เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 104
Sign in Buddha’s palm 104 โทสะ
ภายในพระราชวังถัง
องค์รัชทายาทถูกลอบสังหาร
คณะทูตจากหนานหมิงที่ดูไม่มีพิษมีภัยในตอนแรกพลันเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวรุนแรง บรรยากาศโดยรอบอวลระอุไปด้วยจิตสังหารที่เย็นยะเยียบและน่าสยดสยอง
แทบจะในทันทีทันใด
รองแม่ทัพประจำประตูเต่าดำก็ลืมตาขึ้นและมองไปยังตำแหน่งขององค์รัชทายาท
รองแม่ทัพคนนี้เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งซึ่งรับผิดชอบในการป้องกันคุ้มกันวังหลวง มีประสาทสัมผัสไวมากต่อไอพลังต่างๆ ไม่ต้องพูดถึงจิตสังหารที่ไม่มีการซ่อนเร้นเช่นนี้
“ไม่ดีแล้ว”
“เกิดปัญหาขึ้นกับองค์รัชทายาท”
ใบหน้าของรองแม่ทัพตอนนี้บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด
องค์รัชทายาทอยู่ไม่ห่างจากประตูเต่าดำมากเท่าไหร่นัก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับองค์รัชทายาทจริงๆ ความผิดทั้งหมดนั้นเขาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและอาจโดนลงโทษ
ความเป็นความตายขององค์รัชทายาทถูกผูกไว้กับความไปของอาณาจักรถังทั้งหมด ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง แต่ย่อมมิอาจเลี่ยงโทษที่รุนแรงไปได้
“รวมกำลังพลแล้วตามข้ามา!”
รองแม่ทัพประจำประตูเต่าดำก้าวไปข้างหน้า ร่างทั้งร่างวูบไหวราวกับภูตผีมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีจิตสังหารพวยพุ่งออกมา
ความเร็วในการตอบสนองต่อทุกสิ่งของรองแม่ทัพนั้นเร็วมาก ยามที่เขารู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันมันก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียว
และออกจากจุดประจำการเพียงชั่วครู่หลังจากนั้น
หลังจากที่รีบออกจากประตูเต่าดำจนมาถึงสถานที่ที่องค์รัชทายาทอยู่ก็ใช้เวลาไปสามช่วงลมหายใจ
จากช่วงเริ่มต้นของการลอบสังหารจนถึงเวลานี้ รองแม่ทัพของวังหลวงใช้เวลาถึงห้าลมหายใจเพื่อเดินทาง
ห้าลมหายใจทำอะไรได้บ้าง?
สำหรับคนทั่วไปอาจจะกะพริบตาได้สองสามครั้งหรือบางทีอาจจะเป็นสิบครั้ง
อย่างไรก็ตาม
ช่วงเวลาห้าลมหายใจนี้เปรียบเสมือนยาวนานนับปีในความรู้สึกของรองแม่ทัพที่วิตกกังวลอยู่ในขณะนี้
รองแม่ทัพแห่งวังหลวงรู้ดีว่าการที่จะลอบสังหารองค์รัชทายาทภายในวังหลวงได้ ต้องมีแผนการที่รอบคอบ ถ้าไม่มีแผนการที่แน่นอนแล้วละก็ มือสังหารพวกนี้จะไม่แอบซ่อนเข้ามาในวังเป็นแน่
ในเมื่อพวกมันกล้าลงมือ หมายความว่ามือสังหารเหล่านี้คิดว่าการลอบสังหารจะต้องสำเร็จลุล่วง
“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท”
“หวังว่าท่านจะยังมีชีวิตรอดตอนที่ข้าไปถึง”
ความคิดของรองแม่ทัพแห่งวังหลวงแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กำลังภายในที่โคจรในร่างแทบจะเดือดพล่าน
ช่วงเวลาต่อมา
รองแม่ทัพแห่งวังหลวงมาถึงและกำลังจะลงมือหยุดยั้งการลอบสังหาร
เขาก็พบเห็นฉากอันน่าประทับใจมิรู้ลืม
เขาเห็นมือสังหารที่แต่เดิมเต็มไปด้วยจิตสังหารเปลี่ยนเป็นตกตะลึง จากนั้นร่างกายของมันก็เริ่มลุกไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงกรีดร้อง
“นี่คือ?”
รองแม่ทัพตกใจ ร่างสั่นสะท้าน
ก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่ เขาคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้มากมายหลายรูปแบบ และยังคิดว่าองค์รัชทายาทอาจจะตกตายไปแล้วด้วยน้ำมือของมือสังหาร
แต่ไม่เคยคิดว่าภาพที่ได้เห็นจะเป็นเช่นนี้
เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้หากมือสังหารถูกหั่นหรือผ่าออกเป็นสองท่อน แต่สภาพที่โดนเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านนี่มันเหนือจินตนาการของรองแม่ทัพเกินไป
องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน รวมถึงเหล่าคนสนิทอีกหลายคน
เมื่อครู่ที่ผ่านมา พวกเขายังตกอยู่ท่ามกลางอันตรายถึงแก่ชีวิตอยู่เลย สามารถตกตายด้วยน้ำมือของมือสังหารได้ทุกเมื่อ แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้ขึ้น
ขณะนั้นเอง
กองทหารแห่งวังหลวงก็เดินทางมาถึง
รองแม่ทัพระงับความตกใจของตนเองและตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ปกป้ององค์รัชทายาท”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ ความปลอดภัยขององค์รัชทายาทเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง
“พี่สาม ท่านสบายดีหรือไม่?”
ซูเยว่หยุนค่อยๆ ฟื้นคืนสติกลับมาได้ จึงดึงแขนของซูฉินมาถามด้วยเสียงต่ำ
“ข้าสบายดี”
ซูฉินส่ายหัวและมองไปยังกองขี้เถ้าที่เคยเป็นร่างของมือสังหาร
เขาค้นพบตั้งแต่แรกแล้วว่าคณะทูตจากหนานหมิงพวกนี้เข้ามาในวังเพราะมีแผนการแอบแฝง
อย่างไรก็ตามซูฉินนั้นคิดว่าตราบใดที่มือสังหารพวกนี้ไม่กระทบต่อชีวิตในพระราชวังตะวันออกของเขา ขององค์รัชทายาท หรือน้องสาวคนเล็กของเขา เขาก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด
ในทั้งวังหลวงซูฉินรู้จักเพียง ซูเยว่หยุน หลี่เชิง และคนอื่นอีกแค่ไม่กี่คน
สำหรับคนอื่นนั้น ซูฉินไม่ได้สนใจว่าจะอยู่หรือตาย ไม่ว่าจะพวกขันทีหรือเหล่าองค์ชายก็ตาม
แต่สิ่งที่ซูฉินไม่คาดคิดก็คือเป้าหมายของมือสังหารพวกนี้กลับเป็นองค์รัชทายาทหลี่เชิง
“จักรพรรดิหมิง…”
ท่าทีของซูฉินยังคงสงบนิ่ง ดวงตาของเขาเริ่มฉายแววครุ่นคิด
“พี่สาม ไม่เป็นอะไรแล้ว ทุกอย่างจบลงแล้ว….”
ซูเยว่หยุนคิดว่าซูฉินตกใจจึงรีบเข้ามาปลอบโยน
“คณะทูตจากหนานหมิง?”
“ไอ้พวกเวร!!!”
ในเวลานี้รองแม่ทัพของวังหลวงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดโดยคร่าวๆ แล้ว และรู้ว่ากลุ่มมือสังหารที่ออกมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของคณะทูตจากหนานหมิง
“ฝ่าบาทองค์รัชทายาท ข้าจะพาท่านกลับไปพระราชวังตะวันออกด้วยตัวของข้าเอง”
รองแม่ทัพภายในวังหลวง โค้งคารวะต่อหน้าองค์รัชทายาทหลี่เชิง
“ได้”
องค์รัชทายาทหลี่เชิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่เล็กน้อยในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องออกนอกวังแล้ว และรีบกลับพระราชวังตะวันออกในทันทีพร้อมกับซูเยว่หยุน ซูฉิน และคนอื่นๆ
พระราชวังตะวันออกเป็นที่ประทับขององค์รัชทายาท มีกองทหารของวังหลวงจำนวนมากคอยเฝ้าระวัง
แม้จะเป็นคณะทูตของอาณาจักรใดก็ตาม ไม่สามารถเข้าไปในพระราชวังตะวันออกได้แน่ นับประสาอะไรกับพวกมือลอบสังหาร
หลังจากนั้นไม่นาน
ภายในห้องโถงชีวิตนิรันดร์
เมื่อได้ฟังรายงานจากรองแม่ทัพแห่งวังหลวง จักรพรรดิถังก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกไป
ห้องโถงชีวิตนิรันดร์เป็นวังของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังซึ่งหมายถึงอายุที่ยืนยาวและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“เจ้าออกไปได้”
จักรพรรดิถังโบกมือและกล่าวคำเบาๆ
“ตามพระบัญชา”
รองแม่ทัพแห่งวังหลวงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แม้ว่าองค์รัชทายาทจะไม่ได้สิ้นพระชนม์ แต่มือสังหารทุกคนก็ต้องได้รับโทษและดูเหมือนว่าเรื่องราวจะคลี่คลาย เป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ในวังหลวงที่เปิดโอกาสให้มือสังหารจากอาณาจักรอื่นเข้ามาลอบสังหารองค์รัชทายาทนั้น ในฐานะรองแม่ทัพที่เฝ้าประตูเต่าดำ เขาต้องรับผิดชอบทุกสิ่ง
แต่ตอนนี้จักรพรรดิถังให้เขาออกไปได้ เห็นได้ชัดว่าพระองค์ขี้เกียจเกินกว่าจะดำเนินการสิ่งใด
รอจนกระทั่งรองแม่ทัพจากไปอย่างสมบูรณ์
สีหน้าขององค์จักรพรรดิถังค่อยๆ ทะมึนขึ้นมา
“จักรพรรดิหมิงช่างกล้าหาญเสียจริง นี่คิดว่าข้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันงั้นหรือ?”
ร่องรอยความโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิถัง
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งมีโทสะไป…”
จ้าวกงกงในชุดคลุมสีม่วงเดินออกมาแล้วกล่าวว่า “การลอบสังหารองค์รัชทายาทเป็นเรื่องสำคัญมาก ในตอนนี้จะต้องมีบุคคลจากหนานหมิงที่มีอำนาจเพียงพอจะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ภายในเมืองฉางอันเป็นแน่”
“ตอนนี้การลอบสังหารล้มเหลว ข่าวคราวก็ยังไม่ได้รั่วไหลออกไป ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะคว้าตัวบุคคลนั้นมา มิดีกว่าหรือ…”
จ้าวกงกงเอ่ยกล่าวอย่างช้าๆ
“ไม่เลว”
จักรพรรดิถังเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
หากสามารถจับตัวคนสั่งการใหญ่จากหนานหมิงที่อยู่ภายในเมืองฉางอันได้สำเร็จ สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาพรวมการรบระหว่างอาณาจักรถังและอาณาจักรหมิง
“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้ารับใช้เฒ่าผู้นี้ ทั่วทั้งเมืองฉางอันนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายยังคงอยู่ที่นี่ มันจะไม่มีทางหนีไปไหนรอด”
เมื่อจ้าวกงกงพูดเช่นนั้นเขาก็หยุดพูดแล้วจึงพูดต่อว่า “ฝ่าบาท ท่านไม่อยากรู้สักหน่อยหรือว่าใครเป็นผู้ที่ช่วยองค์รัชทายาทเอาไว้?”
ตามสิ่งที่รองแม่ทัพจากวังหลวงได้กล่าวเอาไว้ เมื่อเขามาถึงมือสังหารก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปเสียแล้ว
เห็นได้ชัดว่า
ก่อนที่ตัวเขาจะมาถึง มีคนชิงลงมือไปก่อนแล้ว
คนที่สามารถลงมือเผามือสังหารได้อย่างเงียบเชียบ ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้อาจจะเหนือกว่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั่วๆ ไป แม้ว่าอาจจะไม่เก่งกาจเท่าจ้าวกงกงแต่ฝีมือคงไม่ห่างไกลนัก
“อยากรู้?”
เมื่อได้ยินดังนั้นจักรพรรดิถังก็ส่ายหัวและพูดเบาๆ “ทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง เด็กๆ นั้นโตแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะมีความลับเป็นของตัวเอง”
“ทำไมข้าจะต้องไปอยากรู้ด้วยเล่า?”