, ผูกเชือกแทน
พอโต๊ะชำแหละประกอบเสร็จ พวกผู้ชายเริ่มตั้งแต่พ่อของฉันก็แบกรีตกลับมาจำนวนมาก โอ้โฮ มีตั้ง 2 ตัว
“ได้มา 2 ตัวเลยเหรอ”
“อื้ม ฝูงคราวนี้มีหลายตัว ในที่เราก็เลยมีถึง 2 ตัว รีบชำแหละกันเถอะ”
“แอกเซล วางตรงนี้เลย! แล้วอีกตัวจะเอายังไงดี อยากรีดเลือดให้เสร็จก่อนซะด้วยสิ”
ทุกคนเอะอะกันใหญ่เพราะมีรีตมาถึง 2 ตัว ถ้าเทียบรีตกับสัตว์ป่าในญี่ปุ่น……น่าจะอารมณ์ประมาณหมูป่าตัวใหญ่ละมั้ง ถึงจะบอกว่า 2 ตัว แต่ปริมาณก็ค่อนข้างมาก ขนก็ขายได้ เนื้อก็เยอะจนไม่น่าจะกินหมด
สงสัยโต๊ะอาหารคงจะเต็มไปด้วยเนื้อสักพักใหญ่……ฮิฮิ ตั้งตารอเลย
“เรน่า สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ ที่จะได้กินเนื้อเยอะ ๆ แล้วตัวสูงขึ้นน่ะ!”
พอฉันมองดูการชำแหละรีตจากไกล ๆ พยายามไม่เข้าไปเกะกะ พี่ผู้ชายที่เป็นเพื่อนบ้านชื่อไฮโนะก็เข้ามาใกล้ ไฮโนะขยี้หัวฉันแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ไฮโนะอายุมากกว่าฉัน 4 ปี ก็เลยสนิทกับพี่ชายของฉันที่อายุเท่ากัน ทำให้ค่อนข้างสนิทกับฉันไปด้วย เขาเอ็นดูฉันเหมือนเป็นน้องสาวแท้ ๆ
“น่ากินจัง”
“รีตนี่กินจนอิ่มได้อีกหลายวันเลยนะเนี่ย ที่เหลือถ้าเอาไปรมควันก็มีของอร่อยกินไปอีกสักพัก”
“ก็ดีนะ เนื้อรมควันอร่อยดี”
“โอ้ เรน่าเป็นผู้ใหญ่กับเขาแล้วเหรอ”
จะว่าไป เรน่าไม่ชอบเนื้อรมควันนี่นา แต่เซนะ ฟูกะชอบนะ……รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นั่นฉันว่ามันอร่อยมาก อย่างเบคอนรมควันก็เป็นผลงานชั้นเลิศ
“หนูก็อายุ 10 ขวบแล้วนะ”
“ฮ่าฮ่า 10 ขวบนี่ยังเด็กอยู่เลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย!”
ก็จริงอยู่ที่อายุ 10 ขวบยังเป็นเด็ก แต่ในความจริง ตอนอายุ 10 ขวบเด็กก็จะคิดว่าตัวเองเข้าสู่สังคมผู้ใหญ่แล้ว พอขึ้นเลขสองหลักก็รู้สึกเหมือนหลุดพ้นจากความเป็นเด็กสินะ
“นั่นสินะ อีกไม่กี่ปีเรน่าก็จะแต่งงานออกเรือนไปจริง ๆ สินะ แอบเหงานิด ๆ แฮะ”
ไฮโนะก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ ฉัน พลางมองการชำแหละรีตอย่างว่างเปล่า ฉันเหลือบมองหน้าเขาด้านข้าง……เขาดูท่าทางจะเหงาจริง ๆ ทำให้ฉันรู้สึกว่าดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นไปเสียแล้ว จึงรีบมองไปทางอื่น
“อีกตั้งนานกว่าหนูจะแต่งงาน ป่านนั้นไฮโนะคงแต่งงานมีเจ้าสาวไปก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสินะ แต่ว่า……ฉันยังไม่พร้อมนี่นา”
“……ถ้าอย่างนั้นเป็นโสดไปก็ได้นี่ มีตั้งหลายคนที่อยู่คนเดียวจนอายุประมาณ 20”
ในสลัมนั้น คนที่มีคู่รักมักจะแต่งงานกันเร็วมาก แต่ก็มีบ้างที่ช้าอย่างน่าประหลาดใจ เอาเถอะ การแต่งงานตอนอายุประมาณ 20 จะเรียกช้าหรือเร็วก็ช่างมันก่อน……เอาเป็นว่าที่สลัม ถ้าอายุเลย 20 ปี จะเรียกว่าแต่งงานช้า
พอคิดดูอีกที อายุ 20 เนี่ย ไม่ได้ช้าเลยนะ ชีวิตยังอีกยาวไกลด้วยซ้ำ
“เรน่ามีคู่หรือยัง”
“ไม่มีหรอก ยังไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
เพราะฉันกะว่าถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากหาคู่แต่งงานของฉันในเมือง ไม่ใช่ในสลัมยังไงล่ะ การแต่งงานกับคนที่เจอกันที่นี่แล้วตั้งเป้าหนีออกจากสลัมไปด้วยกันนั้น ก็เป็นเรื่องที่อาจเป็นไปได้ แต่ฉันว่าแต่งงานกับคนที่อยู่นอกสลัมตั้งแต่แรกมันง่ายกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากตั้งเป้าเป็นอย่างหลัง
ปัญหาคือ ฉันมีเสน่ห์พอที่จะให้คนอื่นอยากได้เป็นเจ้าสาวจนถึงขั้นมองข้ามความจริงที่ว่าฉันเป็นผู้หญิงจากสลัมเลยหรือเปล่า……เอาเถอะ เรื่องนั้นค่อย ๆ คิดไปก็ได้ ฉันอยากเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้……ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“เรน่า ไฮโนะ เหมือนจะเริ่มย่างเนื้อกันแล้วนะ!”
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะพี่!”
“ฮ่าฮ่า ลาร์สชอบเนื้อสินะ ตาเป็นประกายกว่าปกติตั้งสามเท่า”
“ก็พี่เขาอยู่ในวัยกำลังโตไง”
ฉันกับไฮโนะมองหน้ากันแล้วหัวเราะกับท่าทางของพี่ชาย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังครัวที่เริ่มย่างเนื้อแล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องยุ่งยาก แล้วมีความสุขกับเนื้อแสนอร่อยดีกว่า